เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกาญจนบุรี สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ชุดการขาว กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 13 ค่ายพระพุทธยอดฟ้า ทำการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของ นายวศิน อายุ 30 ปี และนางสาวจินดาพร อายุ 36 ปี สองผัวเมียที่มีพฤติกรรมเป็นผู้ค้าเฮโรอีนให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนจะทำการบุกจับกุม ขณะที่ทั้งสองคน กำลังนำเอาเฮโรอีนไปส่งให้กับลูกค้า บริเวณริมถนนแสงชูโต ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
โดยเจ้าหน้าที่ตัดสินใจขับรถประกบ ก่อนจะเข้าตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะอีซูซุ สี่ประตู ของทั้งสองคน ตรวจค้นภายในรถ พบเฮโรอีน จำนวน 1 แผ่น น้ำหนัก 350 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าที่วางอยู่บริเวณที่วางเท้า ฝั่งผู้โดยสาร โดยผู้ต้องหาทั้งสองคน รับสารภาพว่าเฮโรอีนดังกล่าว เป็นของตัวเองจริง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งสองคนมาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะสามารถขยายผลไปจับกุม นายอนุชา อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นเอเยนต์เฮโรอีนรายใหญ่ในพื้นที่ตัวเมืองกาญจนบุรี โดยสามารถจับกุมได้พร้อมของกลาง เฮโรอีน จำนวน 8 แผ่น น้ำหนักรวม 2.8 กิโลกรัม
โดยหลังจากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายอนุชาได้สำเร็จ และกำลังจะควบคุมตัวนายอนุชา ไปสอบปากคำพร้อมทำบันทึกจับกุม ที่สำนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกาญจนบุรีนั้น จู่ ๆ ภรรยาของนายอนุชา ได้โทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องของนายอนุชาและพยายามพูดคุยติดสินบนเจ้าหน้าที่ โดยจะขอนำเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท เข้ามาให้กับเจ้าหน้าที่ แลกกับการให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวนายอนุชาไป
เจ้าหน้าที่จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมออกอุบายให้ภรรยาของนายอนุชา มาพบที่สำนักงาน เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ปรากฏว่า นางสาวพรชนก อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนายอนุชา ได้เดินทางมาพร้อมกับนางสาวอารีย์ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นแม่ยายของนายอนุชาพร้อมด้วยเพื่อนอีก 1 คน ก่อนที่นางสาวอารีย์ ซึ่งเป็นแม่ยาย จะนำเงินสดจำนวน 1 ล้านบาทออกมาจากกระเป๋า เพื่อจะติดสินบนเจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่า จะจ่ายให้อีก 1 ล้านบาท หลังได้รับตัวนายอนุชากลับไป
ซึ่งทันที ที่นางสาวอารีย์ นำเงินออกมาจากกระเป๋า เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุมตัวทั้งสามคนทันที โดยมีภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ซึ่งบันทึกภาพและเสียงในช่วงเวลาดังกล่าวไว้อย่างชัดเจนเป็นหลักฐาน ก่อนจะควบคุมตัวนายอนุชา กลับไปยังห้องควบคุมตัว และดำเนินคดีกับ นางสาวอารีย์ ซึ่งเป็นแม่ยาย, นางสาวพรชนก ซึ่งเป็นภรรยา พร้อมเพื่อนของนางสาวพรชนก อีก 1 คน ในข้อหา ร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน