สังคม

สาววัย 21 โดนแก๊งคอลฯแต่งชุดตำรวจหลอก 3 แสน อ้างพัวพันคดีดัง บังคับถ่ายคลิปมีดจี้คอส่งให้พ่อแม่

โดย petchpawee_k

14 ชั่วโมงที่แล้ว

287 views

สาววัย 21 ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญเงินกว่า 3 แสน อ้างพัวพันคดีดัง ก่อนถ่ายคลิปทำร้ายตัวเองส่งให้พ่อแม่

วานนี้ ( 9 ม.ค.67) เมื่อเวลา 19.00 น. ที่สภ.เมืองนนทบุรี นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี พร้อมสามี ได้พาน.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ลูกสาว เข้าให้ปากคำดับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ว่าเมื่อวันที่ 7 ม.ค.68 น.ส.บี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกว่า ไปผัวพันคดีของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ในข้อหาร่วมกันในคดีฟอกเงิน ทำให้ น.ส.บี แอบเอาเงินในบัญชีของครอบครัวโอนให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์สูญเงิน 3 แสนกว่าบาท

จากการสอบถาม น.ส.บี (เบลอหน้า) ทราบว่า ช่วงเย็นวันที่ 7 ม.ค.68 ได้มีโทรศัพท์เบอร์แปลกที่ไม่ได้บันทึกชื่อไว้โทรเข้ามาแจ้งว่า มาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตนจึงวางสายทันทีเพราะคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นได้มีโทรศัพท์อีกเบอร์โทรเข้ามาอีกครั้งและพูดด้วยเสียงแข็ง ว่าเมื่อกี้สายหลุดหรือตัดสายทิ้ง ด้วยความกลัวตนจึงบอกไปว่าสายตัดไปเอง ปลายสายจึงแจ้งว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของนายสามารถ แล้วบอกตนว่าจะโอนสายไปให้คนที่มียศใหญ่เพื่อจะช่วยเหลือตน ให้ไม่ต้องเข้าไปมีรายชื่อเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว พร้อมกับบอกว่าตนเคยไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ตนก็ตกใจเพราะไม่เคยไปเปิดบัญชีที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งระหว่างที่พูดคุยกันตนไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาเป็นตำรวจจริงหรือไม่จริง ตนต้องการแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้เป็นคนทำ เขาถึงต้องการมาสอบสวนตนว่าเป็นมาอย่างไร


น.ส.บี กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีการโทรผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์เข้ามาและชี้แจงรายละเอียดคดีแจ้งชื่อนามสกุลและเลขคดี แล้วแจ้งว่าเป็นตำรวจยศร้อยโท ก่อนวางสายไปต่อมาได้มีการโทรกลับมาเป็นวีดีโอคอล เป็นผู้ชายแต่งเครื่องแบบตำรวจด้านหลังมีหมวกตำรวจและป้ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังจากเขานั้นได้มีการส่งรูปและเอกสารของนายสามารถ มาให้เป็นรูปพาดหัวข่าว ตนจึงบอกว่าตนไม่รู้จัก ตำรวจได้บอกว่านายสามารถ ให้การซัดทอดว่าตนไปขายบัญชีธนาคารกรุงไทยให้เขา  ตนบอกไม่มีเลขบัญชีตามที่บอก จากนั้นให้ตนเอาโทรศัพท์หันไปรอบห้องว่ามีใครอยู่หรือไม่ และยังพูดเล่นด้วยว่าสะสมของด้วย ตนคิดว่าเขาคงพูดทำให้ตนสบายใจไม่อยากให้ตนเครียดหรือวิตกกังวล

น.ส.บี กล่าวอีกว่า ขณะที่วีดีโอคอล ตนก็พยายามจะจับพิรุธว่าตำรวจเป็น AI หรือเปล่าเพราะตอนนี้ AI ทำเหมือนมาก แต่เห็นว่าลักษณะท่าทางและการขยับร่างกาย ตรงกันกับเสียงที่พูดคุยตรงกัน หลังจากคุยแล้วชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจได้ถามว่ามีเงินและทรัพย์สินอะไรบ้าง ให้แจ้งมาทั้งหมด ตนบอกว่ามีเงินในบัญชีอยู่ประมาณ 1,500 บาท และมีเงินสดอีก 7,000 บาท ก่อนเขาจะเริ่มให้โอนเงินไปให้เพื่อทำการตรวจสอบ ตนบอกว่ามีเงินอยู่แค่นี้ เขาบอกให้ไปเอาเงินของพ่อแม่โอนมาตรวจสอบด้วย โดยพูดข่มขู่ต่างๆนาๆหากไม่หาเงินโอนมา พ่อกับแม่จะถูกดำเนินคดี ด้วยความกลัวตนเลยไปขอยืมโทรศัพท์ของพ่อมา แล้วโอนเงินจากแอปธนาคารขอพ่อจำนวน 21,000 บาท มาที่บัญชีของตน จากนั้นบัญชีของพ่อถูกบล็อกโอนเงินไม่ได้ ตนจึงโอนเงินให้ตรวจสอบได้แค่นั้น ต่อมาตนได้ไปยืมโทรศัพท์ของแม่โอนเงินจากแอปธนาคารของแม่มายังบัญชีของตน จำนวน 3 ครั้ง ครั้งละ 49,999 บาท และสแกนหน้าแม่อีก 1 ครั้ง จำนวน 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 249,997 บาท ก่อนจะโอนไปให้ตามที่ตำรวจบอก ทั้งหมด

นางเอ แม่ (เบลอหน้า) กล่าวว่า เมื่อวันที่ื 7 ม.ค. 68 ตนเลิกงานกลับถึงบ้านลูกสาวมาขอยืมโทรศัพท์ตนไปบอกว่าจะไปถ่ายงาน ต้องใช้โทรศัพท์ 2 เครื่อง ตนได้ให้โทรศัพท์ลูกไป จากนั้นลูกเอาเข้าไปในห้องหายไปนาน ตนก็ไม่ได้สงสัยคิดว่าเขาเอาไปถ่ายงานตามปกติ ตนจึงเอาไอแพด มาเล่น จากนั้นได้มีข้อความเด้งขึ้นมา เป็นการเคลื่อนไหวกับบัญชีธนาคาร มีเงินเข้ามา 30,000 บาท ก็แปลกใจว่าเป็นเงินอะไรเข้ามาได้อย่างไร สักพักลูกก็ถือโทรศัพท์มาหาตนบอกว่าแม่สแกนหน้าหน่อย ตนสงสัยสแกนอะไรตนก็ไม่ให้สแกน แต่แล้วลูกก็สแกนหน้าไปได้ แล้วพ่อเขาก็เดินมาบอกว่าเขาโดนลูกยืมโทรศัพท์ไปเหมือนกัน แล้วแอปธนาคารของพ่อโดนบล็อก ซึ่งตอนนั้นพ่อเขาไม่ทราบว่าเงินได้ถูกเอาออกจากบัญชีไปแล้วหลักหมื่น จากนั้นตนเห็นว่าเงิน 100,000 บาทถูกโอนออกไป ตนจึงเดินไปเคาะห้องถามลูกว่า เงินออกไปได้ยังไง โดนคอลเซ็นเตอร์หลอกหรือเปล่า ลูกปิดห้องล็อกไม่ตอบอะไร ตนจึงไปยืนแอบฟังเหมือนลูกโทรศัพท์คุยกับใครอยู่ และเหมือนว่าคนที่คุยด้วยกำกับให้ลูกทำนั่นทำนี่ ต่อมาพ่อก็ไปเคาะถามว่าเอาเงินไปได้ยังไง ใครมาหลอก ลูกก็ตอบว่าเดี๋ยวจะบอกทุกอย่าง เดี๋ยวหลังเที่ยงคืนแล้วเงินจะกลับคืนมา จะบอกทุกอย่างให้พ่อกับแม่รู้


นางเอ กล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 8 ม.ค.68 ตนไปทำงานและบอกกับยายไว้ว่าอย่าให้หลานออกจากบ้านเด็ดขาด จนกระทั่งลูกได้โทรมาบอกให้ตนเอาทองของยายไปขายแล้วเอาเงินใส่บัญชีไปให้หน่อย ตนถึงได้รู้ว่าลูกออกจากบ้านไปแล้ว ตนก็พยายามถามว่าอยู่ที่ไหนจะได้เอาทองไปให้กับตัว แต่ลูกก็ไม่บอก  จากนั้นลูกได้ส่งคลิปมาให้ตนดูว่าถือมีดคัตเตอร์จี้ที่คอ เพื่อขอให้ตนโอนเงินให้ ตนก็ใจไม่ดีห่วงลูกเพราะเขามีภาวะซึมเศร้าอยู่แล้ว ตนจึงได้ปรึกษากับทางตำรวจร้อยเวร ซึ่งทางตำรวจให้ตนใจแข็งไม่ต้องโอนเงินเพิ่มอีก ซึ่งตนเคยเห็นข่าวที่ผ่านมาว่าถ้าลูกไม่มีเงินก็จะกลับมา

ส่วนเงินที่เข้ามา 30,000 บาทตนมาทราบภายหลีงว่าลูกเบิกเงินจากบัตรเครดิตมาใส่บัญชีธนาคารตน เพื่อโอนให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สุดท้ายลูกไม่มีเงินจึงยอมบอกว่ามาเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนราชพฤกษ์ ตนกับสามีจึงได้ขับรถไปรับและพาเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/VkbqOQymSfc

คุณอาจสนใจ

Related News