"โรม" แนะวิธีตัดวงจรแก๊งคอลฯ อัด "อนุทิน" ลอยหน้าลอยตา ปล่อยประเทศเสียหาย

นายรังสิมันต์ โรม วันนี้ให้สัมภาษณ์ระบุจะจับตาดูการตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียนมา พร้อมวิจารณ์กรณี 2 รัฐมนตรี ภูมิธรรมและอนุทิน พูดขัดแย้งกัน โดยบอกว่า เห็นด้วยกับนายภูมิธรรม พร้อมตั้งคำถามว่าหากประเทศและประชาชนเสียหายนายอนุทินจะลอยหน้าลอยตาต่อไปแบบนี้ใช่หรือไม่ นอกจากนี้ยังวิจารณ์การให้สัมภาษณ์ของ เลขา สมช. บอกว่า เทคออฟก็เหมือนจะดี แต่พอท่านแลนด์ดิ้งมันไปอีกทางหนึ่ง



นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้อำนาจรองนายกฯ สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดนไทยเมียนมา ว่า ควรจะเป็นแบบนั้นเพราะเป็นสิ่งที่ตนพยายามยืนยันมาโดยตลอดว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ไม่ควรไปถึงระดับนโยบายด้วยซ้ำ แต่กฟภ.เกียร์ว่าง ทำให้แก๊งคอลเซนเตอร์ เป็นปัญหาไม่จบไม่สิ้น



นายรังสิมันต์ ย้ำถึงการตัดไฟ ตามที่เคยโพสต์เฟซบุ๊กก่อนหน้านี้ คือ บอกว่า ไม่ควรตัดแค่ ชเวก๊กโก และเคเคพาร์ก เพราะ 2 จุดนี้เคยตัดไฟไปนานแล้ว จึงมองว่า ทางท่าขี้เหล็กยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ขณะที่ฝั่งเมียวดี และพญาตองซู มีปัญหาเรื่องแก็งคอลเซนเตอร์ หากตัดไฟทั้ง 3 จุด ก็จะสามารถสกัดปัญหาได้ แต่หากละเว้นจุดใด ปัญหาก็จะไม่จบ เพราะขบวนการเหล่านี้ คงย้ายไปอีกจุดที่ยังไม่ถูกตัดไฟ



ส่วนวิธีการแก้ปัญหาในระยะยาว นายรังสิมันต์ ย้ำเรื่องการจัดการดูแลท่าเรือข้ามแม่น้ำ ทั้งเรื่องการลดจำนวนท่าข้ามเรือ และการเอาผิดเจ้าของท่าเอกชนหากพบกระทำผิด



ส่วนเรื่องวีซ่านักท่องเที่ยว นายรังสิมันต์มองว่า ก็ควรทบทวนด้วย เพราะ บางพื้นที่ไม่มีความจำเป็น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก พื้นที่ที่เป็นพื้นที่ด้านความมั่นคง หรือหากนักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้าพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน จะเป็นไปได้หรือไม่



ส่วนเมื่อถามถึงท่าทีของนายภูมิธรรมและนายอนุทิน ต่อเรื่องการตัดไฟที่ดูสวนทางกัน นายรังสิมันต์ ย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ต้องถึงนายภูมิธรรม ไปไกลสุดจริงๆแค่ที่นายอนุทินแค่นั้น

พร้อมตั้งคำถามว่า



การที่นายอนุทินไม่ดำเนินการมีความเสียหายต่อประเทศชาติหรือไม่ และถ้ามีความเสียหาย คุณอนุทินจะลอยหน้าลอยตาต่อไปแบบนี้ใช่หรือไม่ รัฐบาล นายกฯจะไม่ทำอะไรเลยใช่หรือไม่ และหากปรากฎว่าไฟฟ้าที่ขายไป ไม่ใช่มีแค่ฝั่งพม่าแต่ไปเจอจุดอื่นอีก แล้วก่อให้เกิดการเสียหายอีก คุณอนุทินจะลอยหน้าลอยตา แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆปล่อยให้ประชาชนต้องรับความเสียหายต่อไปเองเรื่อยๆ ส่วนนายกฯผมขอเรียกร้องแม้จะชื่นชมว่าวันนี้มีการตัดไฟจริง แต่ขณะเดียวกันความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว คุณอนุทินก็ต้องรับผิดชอบในการไม่ใช้อำนาจหน้าที่ ที่รับผิดชอบของตัวเอง ผมต้องถามถึงนายกฯว่า เราจะปล่อยนายอนุทินไปแบบนี้หรือไม่



นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังบอกด้วยว่า 6 กุมภาพันธ์นี้ จะเชิญกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุม กับกมธ.ฯ ซึ่งเขาได้กำชับกับฝ่ายเลขาว่ากระทรวงมหาดไทยให้กำหนดเชิญนายอนุทินโดยตรง รวมถึงเลขาสมช.ด้วย



พร้อมทั้งยังย้อนพูดถึงการให้สัมภาษณ์ของเลขาสมช.เมื่อวานนี้ โดยบอกว่า ท่านเลขาสมช.ยินดีที่จะรับเผือกร้อน และออกมาพูดตอนแถลง ผมก็เสียดายมาก ว่าควรจะพูดให้ชัดเจน ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาความมั่นคง แก๊งคอลเซนเตอร์ ผมฟังข้อมูลตอนเทคออฟก็เหมือนจะดี แต่พอท่านแลนด์ดิ้งมันไปอีกทางหนึ่ง ผมก็งงกับท่านจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น"



นายรังสิมันต์ มองว่า "แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไม่มีทางเติบโตได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คนที่คอร์รัปชันที่อยู่ในวงการราชการ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์คงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ขณะนี้นี้คงไม่มีคนฆ่าตัวตาย คงไม่มีคนที่หมดตัวขนาดนี้ถ้าระบบกฎหมาย สามารถอำนวยความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง"



ส่วนที่เคยออกมาโพสต์กำชับให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดูแลลูกน้องตัวเอง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นข่าวว่าพล.ต.ต. ต.เต่า ออกมายอมรับว่าเคยทำธุรกิจอยู่ฝั่งตรงข้ามคือที่เมียวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งตำรวจต้องมีหน้าที่ปกป้องและปฏิบัติตามกฏหมาย แต่ปล่อยให้บุคคลเดินทางไปเล่นกาสิโน ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการเข้าออกประเทศไทยที่ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ และรายได้ที่ได้มาที่อาจชอบด้วยกฎหมายเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินหรือไม่

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Q6D5cnbG0Qs