สังคม
ชาวต่างชาติเล่านาทีหนีตาย ไฟไหม้โรงแรมย่านข้าวสาร สลด หญิงบราซิลเพิ่งถูกขอแต่งงาน ก่อนเสียชีวิต
โดย thichaphat_d
31 ธ.ค. 2567
485 views
กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ช่วงหัวค่ำวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 6 ชั้น ชื่อโรงแรมดิเอ็มเบอร์ ถนนตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร ใกล้กับถนนข้าวสาร เป็นอาคารพาณิชย์ 11 คูหา ที่ดัดแปลงมาเป็นโรงแรม ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 5 ห้อง 511 โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือหญิงสาวชาวบราซิล ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 2 รายเป็นชายสัญชาติอเมริกัน และยูเครน เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.) เวลา 10:30 น. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เดินทางมายังโรงแรมที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าวอย่างละเอียด รวมทั้งตรวจสอบสภาพโครงสร้างของอาคารว่ามีความปลอดภัยหรือไม่
ขณะที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ให้ข้อมูลกับทีมข่าวถึงความคืบหน้าว่า หลังจากนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนำข้อมูลที่ได้ไปตรวจสอบอย่างละเอียด ถึงจะสามารถทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้ คาดว่าใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 วัน
ส่วนกรณีของผู้พักห้อง 511 ซึ่งเป็นห้องต้นเพลิง พบว่าเป็นชายชาวเกาหลีใต้ 3 ราย โดยจากการสอบสวนทราบว่า ทั้งสามคนได้เข้ามาเช็คอินที่โรงแรมเมื่อเวลาบ่ายสาม แล้วหลังจากนั้นในช่วงหัวค่ำ ทั้ง 3 คนก็ได้ออกไปท่องเที่ยวข้างนอก ก่อนที่ช่วงเวลาประมาณตีห้า 1 ใน 3 คนได้เดินทางกลับมาที่ห้องก่อน แต่พบว่าไฟไหม้โรงแรมแล้ว ก่อนที่ในเวลาต่อมาทางตำรวจจะตามอีก 2 คนที่เหลือมาสอบปากคำ ซึ่งทั้งหมดให้การยืนยันว่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ที่โรงแรม ไม่ได้เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าและก่อประกายไฟทิ้งเอาไว้ ทั้งนี้ ยังไม่ถือว่าทั้ง 3 คนเป็นผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายนั้น ล่าสุดได้รับการยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตอีก 2 รายที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาล เป็นชายสัญชาติสหรัฐอเมริกาและยูเครนตามลำดับ โดยจะนำร่างชายชาวยูเครนไปชันสูตรพลิกศพที่นิติเวช โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ส่วนร่างชายสัญชาติสหรัฐอเมริกา จะนำส่งไปชันสูตรพลิกศพที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมกับร่างหญิงชาวบราซิลที่เสียชีวิตที่เกิดเหตุ
ส่วนสาเหตุที่พบหญิงชาวบราซิลผู้เสียชีวิตในห้อง 511 ซึ่งเป็นห้องต้นเพลิงนั้น คาดว่าเนื่องจากในช่วงที่เกิดเหตุเพลิงไหม้นั้น มีกลุ่มควันคละคลุ้งทั่วทั้งชั้นอย่างหนาแน่นจนมองไม่เห็นทาง โดยผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มในห้อง 502 ซึ่งอยู่ปีกฝั่งตรงข้ามกับห้องต้นเพลิง จากการสอบสวนระบุว่า ผู้เสียชีวิตและแฟนหนุ่มได้วิ่งออกมาจากห้อง แต่เกิดการพลัดหลงกัน ทำให้ผู้เสียชีวิตวิ่งจากปีกซ้ายของอาคารไปยังฝั่งปีกขวาของอาคาร โดยไม่เห็นบันไดหนีไฟ
ขณะเดียวกันที่ห้อง 511 นั้น ก่อนหน้านี้ได้มีเจ้าหน้าที่มาใช้คีย์การ์ดเปิดเพื่อเข้าไปตรวจสอบต้นเพลิงเบื้องต้นแล้ว เลยทำให้ห้องดังกล่าวถูกเปิดแง้มเอาไว้ ผู้เสียชีวิตซึ่งขณะนั้นพยายามคลำหาทาง เมื่อเห็นว่าประตูห้องดังกล่าวเปิด จึงเข้าใจว่าเป็นทางหนีไฟ เลยเข้าไปในห้องดังกล่าว ก่อนสำลักควันและไฟคลอกเสียชีวิต
ทั้งนี้ ทีมข่าวยังได้รับกราฟฟิคแผนผังห้องพักของอาคารโรงแรมย่านข้าวสารที่เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ โดยพบว่า ห้องต้นเพลิงคือห้อง 511 นั้นอยู่บริเวณปีกขวาของอาคาร ฝั่งไม่ติดกับถนน ส่วนห้อง 502 ซึ่งเป็นห้องของผู้เสียชีวิต อยู่ปีกซ้ายของอาคาร ฝั่งไม่ติดกับถนนเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันยังมีข้อมูลจากสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทยที่ได้เข้าไปตรวจสอบโรงแรมที่เกิดเหตุ พบว่า จากการตรวจสอบโครงสร้างเบื้องต้น จุดเกิดเหตุอยู่ที่ชั้น 5 ห้อง 511 โดยเพลิงไหม้เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนกับโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เฉพาะภายในห้องเท่านั้น มีฝ้าคดงอ ปูนฉาบเพดานและผนังห้องหลุดร่อนบางส่วน สายไฟพบแค่ฉนวนละลาย ทองแดงยังไม่ถึงจุดหลอมละลาย เหล็กโครงสร้างยังไม่เสียรูป
แต่จุดที่เสียหายมากที่สุดในห้อง คือ เตียงนอน ถูกไฟเผาจนเหลือแต่สปริง ซึ่งคาดว่าจุดเกิดเหตุน่าจะอยู่บนเตียงนอน แต่จะต้องรอผลการตรวจสอบอย่างแน่ชัดจากกองพิสูจน์หลักฐานยืนยันอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายเจฟ จอห์นสัน (Jeff Johnson) อายุ 34 ปี ชาวสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตัวเองเดินทางมาที่ประเทศไทยได้ 2 สัปดาห์แล้ว และเป็นการมาครั้งที่ 2 โดยมาพักกับเพื่อนที่โรงแรมนี้ ห้องพักของตนอยู่ที่ชั้น 4 ตอนนั้นได้กลิ่นควันแต่คิดว่าเป็นควันบุหรี่ จึงเปิดประตูและหน้าต่างออกมาดู เห็นกลุ่มควันเป็นจำนวนมาก ตนกับเพื่อนจึงได้หนีขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้า ซึ่งทันทีที่ขึ้นไปก็เห็นว่ามีผู้หลบอยู่บนดาดฟ้าประมาณ 40 กว่าคนได้ ทุกคนอยู่ในสภาพที่หวาดกลัวอย่างมาก อีกทั้งยังเห็นคนที่กระโดดลงมาจากตึก ซึ่งตนและเพื่อนก็ไม่กล้าที่กระโดด เพราะกลัวได้รับอันตราย
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยของไทยก็เข้ามาอย่างรวดเร็วและให้ความช่วยเหลือด้วยการนั่งกระเช้าเครนลงมาจากด้านล่าง ซึ่งต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรวมถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยของไทยที่เข้ามาช่วยได้ทันเวลา ทำให้ตนหนีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไฟไหม้ได้ เพราะตอนนั้นตนกลัวมากและสำลักควัน จึงหิวน้ำมากๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลหลังจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ นายเจฟบอกว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวลกับความปลอดภัยและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าคืนเกิดเหตุตนมีความหวาดกลัวและตกใจ แต่ตอนนี้ตนรู้สึกสบายใจมากขึ้น ซึ่งในเจฟได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมภายหลังการสัมภาษณ์ว่า ตนรักประเทศไทย และจะยังคงมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยต่อไป
ขณะที่นายวัชระ พงษาศิลป์ อายุ 48 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนถนนตานีซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม เล่าว่า ในช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ตนได้ยินเสียงนักท่องเที่ยวตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อออกมาจากซอยก็พบว่า มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ พร้อมขว้างปาสิ่งของลงมา เพื่อส่งสัญญาณว่าขณะนี้อยู่ในเหตุการณ์อันตราย หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีรถดับเพลิงของกรุงเทพมาช่วยดับไฟและทยอยลำเลียงนำผู้ประสบภัยลงมาจากอาคารผ่านกระเช้าเครน ทั้งนี้ ตนทราบว่า มีผู้ประสบภัยรายหนึ่งกระโดดลงมาจากอาคารบริเวณด้านหลัง แต่ไม่ทราบชะตากรรมว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ขณะที่โรงแรมดังกล่าวเพิ่งเปิดให้บริการได้ประมาณปีเศษ และส่วนตัวมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เนื่องจากทุกคนคงเข้าใจดีว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุและส่วนตัวเชื่อมั่นในเรื่องมาตรการการป้องกันอัคคีภัยของกรุงเทพอยู่แล้ว
แต่ยอมรับว่า ตนเองพักอาศัยอยู่ในย่านนี้ตั้งแต่เด็ก ก็เห็นว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ในละแวกนี้บ่อยครั้ง แม้กระทั่งอาคารโรงแรมหลังดังกล่าว ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นอาคารพาณิชย์ ก็เคยเกิดเพลิงไหม้มาเมื่อ 10 กว่าปีก่อน จึงเกิดความกังวลกลัวไม่ใช่น้อยว่าบ้านชุมชนของตนเองอาจจะเกิดเพลิงไหม้ได้ เลยทำให้ที่ผ่านมา คนในชุมชนได้เข้าร่วมอบรมและเป็นอาสาสมัครป้องกันอัคคีภัย รวมทั้งได้ติดตั้งถังดับเพลิงเอาไว้ในชุมชนเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอยู่แล้ว
ด้าน สำนักการแพทย์ กทม.สรุปเหตุไฟไหม้โรงแรมย่านข้าวสาร พบว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย หญิงชาวต่างชาติ เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 1 ราย / ชายชาวต่างชาติ เสียชีวิต 2 ราย ที่ รพ.วชิรพยาบาล และรพ.สมิติเวช ไชน่าทาวน์ และมีผู้บาดเจ็บ 7 ราย
สำหรับหญิงสาวที่เสียชีวิต ตำรวจ สน.ชนะสงคราม เปิดเผยว่า เธอมาเปิดห้องพักกับแฟนหนุ่มที่ห้อง 502 พอเกิดเพลิงไหม้ก็พากันวิ่งออกมาจากห้อง แต่ด้วยควันไฟที่มีจำนวนมาก ทำให้พลัดหลงกัน ประกอบกับก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่มาใช้คีย์การ์ดเปิดเพื่อเข้าไปตรวจสอบต้นเพลิง ทำให้ห้องดังกล่าวถูกเปิดแง้มเอาไว้ เป็นไปได้ว่า ผู้เสียชีวิตพยายามคลำหาทาง เมื่อเห็นว่าประตูห้องดังกล่าวเปิด จึงเข้าใจว่าเป็นทางหนีไฟ เลยเข้าไปในห้องดังกล่าว ก่อนสำลักควัน และถูกไฟคลอกเสียชีวิต เมื่อตรวจสอบในอินสตราแกรม พบว่าเธอเพิ่งถูกแฟนหนุ่มขอแต่งงานที่อ่าวมาหยา จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/KRa-FFOo8fg
แท็กที่เกี่ยวข้อง ไฟไหม้โรงแรม ,ถนนข้าวสาร ,หนีตายไฟไหม้ ,ถูกขอแต่งงาน ,ชาวบราซิล