“พ.ต.อ.” ยันชี้แจงได้ทุกประเด็น แจงปมพกโน้ตเข้าห้องสอบ รอง ผบ.ตร.ชี้ “โกงสอบ” ผิดวินัยร้ายแรง

“พ.ต.อ.” แจงปมพกโน้ตเข้าห้องสอบ ยันติดมาด้วย เย็บติดกับกระดาษคำถามเพราะกลัวหลุด รับไม่ได้เจ้าหน้าที่ดึงมือจนเป็นแผลเลือดไหล ขณะรอง ผบ.ตร. ยืนยัน ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 65 ระบุชัด โกงการสอบ ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง

ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ที่ปรากฎในคลิป กล่าวว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการทางด้านเอกสาร และยินดีชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่ขอก้าวล่วงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ขอปรึกษาผู้บังคับบัญชาว่าสามารถให้คำตอบได้มากน้อยเพียงใด เพราะไม่อยากสื่อสารให้เกิดความเข้าใจหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ส่วนคลิปที่ออกมาจะทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์องค์กรตำรวจหรือไม่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ให้สัมภาษณ์ในรายการลุยชนข่าว ช่อง 8 โดยเปิดเผยว่า ไม่ได้เป็นชายชั่วร้ายแบบนี้หรอก เรียนจบปริญญามาประมาณ 7-8 ใบ ความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็คือเมื่อวานที่ไปสอบ กางเกงที่ใส่ไปกรรมการบอกว่าผิดระเบียบ ไม่ให้เข้าห้องสอบ จึงไปซื้อกางเกงมาเปลี่ยนด้วยความที่เวลากระชั้นชิด กว่าจะเปลี่ยนกางเกงเสร็จก็ค่อนข้างชุลมุน ทำให้เข้าห้องสอบช้าประมาณ 10 นาที ตอนเข้าห้องสอบไปพรินต์บัตรเข้าห้องสอบเป็นกระดาษ A4 และพับ 2 ทบ ในกระดาษพับนั้นมีโน้ตที่เขียนติดมาด้วย ก่อนเข้าห้องสอบก็ให้เจ้าหน้าที่คุมสอบตรวจเช็กที่เสื้อและกางเกงหมดแล้ว เพราะคิดว่าเอากระดาษโน้ตออกไปแล้ว ตั้งใจจะเอากระดาษแผ่นนั้นออกไปจากห้องสอบแล้ว กลัวผู้คุมสอบจะว่าจึงเอาไปวางซ้อนไว้กับกระดาษคำถามตามที่เห็น และที่มีการเย็บติดกับกระดาษคำถาม เพราะกลัวมันจะหลุด นี่คือเรื่องสัตย์จริงทั้งหมด

ยอมรับว่ากระดาษดังกล่าวคือสิ่งที่โน้ตเอาไว้เพื่อท่องจำ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเรื่อง...แบบนี้เลย และถ้าทำจริงก็ไม่ได้โง่อะไรถึงขนาดนั้น แล้วตนเองก็รับไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่มาดึงมือจนมือเป็นแผลเลือดไหลโชก

ด้านพลตำรวจเอก กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.สั่งให้ดำเนินการตามระเบียบของ พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 65 ซึ่งในพ.ร.บ.ระบุชัดว่า การโกงข้อสอบถือว่าผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งตำรวจภูธรภาค 8 ในฐานะผู้บังคับบัญชาได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว พร้อมกำชับให้รายงานข้อเท็จจริงส่งรายงานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเบื้องต้นพบว่าข้อเท็จจริงมีความชัดเจนจากวิดีโอที่ปรากฏ ซึ่งทราบว่ามีการแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กันไปทั้งวินิยและอาญา รวมทั้งสั่งให้ตรวจสอบเรื่องการช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค4 เป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ และไปช่วยราชการในการทำหน้าที่อะไร รวมทั้งตรวจสอบว่าการไปสอบเป็นการเอาเวลาราชการไปสอบหรือไม่

หลังจากที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว ก็จะส่งเรื่องมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในการพิจารณาต่อ เพราะถือว่าเรื่องนี้ทำให้เสียภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ