สังคม
บุกรวบกลางกรุง! 2 บิ๊กบอสจีน ‘ยี-ลี่’ เครือข่ายแก๊งคอลฯ กบดานหมู่บ้านหรู ยึดทรัพย์กว่า 15 ล้าน
โดย petchpawee_k
7 ก.พ. 2568
282 views
สืบนครบาลเปิดปฏิบัติการ ไล่ล่า "2 บิ๊กบอสคอลเซ็นเตอร์ ยี-ลี่" บิ๊กบอสชาวจีนหัวหน้าแก็งคอลเซ็นเตอร์ คาบ้านพักกลางกรุงฯ ยึดทรัพย์ 15 ล้าน ขยายผลพบรังปลวกแก๊งสแกรมเมอร์ในประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายแห่ง ตร.เผยเบื้องหลังจับกุม มีผู้เสียหายแจ้งความโดนมิจฯ หลอกโอนงิน 2 ล้าน ตรววจสอบเส้นทางการเงินพบมีบัญชีม้ารับโอนเงินจากผู้เสียหาย โอนต่อไปอีก รวม 13 บัญชี
วานนี้ (6 ก.พ.) ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT และชุดสืบนครบาล เปิดปฏิบัติการ ไล่ล่า "2 บิ๊กบอสคอลเซ็นเตอร์ ยี-ลี่" บิ๊กบอสชาวจีนหัวหน้าแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยได้ขับรถตามประกบรถยนต์หรูของผู้ต้องหาชาวจีน เมื่อไปถึงหน้าหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ในซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพ จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมทันที พบผู้ต้องหาในรถ 1 คน คือ นายลี่ เว่ยเจีย อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ขณะจับกุม นายลี่ ได้กำโทรศัพท์ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
จากนั้นตำรวจได้นำกำลังบุกเข้าไปที่บ้านหรูในหมู่บ้านดังกล่าว พบตัวนายยี วานโยว อายุ 29 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาอีก 1 คนอยู่ภายในห้องนอน ซึ่งตอนแรก นายยี ไม่ยอมเปิดประตูให้ ตำรวจจึงพังประตูเข้าไป นายยีก็รีบวิ่งไปลบข้อมูลในโทรศัพท์ทันที เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลาง 4 รายการ เงินสด (ไทยและต่างประเทศ) มูลค่าประมาณ 417,546.67 บาท ของแบรนด์เนม จำนวนมาก มูลค่าประมาณ 4,305,846.67 รถยนต์ Benz Maybach S580e ราคาประมาณ 11,000,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง นาฬิกาหรู สร้อยคอทองคำ รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดมูลค่าประมาณ 15,305,846.67 บาท
จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ พบว่าในโทรศัพท์มือถือนั้นมีข้อมูลเป็นรูปภาพ QR Code และรูปภาพเครื่อง SIM box และซิมโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่เปิดใช้งานเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื่อได้ว่าทั้ง 2 คน ทำหน้าที่เป็นระดับ "บิ๊กบอส" มีธุรกิจทั้งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และบริษัทฟอกเงินหลายแห่งในประเทศเพื่อนบ้าน และพบข้อมูลว่าทั้งคู่ได้ซื้อหมายเลขโทรศัพท์หลายแสนเบอร์ เพื่อใช้ยิง SMS หลอกลวง หลังจากนี้ตำรวจจะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมว่า มีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้เสียหายอย่างไร
พล.ต.ท.สยาม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 มีผู้เสียหายรายหนึ่งเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ว่าถูกหลอกลวงผ่าน เพจ Facebook อ้างว่าให้ผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงมาแจ้งความร้องทุกข์ผ่านลิงก์ในเพจ Facebook ได้โดยผู้เสียหายถูกหลอกไปมากกว่าล้านกว่าบาท ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก และสืบนครบาลได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม สอบปากคำพยานปากสำคัญที่บริเวณชายแดนได้หลายปาก พยานทั้งหมดได้ยืนยันตัวว่า มีตัวการใหญ่คือ 2 ผู้ต้องหาชาวจีนที่สามารถจับกุมได้ในวันนี้
ทางตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออำนาจศาลออกหมายจับชาวจีนทั้ง 2 ราย ได้แก่ นายลีและนายยี ในข้อหา “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือยืมบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้”
โดยทั้งสองมีพฤติการณ์เป็นหัวหน้าผู้สั่งการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 ชั้น โดยจะให้ลูกน้องในเครือข่ายเปิดเพจ Facebook ปลอมอ้างว่าเป็นหน่วยงานราชการในไทย เพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากรอกข้อมูลแจ้งความร้องทุกข์ โดยได้นำรูปนายตำรวจระดับสูงมาแอบอ้างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ หลังจากนั้นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะโทรหาผู้เสียหาย ทำทีอ้างว่าจะให้การช่วยเหลือ ก่อนที่จะหลอกเงินผู้เสียหายซ้ำเติมเสมือนเป็นการกระทืบเหยื่อซ้ำ
โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปสั่งการงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วจะข้ามกลับมาที่ประเทศไทย โดยจะมากบดานเช่าบ้านภายในซอยพหลโยธิน 32 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น safe house ซึ่งจากข้อมูลพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีราคามูลค่ากว่า 15 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาทั้งสองเช่าอาศัยเดือนละ 100,000 กว่าบาท จนกระทั่งวานนี้ (6 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งภายในซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ให้การใด ๆ กับตำรวจ จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปดำเนินคดีที่ สน.หัวหมาก ท้องที่ที่มีการแจ้งความของผู้เสียหาย รวมทั้งหลังจากนี้จะขยายผลในเรื่องของการฟอกเงินและตัวการหรือลูกทีมในขบวนการอื่นเพิ่มเติม เพราะพบว่าผู้ต้องหาชาวจีน 2 รายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งขบวนการ Call Center ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 กว่าชั้นในประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัพย์สินที่ทางตำรวจสามารถตรวจยึดอายัดได้หลังจากนี้ จะเข้าสู่กระบวนการเฉลี่ยทรัพย์สินเพื่อเยียวยาคืนแก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนทางกฎหมาย ที่สำคัญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการมาแล้วว่า ให้ทุกสถานีตำรวจในท้องที่ไม่ว่าจะเป็นนครบาลหรือภูธร ตรวจสอบชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับการกระทำความผิดกฎด้านกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะท้องที่นครบาลได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจขยายผลทุกคดี ที่มีการแจ้งความเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั้งหมด
ทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 ได้คุยกับ พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผู้กกำกับการ สน.หัวหมาก เผยว่า การจับกุมเริ่มจากมีหญิงผู้เสียหาย อายุ 50 ปี มาแจ้งความกับตำรวจ สน.หัวหมาก ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก 2 ครั้ง ซ้อนต่อเนื่องกัน ถูกหลอกให้โอนเงินรวมกว่า 2 ล้านบาท รอบแรกเริ่มต้นจากการที่แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์โทรติดต่อมายังผู้เสียหายอ้างว่าเป็นตำรวจ บอกว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายยาเสพติด ทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว หลังจากนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้พูดจาหว่านล้อม ให้ผู้เสียหายโอนเงิน อ้างว่าเพื่อนำไปตรวจสอบจนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนไปจำนวน 1 ล้านบาท
ต่อมาในรอบสอง เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวว่าโดนหลอก ก็พยายามหาข้อมูลในโซเชียลว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้เงินคืน ก็ไปเจอเพจที่อ้างว่าเป็นหน่วยงานราชการเกี่ยวกับทางตำรวจและ ปปง. ที่โพสต์ประกาศว่าจะให้ความช่วยเหลือคืนเงินแก่เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ จึงส่งข้อความไปสอบถาม ปรากฏว่าเพจดังกล่าวอ้างกับผู้เสียหายว่าจะสามารถให้การช่วยเหลือได้ แต่ต้องมีการโอนค่าดำเนินการและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ซึ่งผู้เสียหายเองก็หลงเชื่อและโดนหลอกให้โอนเงินอีกหลายครั้ง รวมโดนโอนเงินครั้งที่ 2 ไปจำนวน 1 ล้านบาท รวมเสียหายทั้ง 2 ครั้ง 2 ล้านบาท เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.หัวหมาก ทันที
จากนั้นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ไดตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีบัญชีม้ารับโอนเงินจากผู้เสียหาย แล้วโอนต่อไปอีก 2 แถว รวมทั้งสิ้น 13 บัญชี พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกให้บัญชีม้าทั้งหมดมาให้ปากคำ ปรากฏว่ามีเพียงบัญชีม้ารายเดียวที่เข้ามาให้ปากคำ โดยบัญชีม้ารายนี้ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายหน้าคนไทยรายหนึ่งให้เปิดบัญชีที่ชายแดน จ.สระแก้ว ได้รับค่าจ้าง 2,000-3,000 บาท พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก จึงขยายผลไปสอบสวนหาข้อมูลทางลับถึงชายแดน จ.สระแก้ว จนรวบรวมพยานฐานพิสูจน์ทราบตัวนายหน้าชาวไทยที่เป็นคนว่าจ้างให้เปิดบัญชีมาได้
นอกจากนี้ ยังได้ทำการสืบสวนในทางลับจนได้เบาะแสชี้ตัวว่านายหน้าคนไทยรายนี้ ยังมีตัวการใหญ่ชาวจีนอีก 2 รายซึ่งเป็นระดับผู้สั่งการคือ นายลีและนายยี ก่อนที่ตำรวจสืบนครบาลจะเข้ามารับช่วงต่อในการขยายผล เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่คาบเกี่ยวระหว่างประเทศ จนสามารถรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ได้จำนวนทั้งสิ้น 15 ราย
แบ่งเป็นระดับตัวการชาวจีน 2 ราย คือนายลีและนายยี ที่ถูกตำรวจจับกุมวานนี้ (6 ก.พ.) ออกหมายจับนายหน้าชาวไทย 1 ราย ในข้อหาเดียวกันกับตัวการชาวจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัวจับกุมดำเนินคดี เช่นเดียวกับบัญชีม้าอีก 12 ราย ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีเป็นบัญชีม้าตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมเช่นกัน ส่วนบัญชีม้าที่ให้การเป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวน จะกันเอาไว้เป็นพยาน
สำหรับนายลีและนายยี ผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 2 ราย ที่เป็นตัวการใหญ่ที่จับกุมได้นั้น ยังไม่ให้การอะไรกับพนักงานสอบสวน แต่ข้อมูลจากการสืบสวนพบว่ามีส่วนพัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มแรกที่มาหลอกผู้เสียหาย หลังจากนี้จะทำการสอบสวนขยายผลเส้นทางการเงินเพิ่มเติม ว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้กระทำความผิดรายอื่นหรือไม่ ก่อนจะดำเนินการส่งฝากขังต่อศาลอาญาในวันนี้ (7 ก.พ.) โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Yb4UZGuNQkg
แท็กที่เกี่ยวข้อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ,บิ๊กบอส ,ชาวจีน