พบเพียบ! ตัวล็อกกุญแจ ทุนจีนปล่อยเช่าคอนโดรายวันย่านสุขุมวิท แขวนในซุ้มวินจยย.-เสาไฟฟ้า

พบเพียบ “ตัวล็อกกุญแจแบบใส่รหัส” ของทุนจีนทำ airbnb ย่านสุขุมวิท ทั้งตรงซุ้มวินจยย. เสาไฟฟ้า แอบไว้ในกล่องใส่รองเท้า ชาวบ้านเผยเห็นมานานนับปี ชาวต่างชาติมาประจำ MEA ชี้ส่อผิดกฎหมาย เร่งแจ้งเจ้าของถอดออก

หลังจากที่เพจ Drama-addict ออกมาโพสต์ข้อความว่าลูกเพจส่งข้อมูลมา ทุนจีน ซื้อคอนโดทำ airbnb ผิดกฎหมาย แถมยังฝากกุญแจไว้ตามที่สาธารณะ กุญแจและ keycard ของคอนโด ไว้ให้แขกมาปลดรหัสและหยิบไป ส่วนมากเน้นให้ self-check in แล้วฝากนิติก็ไม่ได้ (ไม่รับฝาก/ผิดกฎคอนโด) จะฝากแม่บ้านคอยเอามาให้ก็ลำบาก เพราะแขกมาไม่เป็นเวลา ตอน checkout ทิ้งไว้ในห้องได้เลย แล้วแม่บ้านจะเป็นคนหยิบกลับมาคืน

ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่มายังซอยบาร์โบส 2 เขตคลองเตย พบว่าบริเวณปากซอยนั้นมีซุ้มวินเล็กๆ ตั้งอยู่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือบริเวณซุ้มวิน ตรงเสาไฟฟ้า และตรงเก้าอี้ไม้นั้นมีโซ่ที่ร้อยไปด้วยกล่องเก็บกุญแจแบบล็อกรหัสจำนวนหลายกล่องแขวนไว้ เป็นกล่องที่หาซื้อได้ง่าย และราคาถูก บริเวณกล่องกุญแจนั้นก็จะมีการเขียนตัวอักษรไว้ทุกกล่อง แต่จะแขวนเรียงไว้เป็นกลุ่มที่ตัวอักษรคล้ายกัน เช่น VIVIAN 1 VIVIAN 2 VIVIAN 3 ก็จะถูกแขวนไว้แถวเดียวกัน ยังตัวอักษรอื่นๆ อีกเช่น K1 - K6 นอกจากนี้ยังมี ตู้เซฟ และกล่องใส่จดหมาย ข้างในมีเครื่องล็อกกุญแจแบบใส่รหัสติดไว้อยู่

นอกจากบริเวณ ซุ้มวินในบริเวณเดียวกันทีมข่าวไปพบกล่องใส่รองเท้าสีน้ำตาลตั้งอยู่หน้าอาคารพานิชย์ข้างกับซุ้มวิน ทันทีที่เปิดออกมาก็พบกับกล่องเก็บกุญแจแบบล็อกรหัสจำนวนหลายกล่อง วางเรียงกันไว้ซึ่งทีมข่าวได้ข้อมูลมาว่าเจ้าของกล่องนี้น่าจะเป็นชาวต่างชาติ เพราะเคยมีชาวต่างชาติติดต่อมาหาแหล่งข่าวเพื่อที่จะนำตัวล็อกกุญแจแบบใส่รหัสมาติดตั้ง แต่คนในบริเวณดังกล่าวหลายคนก็เลือกที่จะปฏิเสธ เพราะไม่สนับสนุนการกระทำเช่นนี้ ซึ่งมีหลายเจ้าของ ส่วนใหญ่เป็นคอนโดในพื้นที่ดังกล่าว โดยมาติดตั้งล่าสุดคือเมื่อวานนี้ (24 ก.พ. 2568) และบริเวณตรงซุ้มวินก็มาจะมีชาวต่างชาติมายืนกดรหัสเพื่อเอาคีย์การ์ดเป็นจำนวนมาก และตรงซุ้มวินคนที่ดูแลน่าจะเป็นหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ที่จะได้รับเงินเป็นรายเดือนเดือนละประมาณ 1,000-2,000 บาท

และระหว่างที่ทีมข่าวกำลังตรวจสอบพื้นที่อยู่นั้น ก็พบว่ามีชายคนหนึ่งคาดว่าเป็นชายชาวต่างชาติ เดินมาบริเวณจุดดังกล่าว และทำท่าทีเหมือนกำลังใส่รหัสเพื่อจะเอาบางอย่างในกล่องล็อกกุญแจออกมา ก่อนที่ชายต่างกล่าวจะรีบเดินหายออกไป

นอกจากนี้เองยังมีหญิงชาวไทยรายหนึ่งมาพยายามใส่รหัสและเปิดตัวล็อกกุญแจ ทีมข่าวพยายามสอบถามว่ามาทำอะไร ด้านหญิงสาวคนดังกล่าวก็บอกว่ามาเอาคีย์การ์ดรู้จักผ่าน airbnb แต่เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หญิงคนดังกล่าวก็ไม่พูดคุยด้วย และตั้งหน้าตั้งตาใส่รหัสเพื่อที่จะเปิดกล่องออกมา ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ากล่องนี้กำลังเป็นประเด็นในสังคม เพราะแค่มาเอาของให้คนอื่น และเธอไม่ได้ประกอบธุรกิจตรงนี้ แค่มาเอากุญแจให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ส่วนข้อมูลอื่นๆ หญิงสาวรายนี้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้นำรูปภาพของตัวล็อกกุญแจแบบใส่รหัสให้กับชาวบ้านในพื้นที่ดู ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ในซอยนี้ปกติจะมีชาวต่างชาติมาอยู่เยอะมาก เพราะด้านในซอยมีโรงแรมห้องพักเยอะ และบริเวณซุ้มวินตรงนั้นก็จะมีวินมอเตอร์ไซค์ แค่เพียงคนเดียว และจะวิ่งงานแค่ช่วงเช้า ปกติก็มักจะเห็นชาวต่างชาติไปตรงจุดนั้นอยู่เป็นประจำก่อนหน้านี้ก็เคยมีชาวต่างชาติบางคนมาถามหาเครื่องล็อกกุญแจแบบใส่รหัสอยู่หลายคน แล้วก็มักจะเห็นชาวต่างชาติไปกดอะไรอยู่สักพักนึงจากนั้นก็จะเดินออกไป ส่วนตัวไม่รู้ว่าตรงนั้นทำเกี่ยวกับอะไร เห็นได้ประมาณปีนึง ส่วนคนที่เอามาติดตั้งนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเช่นเดียวกัน

ต่อมาจุดที่สองอยู่บริเวณร้านซ่อมรถจักรยานยนต์หน้าซอยสุขุมวิท 48/2 ก็พบว่ามีคนนำกล่องเก็บกุญแจแบบล็อกรหัส มาติดตั้งไว้ที่หน้าร้านจำนวนหลายกล่องวางเรียงกันไว้อย่างสวยงาม พบว่าบางกล่องสามารถเปิดออกได้แต่ข้างในไม่มีคีย์การ์ดหรือกุญแจอยู่ ซึ่งก็จะมีการติดอักษรไว้เช่นเดียวกัน

ทีมข่าวได้คุยกับ นายเจริญ เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า มีคนเอามาติดโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งติดได้ประมาณ 2 เดือน และไม่รู้ว่าคนที่นำมาติดนั้นเป็นใคร แต่จะมีผู้หญิงที่เป็นคนไทยนำคีย์การ์ดมาใส่ไว้ในกล่อง ซึ่งก็เคยถามหญิงชาวไทยว่าสิ่งที่นำมาใส่ไว้คืออะไร หญิงชาวไทยก็บอกว่าเป็นคีย์การ์ดของคอนโดที่อยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งผู้หญิงไทยคนนั้นอ้างว่าที่นำมาใส่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมา จากนั้นจะมีชาวต่างชาติมาใส่รหัส และนำคีย์การ์ดออกไป แต่ที่ยอมให้เอามาติด เป็นเพราะคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร และไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย

หลังจากนี้คงจะต้องเอาตัวล็อกกุญแจออกมา เพราะถ้าเป็นปัญหากับสังคม ตนเองก็ไม่สนับสนุนอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่เคยได้รายได้จากการที่ให้เอากล่องล็อกกุญแจมาติดตั้งที่หน้าร้าน แล้วไม่ได้รู้จักกับคนที่นำกล่องมาติดตั้ง

หลังจากที่ลงพื้นที่แล้วทีมข่าวช่อง 3 ได้ประสานไปที่การไฟฟ้านครหลวง ในช่วงเย็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าก็ได้เดินทางมายังบริเวณซอยบาร์โบส 2 หรือตรงซุ้มวินที่ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ ทางเจ้าที่ได้ลงมาตรวจสอบก็พบว่าการที่นำตัวล็อกดังกล่าวมาคล้องไว้ที่เสาไฟฟ้าเป็นการละเมิดเมื่อทรัพย์สินของการไฟฟ้า ซึ่งหลังจากนี้ทางการไฟฟ้าเองจะหาตัวเจ้าของ เพื่อที่จะพูดคุยให้มาตัดตัวล็อกกุญแจทั้งหมดออกไป แต่ถ้าหากเจ้าของไม่ยินยอมก็จะดำเนินการในเรื่องของกฎหมาย

ทีมข่าวสอบถามไปยังการไฟฟ้านครหลวง MEA ได้รับการชี้แจงว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่เขตคลองเตย และช่าง กฟน. ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบรายละเอียดแล้ว เพื่อดูว่าทรัพย์สินดังกล่าว (กุญแจ) เป็นสิ่งกีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือการจ่ายไฟฟ้า และความปลอดภัยหรือไม่ หากพบว่าเป็นสิ่งกีดขวาง ก็จะเข้าข่ายกระทำความผิดตาม “มาตรา 36 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้านครหลวง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2535 เพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภัยในการส่งพลังงานไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง โดยการไฟฟ้านครหลวงมีอำนาจทำการรื้อถอนเท่าที่จำเป็น ในกรณีดังต่อไปนี้

(1) การรื้อถอนป้าย โครงสร้างสำหรับติดตั้งป้าย หรือสิ่งอำนวยความสะดวกหรือป้องกันอันตรายในการก่อสร้างที่ติดหรือตั้งยื่นล้ำเข้ามาอยู่ใกล้สายส่งศักย์สูงบ่อย หรือสายส่งศักย์ต่ำ เสา หรืออุปกรณ์ต่างๆ

(2) การรื้อถอนป้าย โครงป้าย หรือสิ่งอื่นใดที่ปิดหุ้มคลุมทับสายส่งศักย์ต่ำหรืออุปกรณ์ต่าง ๆที่อยู่ใต้หรือบนกันสาดอาคารชั้นล่างหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารทั้งนี้ โดยไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารทราบล่วงหน้าในเวลาอันสมควร

กรณีที่สิ่งใด ๆ ตามวรรคหนึ่งมีอยู่ก่อนเวลาเดินสายส่งศักย์สูงย่อย หรือส่งศักย์ต่ำ หรือปักตั้งเสาหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ให้การไฟฟ้านครหลวงใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียเท่าที่ต้องเสียหายเพราะการกระทำนั้น”

แต่หากการตรวจสอบไม่พบว่าเป็นสิ่งกีดขวาง ก็จะเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ได้เช่นกัน

ทั้งนี้กระบวนการดำเนินงานของ MEA ในกรณีดังกล่าว หลังจากได้รับแจ้งเรื่อง จะดำเนินการประสานแจ้งให้เจ้าของทรัพย์สิน (ในที่นี้คือกุญแจ) ให้ดำเนินการปลดออก ซึ่งหากแจ้งแล้ว ไม่ยอมเอาออก ก็จะแจ้งความตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และจะให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ หากเป็นกรณีเร่งด่วน เช่น เจ้าหน้าที่ กฟน. มีความจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเร่งด่วน และ ทรัพย์สินนั้นกีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่และความปลอดภัย กฟน. มีสิทธิ์ในการตัด หรือ ปลดทรัพย์สินออกได้ แต่หากมีเวลาก็จะเจรจาให้ปลดออกเอง