สังคม

เผาแล้วศพ 3 แม่ลูก เหยื่อสาวบีเอ็ม พ่อเผยคู่กรณีไม่มาไกล่เกลี่ยเยียวยา ไร้เงาร่วมไว้อาลัย

27 ม.ค. 2568

639 views

จากกรณีสาวขับเก๋ง BMW พุ่งชนรถจักรยานยนต์ของนางเย็นจิตร ที่มีลูกชายชั้น ม.4 และลูกสาวชั้น ม.2 ซ้อนมาด้วย ทำให้ 3 แม่ลูกเสียชีวิต ที่ จ.ชุมพร หลังอุบัติเหตุครั้งนั้น มีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยชดเชยความเสียหายกับผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุไม่มาพบญาติผู้เสียหายเลยสักครั้ง จนกระทั่งอัยการสั่งฟ้องคดี


เมื่อวันที่ 26 ม.ค.68 เวลา 13.00 น. นายประกฤษณ์ รัตนภา อายุ 50 ปี เป็นสามีและพ่อของผู้เสียชีวิต เดินทางไปที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนย้ายร่างนางเย็นจิตร ภรรยา, นายกฤตเมธ ลูกชาย และเด็กหญิงบุณยานุช ลูกสาว ไปยังวัดสุวรรณนัทธี หรือวัดคูขุด ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจ โดยมี นายมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือ ทนายแก้ว เดินทางจากกรุงเทพฯ มาร่วมในพิธีฌาปนกิจด้วย รวมทั้งมีผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนนักเรียน และประชาชนที่ทราบข่าว มาร่วมไว้อาลัยครั้งสุดท้ายเป็นจำนวนมาก


ภายหลังจากทำพิธีสวด วางผ้าบังสุกุล วางดอกไม้จันทน์ และเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนา เพื่อนนักเรียนร่วมกันร้องเพลงสลักจิตและเพลงฝนตกไหม ให้เพื่อนฟังเป็นครั้งสุดท้าย บางคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่กอดกันร่ำไห้ท่ามกลางผู้คนที่มาแสดงความเสียใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า


นายประกฤษณ์ ผู้เป็นพ่อ ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร่ำไห้ในช่วงที่เพื่อนของลูกชายและลูกสาวร้องเพลงไว้อาลัย ก่อนจะเคลื่อนศพขึ้นเมรุ โดยที่เพื่อนนักเรียนช่วยกันยกหีบศพเพื่อนขึ้นบนเมรุ


ทนายแก้ว และนายประกฤษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้อัยการฯ ส่งฟ้องหลายข้อหา หลัก ๆ คือ ประมาททำให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย รวมถึงตรวจพบสารเสพติดด้วย และกรณีพิเศษขอให้ศาลมีคำสั่งริบรถ BMW ของกลางด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ อัยการเปิดโอกาสให้คู่กรณีมาไกล่เกลี่ยกัน แต่ฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ไม่มา หลังจากไปกราบขอขมาศพครั้งนั้นแล้ว ก็ไม่เคยมาหรือติดต่อกันอีกเลยจนถึงปัจจุบัน เงินเยียวยาไม่เคยได้รับ รับเพียงเงินจากบริษัทประกันเท่านั้น เงินจากฝ่ายผู้ละเมิดผู้ขับขี่และทางญาติก็ยังไม่มี


ในส่วนที่เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 24 ล้านบาทเศษ เพราะลูกทั้งสองเป็นอนาคตของชาติ ยังมีโอกาสเติบโตสร้างประโยชน์ให้ชาติได้อีกมาก แต่ต้องมาเสียชีวิตไป ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่สามารถตีความเสียหายเป็นมูลค่าได้ แต่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งทางจำเลยได้ต่อสู้ว่า ค่าเสียหายที่เรียกนั้นสูงเกินไป ก็ให้เป็นดุลพินิจของศาล  


นายประกฤษณ์ ผู้เสียหาย บอกว่า เสียใจมาก แม้แต่วันเผาศพ คู่กรณีก็ไม่ส่งตัวแทนมา ไม่ติดต่อแสดงความเสียใจใด ๆ ไม่มีจิตสำนึก ตนอยากฝากไปถามว่า ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่


ทนายแก้ว กล่าวว่า ในวันที่  24 กุมภาพันธ์ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน ซึ่งจำเลยและทนายต้องมาตามนัด ก็รอดูว่าฝ่ายจำเลยจะพูดอะไร โดยข้อหาที่ร้ายแรงในคดีนี้คือ ประมาททำให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และยังมีอีกหลายข้อหา ทั้งขับรถความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด, ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ, หลังเกิดเหตุไม่ให้การช่วยเหลือและตรวจพบสารเสพติด 2 ตัว เป็นต้น ซึ่งข้อหาท้ายฟ้องในส่วนคดีอาญาของพนักงานอัยการฯ ค่อนข้างละเอียดมาก


ทนายแก้ว ยังกล่าวว่า เท่าที่จำได้ ฝ่ายคู่กรณีรับสารภาพใน 2 ข้อหา คือ ขับรถประมาทฯและไม่มีใบขับขี่ ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้ พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการฯค่อนข้างทำสำนวนละเอียดมาก จึงไม่มีความกังวลในเรื่องคดี ไม่หนักใจอะไร และตอนนี้เกิดความเสียหายไปแล้ว ในความเป็นมนุษย์ควรมีจิตใจกับผู้เสียหาย ควรจะส่งตัวแทนมาแสดงถึงความจริงใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ผู้เป็นพ่อเหลืออยู่ตัวคนเดียว มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก


นายประกฤษณ์ พ่อผู้สูญเสียครอบครัว 3 ชีวิต กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ตนต้องดูแลแม่ป่วยติดเตียงและยังต้องไปทำงาน แต่ต้องดำเนินชีวิตต่อไป อยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณา เพื่อคดีจะได้สิ้นสุดให้เร็วขึ้น


https://youtu.be/5mlewnW5SfY


แท็กที่เกี่ยวข้อง  เผาเหยื่อสาวบีเอ็ม

คุณอาจสนใจ