สังคม

รวบ 2 ผัวเมียเป็นนายทุนตัวการใหญ่ขบวนการจัดหาบัญชีม้าข้ามชาติ

โดย paranee_s

6 ชั่วโมงที่แล้ว

306 views

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ได้แก่ MR.LIM อายุ 38 ปี สัญชาติมาเลเซีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5738/2567 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน” และนางสาวเสาวลักษณ์ สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5742/2567 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน”


โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้ทำการจับกุมที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5738/2567ในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” ขณะเดินทางเข้าประเทศไทย และต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลจับกุม นางสาวเสาวลักษณ์ ผู้เป็นภรรยา ตามหมายจับที่ 5742/2567 ในข้อหาเดียวกัน


โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นผลมาจากการร้องทุกข์ของผู้เสียหายจำนวนมากที่ถูกหลอกลวงให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยกลุ่มคนร้ายได้หลอกลวงผู้เสียหายผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยแอบอ้างบุคคลมีชื่อเสียงในวงการหุ้นเพื่อสร้างความเชื่อถือ ให้ลงทุนในหุ้นไทยและต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชัน "Nicshare" ซึ่งเป็นแอปฯปลอม โดยในระยะแรกผู้ลงทุนสามารถทำกำไรได้และถอนเงินได้บางส่วน ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและลงทุนเพิ่ม


แต่เมื่อลงทุนมากขึ้น กลุ่มคนร้ายกลับไม่อนุญาตให้ถอนเงิน อ้างว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและภาษีก่อน จากการตรวจสอบพบว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และมีผู้เสียหายถูกหลอกลวงมากกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 800 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและพบว่ามีกลุ่มคนไทยและต่างชาติร่วมขบวนการ ดำเนินการหลอกลวงในหลายพื้นที่ รวมถึงมีเงินหมุนเวียนในกลุ่มคนร้ายมากกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหากว่า 50 รายในระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมา


โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ เป็นหัวหน้าขบวนการ โดยมีการวางแผนหลอกลวงอย่างซับซ้อน และกระทำผิดเป็นขบวนการ รวมถึงการผ่อนถ่ายเงินจากผู้เสียหายผ่านบัญชีธนาคารหลายบัญชี ก่อนที่จะนำเงินไปซื้อเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีสกุล USDT และทำการถ่ายโอนในรูปแบบดิจิทัล ทำให้การติดตามทรัพย์สินมีความยากลำบาก


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ดำเนินการเปิดปฏิบัติการ “GHOST COMPANY” เพื่อตรวจสอบบริษัทนิติบุคคลกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ พบว่าหลายบริษัทไม่มีการประกอบกิจการจริง โดยถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเปิดบัญชีม้าและสนับสนุนขบวนการฟอกเงิน จนนำไปสู่การตรวจค้นบริษัทที่มีพิรุธจำนวน 6 จุดทั่วประเทศ ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จนนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้


จากการซักถามปากคำผู้ต้องหารายทั้งสอง ให้การรับว่าจัดหาคนมาเปิดบริษัทนิติบุคคลจริงเพื่อเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งนำไปใช้และขายให้บุคคลอื่น โดยมีเครือข่ายลูกค้าหลายประเทศในอาเซียน จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่าบัญชีดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และธุรกิจสีเทา ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อติดตามและตรวจสอบต่อไป


ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จะดำเนินการขยายผลสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ รวมถึงผู้ที่มีบทบาทในการจัดตั้งบริษัทเพื่ออำนวยความสะดวกในการฟอกเงินมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ขอย้ำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการลงทุนออนไลน์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง และตรวจสอบข้อมูลบริษัทให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

คุณอาจสนใจ

Related News