สังคม

“เสธ.หิ” ให้เวลา 30 วัน คนทำการเกษตรออกจากพื้นที่อ่างเก็บน้ำคีรีธาร หากยังฝืนอยู่ถือว่าบุกรุก

โดย chutikan_o

26 ก.พ. 2568

2.3K views

ไม่ได้มาเป็นศัตรูหรือชวนทะเลาะ “เสธ.หิ” ให้เวลา 30 วัน คนทำการเกษตร-ปลูกทุเรียน เกาะกลางอ่างเก็บน้ำคีรีธาร จ.จันทบุรี ออกจากพื้นที่ หากยังฝืนอยู่ถือว่ามีเจตนาบุกรุก

วันนี้ (26 ก.พ. 2568) คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จัดการประชุมเพื่อแก้ปัญหาบุกรุกพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคีรีธาร ภายในอ่างเก็บน้ำคีรีธาร ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี มี ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, พล.ต.ประพนธ์ กิติญาณทรัพย์ รอง ผอ.ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน., พล.อ.ต.ชัยสม ร่มโพธิ์ทอง หัวหน้าสำนักงานที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ เข้าประชุม

พบว่ากระทรวงพลังงานขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ เพื่อดำเนินโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคีรีธาร รวม 2 ป่า คือ ป่าตกพรหม 5,794 ไร่ และป่าปัถวี 834 ไร่ ส่วนพื้นที่โดยรอบบางส่วนมีการจัดสรรเป็นที่ สปก. ให้ประชาชนทำกิน แต่พื้นที่บนเกาะในอ่างเก็บน้ำไม่ได้มีการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์แต่อย่างใด

นายกรรชัย มีกระโดน ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า ขอความเห็นใจจากคณะกรรมการฯ ทุกภาคส่วน ทั้งพลังงาน ป่าไม้ และ สปก. เนื่องจากชาวบ้านไม่มีเจตนาบุกรุกพื้นที่เกาะกลางน้ำ โดยชาวบ้านที่เข้าไปสวนเกษตร จะรื้อสิ่งปลูกสร้างที่ลงทุนออกก่อนจะถูกหน่วยงานเจ้าของพื้นที่รื้อถอน เพราะที่ที่ได้รับการจัดสรรให้บางครอบครัวทำสวน ไม่พอเลี้ยงชีพ ประกอบกับครอบครัวขยายจึงต้องหาที่ดินทำกินเพิ่ม

เสธ.หิ กล่าวว่า มาวันนี้ไม่ได้เป็นศัตรูหรือมาทะเลาะกัน แต่มาเพื่อมาหาทางออก ขณะเดียวกันชาวบ้านต้องเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะมีหน้าที่ที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติของส่วนรวม

สำหรับ 15 ราย ที่แจ้งความดำเนนคดี ณ วันนี้ ถือว่าไม่มีเจตนาบุกรุก สามารถไปให้ปากคำกับกับพนักงานสอบสวนได้ และรีบไปนำสิ่งของที่มีการปลูกสร้างในเขตของกระทรวงพลังงานออกมาจากพื้นที่ โดยให้เวลา 30 วัน จะต้องรื้อถอนออกให้หมด หากครบกำหนดและเข้ามาตรวจสอบ ยังพบสิ่งปลูกสร้าง หรือไม่มีการรื้อสิ่งของออกจากพื้นที่ถือว่าเจตนาบุกรุก และต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

สำหรับพื้นที่ขอบอ่างซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่ยังไม่ได้ให้เข้าไปทำประโยชน์ เป็นเพราะว่าหากวันใดฝนตกหนักและน้ำมาก อาจจะท่วมพื้นที่ที่เข้าไปทำประโยชน์ได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้



คุณอาจสนใจ

Related News