เลือกตั้งและการเมือง

5 แรงงานไทย เดินทางถึงสุวรรณภูมิ หลังถูกฮามาสปล่อยตัว ปล่อยโฮโผกอดครอบครัว

โดย nutda_t

9 ก.พ. 2568

346 views

ตามที่เมื่อวานนี้ ทีมงานโรงพยาบาลชาเมียร์ เมดิคัล เซ็นเตอร์ (Shamir Medical Center ) ของอิสราเอล ได้ทำพิธีอำลาคนไทยทั้ง 5 คนที่ได้รับการปล่อยตัวจากกาซา ภายหลังตรวจเช็กสภาพร่างกายเสร็จสิ้นแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (9 ก.พ. 2568) คนไทยทั้ง 5 คน ประกอบด้วย 1. นายวัชระ ศรีอ้วน 2. นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา 3. นายเสถียร สุวรรณคำ 4. นายสุระศักดิ์ ลำเนา และ 5. นายบรรณวัชร แซ่ท้าว พร้อมครอบครัว ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน มาถึงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทยแล้ว ในเวลา 07.24 น. ด้วยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK 374 โดยมี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน , นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอให้การต้อนรับ

จากนั้น เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ทันทีที่คนไทยทั้ง 5 คน เดินออกมายังอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ตัวประกันทั้งหมดได้สวมกอดญาติๆ ด้วยความดีใจ ซึ่งหลายคนทนไม่ไหวถึงกับร้องไห้ออกมา ขณะเดียวกัน นายมาริษ พร้อมด้วยนางซากิฟ ได้เข้าพูดคุยกับตัวประกันและญาติของตัวประกันทั้ง 5 คน

ก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะแถลงข่าว โดยระบุว่า ภาพที่เห็นเป็นอะไรที่สุดๆ แล้ว สำหรับคนๆ หนึ่ง ที่ได้กลับมาสู่อ้อมอกของครอบครัว เพราะครอบครัวเกือบทุกคนไม่ได้เจอหน้าครอบครัวมาหลายปีแล้ว มีครอบครัวพูดกับตนว่า ไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสในวันนี้

พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมากระทรวงต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เคยคิดว่าจะหมดหวัง วันนี้จึงถือเป็นผลงานที่ปรากฏ ซึ่งน้ำตาความปลื้มปิติของครอบครัวทุกท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และถือเป็นกำลังใจของข้าราชการทุกหน่วยงาน ดังนั้นขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทหาร โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่ได้เดินทางไปตนตั้งแต่วันแรกที่ได้ทราบข่าวว่าตัวประกันทั้ง 5 คน จะได้รับการปล่อยตัว และขณะนี้อยู่ในมือของรัฐบาลอิสราเอลแล้ว

ขณะเดียวกัน ก็ขอขอบคุณมิตรทุกประเทศที่ให้ความช่วยเหลือเรามาโดยตลอด วันนี้จึงถือเป็นผลสำเร็จ ซี่งครอบครัวทุกคนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และขอยืนยันว่ารัฐบาล รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ตั้งใจที่จะดูแลพี่น้องชาวไทยทุกท่าน เพื่อให้พี่น้องคนไทยที่เดินทางไปใช้ชีวิตและประกอบอาชีพอยู่ในต่างประเทศ ทำงานเพื่อครอบครัว และทำงานเพื่อประเทศชาติ มีชีวิตที่ดี เพราะตนไม่เคยที่จะไม่คิดถึงความอยู่ดีกินดีของทุกท่าน รวมทั้งจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้พี่น้องชาวไทยทุกคนที่อยู่ในต่างประเทศได้ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศอย่างมีความสุข สามารถติดต่อกับครอบครัวได้ ซึ่งนี่ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ตนและข้าราชการทุกหน่วยงานยังคงทำงานกันต่อไป แม้จะมีความยากลำบากหรืออุปสรรคแต่ก็ไม่เคยย่อท้อและยังคงผลักดันต่อไป ก่อนกล่าวว่าทุกคนมีสุขภาพที่ดี แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือสุขภาพจิต ดังนั้นขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านกลับสู่สภาพความเป็นอยู่ที่ปกติโดยเร็วที่สุด

ส่วนเรื่องของสิทธิ์ทั้งหลายที่น้องคนไทยทั้ง 5 คน จะได้รับนั้น ปลัดกระทรวงแรงงาน แจ้งว่าจะดำเนินการตามสิทธิที่จำเป็นต้องได้ ในส่วนของประเทศอิสราเอล เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศและสถานทูต ที่จะต้องคุยกับรัฐบาลอิสราเอล

สำหรับตัวประกันคนไทยที่เหลืออยู่อีก 1 คน ในอิสราเอล ย้ำว่ากระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้นิ่งใจและยังคงมีความหวัง โดยจะทำต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันก็จะนำร่างของคนไทยอีก 2 คน ที่เสียชีวิตกลับมาสู่มาตุภูมิโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่าตนได้คุยกับรัฐบาลอิสราเอล ว่าจะต้องมีความพยายามร่วมกันมากขึ้น เพื่อยกระดับแรงงานที่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอล ให้เขาสามารถพัฒนาศักยภาพตนเองและกลายเป็นผู้ประกอบการได้ เพราะไม่อยากให้ยุติอยู่เพียงแค่ในฐานะแรงงานเท่านั้น ตลอดจนดึงเอาแรงงานฝีมือใหม่ ๆ ขึ้นมาด้วย

ก่อนทิ้งท้ายว่า เราจะติดตามผลในการกลับคืนสู่สังคมของคนไทยทั้ง 5 คน อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เขาเข้าไปอยู่ในสังคมและครอบครัวได้อย่างปกติที่สุด เพราะวันแรกที่พูดคุยกับแรงงานทราบมาว่าหลายคนนอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าในเรื่องของร่างกายคงไม่มีปัญหา แต่อยากเห็นพัฒนาการเรื่องของสุขภาพจิตตามไปด้วย

ด้าน ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวขอบคุณทุกคน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ภาคภูมิใจเป็นที่สุด ตนอยากจะเรียนว่าในส่วนที่เป็นสิทธิประโยชน์ เราจะดูแลอย่างเต็มที่สิทธิประโยชน์ใดๆ ที่พี่น้องแรงงานจะได้รับทั้ง 5 คน เราจะติดตาม นอกเหนือจากนั้นตนได้เรียนหารือกับนายมาริษ ก็ได้ให้ข้อสังเกตมากมายเรื่องของการพัฒนาคนไทยทั้ง 5 คน ให้เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ในการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมให้กับพี่น้องคนไทย และคนที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล

"คนไทยทุกคนที่ไปทำงานต่างประเทศ ท่านคือแม่ทัพแรงงาน ได้ส่งเงินเข้าประเทศ 2-3 แสนล้านบาท ถือเป็นการขับเคลื่อนประเทศชาติ ขอขอบคุณและต้อนรับสู่อ้อมกอด" ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว

ส่วน นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา ตัวแทนแรงงาน กล่าวว่า พวกตนขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนช่วยเหลือพวกเรา วันนี้มายืนอยู่ตรงนี้ จะมีวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีพวกท่าน พวกเรารู้สึกซาบซึ้งที่ได้กลับมาแผ่นดินเกิดอีกครั้งหนึ่ง พวกเราทุกคนขอบคุณจริงๆ ไม่รู้จะพูดอย่างไร

ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายมาริษ พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงแรงงานได้เดินไปส่งถึงที่รถ เพื่อส่งคนไทยทั้ง 5 คน และครอบครัวเดินทางกลับภูมิลำเนา


ด้าน นายสมบูรณ์ บิดาของนายบรรณวัชร 1 ใน 5 แรงงานชาวไทย ที่ได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา เดินทางจากจังหวัดน่าน พร้อมภรรยา และลูกสะใภ้ มาที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรอรับลูกชาย วันนี้ทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดของชนเผ่าม้ง

นายสมบูรณ์ บอกว่า ถือเป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิต และตนรู้สึกดีใจมาก ที่จะได้เจอลูกชายอีกครั้ง หลังจากรอคอยมาตลอด 15 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทุกวันตนก็มีความหวังว่าจะได้พบลูกชาย โดยหลังจากที่ลูกชายได้รับการปล่อยตัว ได้คุยกับลูกชายแล้วประมาณ 30 นาที ลูกชายบอกว่า รู้สึกเหมือนเกิดใหม่

นางสาววิชญาดา ภรรยาของนายบรรณวัชร ระบุว่า ดีใจมากจนพูดไม่ออก เพราะรอสามีมาตลอด 15 เดือน อย่างมีความหวัง รอใจจดใจจ่อ ไม่ว่าใครจะพูดว่าอะไร ยอมรับว่าที่ผ่านมา หลังจากสามีถูกจับตัวไป ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก เพราะตนกับสามีมีลูกทั้งหมด 3 คน ต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ แต่ก็สู้จนผ่านไปได้ วันนี้หากเจอหน้าสามีจะบอกว่า ไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว หลังจากนี้จะไม่ให้สามีกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว ให้ทำงานอยู่ประเทศไทยดีที่สุด

โดยวันที่สามีได้รับการปล่อยตัว ตนก็ได้วิดีโอคอลคุยกัน ต่างคนก็ต่างร้องไห้ สามีบอกว่า ไม่คิดว่าตนจะยังอยู่รอ และคิดว่ามีครอบครัวใหม่ไปแล้ว แต่ตนก็บอกสามีไปว่า รอมาตลอด และไม่คิดจะมีครอบครัวใหม่

ขณะที่ นางหนูกัน มารดาของนายเสถียร ชาวจังหวัดน่าน หนึ่งในตัวประกันที่ได้รับการปล่อยตัว กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ลูกชายได้รับการปล่อยตัว เพราะก่อนหน้านี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยตั้งแต่ติดต่อลูกไม่ได้ พอรู้ข่าวว่าลูกได้รับการปล่อยตัวก็รู้สึกดีใจ แต่ก็ยังนอนไม่หลับจนวูบล้มสลบหน้ากระแทกเป็นรอย เพราะคิดถึงลูก ยืนยันหลังจากนี้ จะไม่ยอมให้ลูกกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว และหลังจากเดินทางกลับมาแล้ว จะให้ลูกชายบวช เพราะได้บนบานกับปู่ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านเอาไว้ ตั้งแต่ 7 ตุลาคมที่ลูกหายตัวไป ว่าถ้าได้กลับมาจะบวชให้ และที่ไหนที่มีคนบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ ก็ไปไหว้ขอหมด

แท็กที่เกี่ยวข้อง  แรงงานไทยในอิสราเอล

คุณอาจสนใจ

Related News