สังคม

ตรุษจีนซบเซา ส่งออก "ทุเรียนไทย"สะดุด หลังจีนสั่งตรวจสารย้อมสี จี้รัฐเร่งช่วยเหลือ

โดย paranee_s

16 ม.ค. 2568

210 views

จากการที่หน่วยงานกำกับดูแลตลาดของจีน ได้ตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหารของทุเรียนไทย ที่นำเข้าประเทศจีน พบปัญหาการใช้สารย้อมสีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “Basic Yellow 2” ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ ลักษณะเป็นผงสีเหลืองใช้ในการย้อมผ้า กระดาษ หนัง และสีทาบ้าน ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้สารนี้เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B และทางการจีนกำหนดให้ทุเรียนทุกล็อตที่ส่งออกจากไทยไปจีน ต้องแนบผลวิเคราะห์ Basic Yellow 2 และผลต้องไม่พบสารดังกล่าว และก่อนการออกต้องมีใบ PC หรือใบรับรองสุขอนามัยพืช ใบตรวจสารแคตเมียม และใบ test report ของสาร Basic Yellow 2 กำกับไปกับการส่งออกทุเรียนทุกครั้ง

ล่าสุด ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการส่งออกทั้งรายเล็กรายใหญ่ที่มีอยู่มากกว่า 1,000 แห่ง และชาวสวนทุเรียนในจังหวัดชุมพรอย่างมาก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ อำเภอทุ่งตะโก และ อำเภอหลังสวน ซึ่งเป็นตลาดกลางศูนย์กลางรับซื้อส่งออกผลไม้ภาคใต้ ปรากฏว่าการซื้อขายทุเรียนเป็นไปด้วยความเงียบเหงา จากเดิมที่คึกคัก และผู้ประกอบการล้งส่วนใหญ่ก็ปิดกิจการไม่รับซื้อชั่วคราว เนื่องจากจีนกำหนดให้มีการตรวจวัด test report ของสาร Basic Yellow 2 เพื่อออกใบรับรองกำกับไปกับการส่งออกทุเรียน ซึ่งเป็นมาตรการใหม่ล่าสุดที่ประเทศจีนประกาศบังคับใช้ เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา

ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีเครื่องตรวจวัดดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการส่งออก ต้องส่งผลผลิตทุเรียนไปตรวจที่ด่านตรวจของจีน ทำให้ต้องเสียเวลารอคิวนานหลายวัน เพราะแต่ละวันจะมีทุเรียนส่งออกประมาณ 100-200 ตู้ ส่งผลให้ทุเรียนสุกงอม น้ำหนักลด เสื่อมคุณภาพ ราคาตกลงมาก บางรายก็ตรวจพบสารดังกล่าว จึงต้องถูกตีกลับ บางรายรอคิวนานหลายวันไม่ไหว ต้องนำกลับมาแกะเนื้อขาย ก่อนที่ผลผลิตเสียหายมาก

ด้าน น.ส.นฐมล ฤทธิประดิษฐ์โชค ผู้ประกอบการส่งออกล้ง LCY กล่าวว่าทุเรียนที่กำลังออกสู่ตลาดช่วงนี้เป็นผลผลิตนอกฤดูกาล ที่ชาวสวนหวังว่าจะขายในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ ซึ่งมีราคาสูงกิโลกรัมละกว่า 200 บาท แต่หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ทั้งผู้ประกอบการส่งออกและเจ้าของสวนทุเรียนเครียดกันทั้งหมด ในส่วนของล้งตนได้จองซื้อทุเรียนจากชาวสวนไว้แล้วซึ่งต้องวางเงินมัดจะสวนละ 15 %


ตอนนี้ได้วางเงินมัดจำให้กับชาวสวนทุเรียนไปแล้วหลายแห่ง รวมเป็นเงินประมาณ 24 ล้านบาท และทุเรียนจะครบกำหนดตัดแล้ว ทำให้เครียดมาก เพราะถ้าตัดแล้วก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน เพราะต้องไปเข้าคิวรอการตรวจของด่านทางการจีนนานหลายวัน ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพลดลง ราคาก็จะตกลงด้วย และหากตรวจไม่ผ่านจะถูกตีกลับต้องเสียหายขาดทุนตู้ละประมาณ 5 ล้านบาท เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานใดสามารถออกใบรับรองการตรวจสาร Basic Yellow 2 ที่ประเทศจีนเพิ่งจะกำหนดบังคับใช้ล่าสุดนี้ได้เลย

น.ส.นฐมล กล่าวว่าจึงขอให้ทางรัฐบาลไทย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบไปเจรจากับประเทศจีน หรือให้ประเทศจีนส่งเครื่องตรวจสารดังกล่าวเข้ามาใช้ในประเทศไทยเพื่อเกิดความรวดเร็ว เพราะประเทศไทยยังไม่มีเครื่องมือดังกล่าว ทางการจีนก็ควรจะส่งเข้ามาใช้ในประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการส่งออก ตอนนี้ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งผู้ประกอบการ ชาวสวน และแรงงานอีกจำนวนมาก เฉพาะล้งของตนก็ใช้แรงงานมากกว่า 80 คนแล้ว

ขณะที่ นายสันต์ ผู้ประกอบการทุเรียนส่งออก กล่าวว่าในส่วนของตนได้ส่งทุเรียนออกไปประเทศจีนจำนวน 7 ตู้ ตอนนี้ได้ตีกลับมาทั้งหมดเนื่องจากไม่สามารถรอคิวได้นานหลายวัน เพราะทางฝ่ายจีนจะไม่สุ่มตรวจ แต่จะตรวจทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งออก ทำให้ล่าช้ามากใช้เวลารอนานหลายวัน จึงต้องตีกลับมาเพื่อแกะเนื้อขาย แม้จะขาดทุนก็ยอม ดีกว่ารอแล้วให้ผลผลิตเสียหาย ทำให้ตนขาดทุนไปแล้วขณะนี้ตู้ละประมาณ 3 ล้านบาท รวม 7 ตู้ ก็ประมาณ 21 ล้านบาท คาดว่าจะมีทุเรียนต้องตีกลับจากมาตรการนี้ของประเทศจีนมากถึง 100-200 ตู้ ซึ่งแต่ละตู้จะบรรจุทุเรียนประมาณ 18,000 กิโลกรัม ดังนั้นทั้งผู้ประกอบการและชาวสวนจะได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายนับพันล้านบาทเลยทีเดียว

นายสันต์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทุเรียนที่ตนได้ไปจองและวางมัดจำไว้แล้ว ซึ่งก็มีอยู่จำนวนมากทั้งในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.นครศรีธรรมราช ตอนนี้ได้เวลาตัดแล้ว ถ้าไม่ตัดก็จะจะสุกงอมและร่วง ตนจึงต้องไปพูดคุยเจรจากับเจ้าของสวนที่วางเงินมัดจำไว้ว่า ขอให้ลดราคาลงมาเพื่อพบกันครึ่งทาง เพราะมิฉะนั้นเราก็จะเจ็บด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย จากที่วางมัดจำไว้และทำสัญญาจะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 210 บาท ก็ลดลงมาเหลือ 160 บาท ซึ่งตนก็ได้นำมาประกาศขายหน้าล้งในราคากิโลกรัมละ 80 บาทเท่านั้น ซึ่งแม่ค้าส่วนใหญ่ที่มารับซื้อก็จะนำไปแกะเนื้อขาย ในขณะที่บางส่วนก็ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยเจรจากันอยู่ เพราะตอนนี้ไม่สามารถส่งออกได้ เนื่องจากทางประเทศไทยยังไม่มีเครื่องตรวจออกใบรับรองสาร Basic Yellow 2 ตามที่ประเทศจีนเพิ่งจะกำหนดมาบังคับใช้ ซึ่งทราบว่าประเทศไทยอยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจากต่างประเทศ จึงอยากให้รัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รีบเจรจากับประเทศจีนเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเร็ว

ด้าน น.ส.พรเพ็ญ อายุ 49 ปี เจ้าของสวนทุเรียน กล่าวว่าทุเรียนตนมีอยู่เกือบ 10 ไร่ ตอนนี้ผู้ประกอบการส่งออกได้วางเงินมัดจำรับซื้อไว้แล้ว ซึ่งทุเรียนก็ครบกำหนดตัดแล้ว แต่ผู้ประกอบการก็ยังยืดเวลาออกไปอีก จึงทำให้ทุเรียนเริ่มจะสุกและร่วงหล่นแล้ว ซึ่งตนก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งตนตั้งใจที่จะทำทุเรียนออกนอกฤดูกาล หวังจะขายได้ราคาสูงในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ แต่ก็มาเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ทำให้ได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายอย่างมาก จึงอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหานี้โดยเร็ว


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/1AR7FpTMyU4

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ