สังคม
ผงะชุมชนบัญชีม้า เปิดใจชาวบ้าน - หลานร้อง อ้างยายวัย 74 ถูกแก๊งคอลฯหลอกเปิดบัญชีม้า จนติดคุก
โดย passamon_a
18 ธ.ค. 2567
303 views
หลานสาวร้อง อ้างยายวัย 74 ถูกหลอกข้ามไปสแกนใบหน้าบัญชีม้าที่ปอยเปต กลับมาไทยโดน 4 หมายจับ ทุกวันนี้ต้องถูกตัดสินรับโทษในเรือนจำ ทีมข่าวลงพื้นที่ชุมชนย่านจอมทอง ผงะ พบชาวบ้านในชุมชนถูกชักชวน ก่อนยินยอมไปเปิดบัญชี สแกนใบหน้า อีกนับสิบ ๆ ราย
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 นางสาวเจนิสตา หลานสาวของ นางนภา อายุ 74 ปี เดินทางขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด ภายหลังคุณยายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกชวนไปทำงานเป็นแม่บ้านที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา หวังจะนำเงินมาช่วยเหลือดูแลสามีพิการนอนป่วยติดเตียง แต่สุดท้ายถูกบังคับไปเปิดบัญชีม้า ต้องใช้ชีวิตอยู่กว่า 10 วัน ก่อนจะถูกปล่อยตัวกลับมา แต่มีหมายจับติดตัวกลับมาด้วย 4 หมายจับ ข้อหาฉ้อโกงประชาชน ปัจจุบันยายต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ
โดย นางสาวเจนิสตา หลานสาว บอกว่า ปกติยายทำงานเป็นแม่บ้านดูแลคนป่วย จนกระทั่งคนที่ดูแลเสียชีวิต นายจ้างจึงให้มาทำความสะอาดที่บ้านระหว่างรองานใหม่ จนมีคนที่อาศัยอยู่แถวบ้าน มาชักชวนไปทำงานเป็นแม่บ้านที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา บอกว่าได้เงินดี ยายก็หลงเชื่อ ซึ่งตัวเองพยายามห้ามแล้วแต่ยายไม่ฟัง เพราะยายบอกว่าอยากมีรายได้มาดูแลตาที่ป่วยติดเตียง จนกระทั่งตัดสินใจเดินทางไป ซึ่งตอนนั้นติดต่อยายได้บ้างไม่ได้บ้างเนื่องจากสัญญาณไม่ค่อยดี หรือยายบอกว่าคนที่พาไปหลังจากมารับไปที่บ้านก็มุ่งหน้าไปที่จังหวัดสระแก้ว และพาเดินเลาะตามเส้นทางธรรมชาติจนข้ามไปยังประเทศกัมพูชาได้
ปรากฏว่าพอไปถึง งานที่ไปทำกลับไม่ใช่งานเป็นแม่บ้าน แต่ถูกให้ไปรวมอยู่กับคนไทยอีกกว่า 1,000 คน ในห้องโถงใหญ่ ที่มีทั้งเด็กผู้หญิงและคนชรา กินอยู่นอนเบียดเบียดกันภายในห้องนี้ ก่อนจะมีคนดูแลที่คนที่นั่นเรียกกันว่า เจ๊ ซึ่งมีสามีเป็นชาวจีน จะคอยมาสั่งให้ลูกน้องพายายและคนในห้องออกไปทีละหลายหลายคน ไปยืนอ้าปาก กระพริบตา และส่ายหน้า ลักษณะเหมือนการสแกนใบหน้าเพื่อเปิดบัญชี ซึ่งช่วงนั้นที่สามารถติดต่อยายได้ ก็ถามว่าเค้าให้ไปทำอะไร แต่ยายก็เล่ามาว่า วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรคอยรอคนดูแลเรียกไปทำแบบนี้ซ้ำ ๆ กัน ทุก ๆ วัน ตัวเองพยายามให้ยายหาทางกลับมา แต่ก็ไม่สามารถกลับมาได้ จนผ่านไปประมาณ 10 วัน ยายโทรศัพท์กลับมาบอกว่าตอนนี้ข้ามกลับมาที่ฝั่งไทยแล้ว ได้เงินกลับมา 4,000 บาท กำลังจะหารถตู้กลับบ้าน
หลังจากกลับมาอยู่บ้านได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน จู่ ๆ ก็มีตำรวจจากกองบังคับการปราบปราม ประมาณ 7-8 คน เข้ามาที่บ้านพร้อมหมายจับยาย โดยแจ้งว่ายายมีหมายจับข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พรบ.คอมพ์ มูลค่าความเสียหายประมาณ 130,000 บาท แต่หลังมีการตรวจสอบพบว่ามีเงินเข้ามาในบัญชีเพียง 74,000 บาท ก่อนจะคุมตัวยายไปยังสถานีตำรวจภูธรบ้านลาด และนำตัวส่งฟ้องศาล และต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำประมาณสองเดือน ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา ตอนนั้นตัวเองกำลังจะไปรับ แต่จู่ ๆ ก็มีตำรวจมารออายัดตัวยายที่หน้าเรือนจำ ส่งตัวไปต่อที่สถานีตำรวจภูธรชะอำ จึงมารู้ว่ายายถูกหลอกไปทำงานเปิดบัญชีม้า แล้วยังไปตรวจสอบยายยังมีหมายจับอีกสองหมายจับ จากศาลจังหวัดเชียงใหม่ และศาลจังหวัดศรีสะเกษ
นางสาวเจนิสตา หลานสาว บอกต่อว่า ที่เดินทางมาเพื่ออยากจะขอความช่วยเหลือจากสายไหมต้องรอด เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับยาย และอยากให้ตำรวจตรวจสอบในเรื่องของเส้นทางการเงิน ซึ่งแม้จะมีเงินเข้ามาผ่านในบัญชี แต่ยายก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเงินจำนวนนี้ แต่ต้องมาเป็นแพะรับบาป มิหนำซ้ำยังมีตาที่อายุมากและป่วยติดเตียงอยู่ หลังจากรู้ว่ายายต้องไปต้องโทษจำคุกในเรือนจำ ตาก็มีอาการทรุดและซึมลงอย่างเห็นได้ชัด
ด้าน ทีมงานสายไหมต้องรอด ระบุว่า เรื่องนี้จะต้องไปดูในส่วนของเงินประกันตัว ของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งการเปิดบัญชีม้าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่คุณยายก็ได้รับโทษไปแล้ว ซึ่งกระบวนการต่อไปก็จะต้องส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ เพราะกรณีนี้เป็นลักษณะเหมือนการถูกหลอกให้ไปทำงาน และสิ่งที่เป็นห่วง คือสภาพความเป็นอยู่ของตา ซึ่งตอนนี้อาจจะต้องมีการประสานกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงไปดูแลช่วยเหลือ และอยากเตือนไปยังประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะนอกจากจะไม่ได้เงินแล้วยังได้รับความเดือดร้อนโดนหมายจับตามมาอีกด้วย
จากนั้นทีมสายไหมต้องรอด ได้พาทีมข่าวไปดูความเป็นอยู่ของคุณตาที่บ้านหลังหนึ่ง ภายในชุมชนแห่งหนึ่ง แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม. โดยมีลูกสาวและหลานสาวเป็นคนคอยดูแล แต่ไม่สามารถดูแลได้เต็มที่เพราะทั้งลูกสาวและหลานสาวต้องทำงาน โดยคุณน้องเพ็ญ ลูกสาวของคุณยายนภา และคุณตา บอกว่า ตอนนี้คุณพ่อป่วยติดเตียง พ่อเครียดมาก หลังจากที่แม่ติดคุกและโดนคดี ส่วนตัวไม่รู้ว่านายหน้าที่ชวนแม่ไปอยู่ไหนแล้ว คาดว่าจะหนีไปแล้ว
ระหว่างนั้น ทีมข่าวได้ข้อมูลมาว่า ในชุมชนนี้ ที่อยู่ในพื้นที่แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม. มีชาวบ้านถูกชักชวนเชิญชวนไปเปิดบัญชีมาอีกเพียบ นับสิบ ๆ ราย ทีมข่าวจึงลงพื้นต่อที่ชุมชนดังกล่าว ได้คุยกับชาวบ้านในพื้นที่ ทั่วทั้งซอย พอถามไปทราบข้อมูลเรื่องนี้กันหมดว่า มีนายหน้าคนหนึ่งชื่อ หมวย มาเช่าอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว และพยายามไปชักชวน เชิญชวนชาวบ้านในพื้นที่ให้ไปเปิดบัญชีม้าที่ปอยเปต โดยมีชาวบ้านยินยอมไปเปิดบัญชีม้าหลายสิบราย
ระหว่างลงพื้นที่ได้คุยกับชาวบ้านหลายคน จนเจอกับ ป้าแล่ม (นามสมมติ) ชาวบ้านที่โดนหลอกไปเปิดบัญชีที่ปอยเปต โดยทางด้านป้าแล่ม เล่าว่า นางสาวหมวย ซึ่งเป็นนายหน้า ได้มาชักชวนตนเองไปเปิดบัญชี โดยบอกกับตนเองว่าจะให้เปิดบัญชีไปรับเงินกับเว็บเกมส์ และเว็บการพนันที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้ค่าจ้างเปิดบัญชีอยู่ที่ 2,500 บาทต่อหนึ่งบัญชี ตนเองจึงตกลงไป หลังจากนั้นทางด้านนางสาวหมวยได้พาตนไปส่งให้กับนายจ้างอีกทอดหนึ่งในย่านรามอินทรา หลังจากนั้นนายจ้างคนดังกล่าวที่ชื่อว่านางส้ม ก็ได้พาตนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 บัญชี หลังจากนั้นก็ให้ตนกลับมาพักอยู่ที่รามอินทรา จนกระทั่งรุ่งเช้าก็ได้พาตนเองขึ้นรถรถตู้ไปรออยู่ที่ฝั่งอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งในช่วงที่ไปรออยู่ที่อรัญประเทศนั้น นางสาวส้มก็ได้มีการเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ให้อีก 2 บัญชี รวมเป็น 9 บัญชี แต่สุดท้ายอ้างว่าใช้ได้แค่ 5 บัญชี
จากนั้นเมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น ทางด้านนางสาวส้ม ก็ได้พาตนไปส่งที่บริเวณจุดข้ามแดนทางธรรมชาติอรัญประเทศ ซึ่งตนเองจำได้ว่าตนเองเดินบุกป่าไปประมาณ 10 นาที ก่อนจะมีคนจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ขับรถมารับ หลังจากนั้นก็พาตนไปพักอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งช่วงที่ไปพักอยู่ที่บ้านนั้นก็จะมีคนอยู่ด้วยกันเยอะ
โดยช่วงที่ไปพักอยู่ที่บ้าน ก็จะมีคนมาเรียกหารายชื่อของคนที่พักอยู่ด้วยกันทุกวัน หากวันไหนมีการเรียกชื่อตนเองก็จะต้องไปทำงานอีกตึกหนึ่ง ซึ่งก็จะมีการสแกนหน้า เหมือนขั้นตอนการโอนเงิน แต่ตนเองจะไม่รู้เลยว่าเงินในบัญชีมีอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ หรือเงินมาจากช่องทางไหน ซึ่งถ้าวันไหนมีรายชื่อตนก็จะต้องทำงานตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึง 20.00 น. หรือถ้าหากบางครั้งต้องสแกนหน้าหลายรอบ ก็ต้องอยู่จนถึง 02.00 น. ก็มี
โดย ป้าแล่ม บอกว่า ตัวเองไปทำงานอยู่ตรงนั้นประมาณ 1 เดือน โดยคนส่วนใหญ่ที่ไปอยู่ด้วยกันก็จะเต็มใจไปทำงานอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครโดนบังคับไป นอกจากนั้นในช่วงของการสแกนหน้า ทุกคนที่เปิดบัญชีให้ก็เต็มใจสแกน
ป้าแล่ม เล่าต่อหลังจากที่ผ่านไป 1 เดือน ว่า พอครบ 1 เดือนตนเองก็ได้เดินทางกลับมาที่ฝั่งไทย พร้อมกับเงิน 5,000 บาท ที่เป็นค่าจ้าง ซึ่งในตอนแรกตนเองไม่ทราบเลยว่าการไปเปิดบัญชีให้กับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้เป็นการเปิดบัญชีม้า เพราะตนเองเข้าใจว่ากลุ่มมิจฉาชีพต้องการนำบัญชีของตนไปรับเงินจากเว็บพนัน หรือเกมออนไลน์เท่านั้น ทั้งนี้ ยอมรับว่าหลังจากที่เดินทางกลับมาฝั่งไทยแล้วตนเองรู้สึกว่ารายได้ที่กลุ่มมิจฉาชีพจ่ายมาให้นั้น ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ตนเองลงทุนไป นอกจากนั้นในตอนนี้เองก็ยังเสี่ยงที่จะโดนหมายจับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้คุยกับ คุณแอ๋ว (นามสมมติ) ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าว ซึ่งแม่ของเธอวัย 70 กว่าปี ยินยอมไปเปิดบัญชีม้าที่ปอยเปต แต่พอไปถึงชายแดนอรัญประเทศแม่ไม่สามารถข้ามไปได้ เนื่องจากยืนยันตัวตนด้วยการสแกนหน้าก่อนข้ามไปไม่ผ่าน
คุณแอ๋ว เล่าว่า เมื่อหลายเดือนก่อน คุณแม่เสนอตัวไปเอง ไม่ได้ถูกชักชวน เพราะหลายคนในชุมชนตอนนี้ค่อนข้างลำบาก ต้องการรายได้อยากได้เงิน และคงเห็นคนเขาร่ำลือกันว่าได้เยอะ จึงอยากไปบ้าง แต่พอไปแล้วสุดท้ายมันไม่ได้อย่างที่เขาเสนอแต่แรก และเท่าที่ฟังมาค่อนข้างหน้ากลัวมาก
คุณแอ๋ว กล่าวว่า อย่างกรณีของแม่ของตัวเอง ไปถึงอรัญประเทศแล้ว แต่ไม่ได้ข้ามไปเพราะสแกนหน้าไม่ผ่าน ยืนยันตัวตนไม่ผ่าน แต่ในส่วนของบัญชีเปิดไว้แล้ว สุดท้ายจึงถูกส่งกลับมาบ้าน แต่กว่าจะได้กลับมาต้องอยู่ที่อรัญประเทศประมาณ 7 วัน เพราะต้องรอบัญชีม้ากลุ่มใหม่ไปเปลี่ยนก่อนถึงติดรถกลับมาได้ อย่างเช่นแม่ของตนเอง ซึ่งพอกลับมาก็ไม่ค่อยเล่าข้อมูลอะไรให้ฟัง เล่าให้ฟังเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น เพราะกลัวมาก
คุณแอ๋ว เล่าต่อว่า ในส่วนบัญชีม้า ที่สแกนหน้ายืนยันตัวตนผ่านก็จะมีรถมารับข้ามไปอีกฝั่ง หรือบางส่วนก็ไปตามช่องทางธรรมชาติ ทั้งนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ข้ามไปหรือข้ามไปก็ตาม ทุกคนจะโดนยึดโทรศัพท์มือถือไม่ให้ติดต่อญาติจนกว่าบัญชีจะตายหรือไม่มีความเคลื่อนไหวจึงจะถูกส่งกลับ และคืนโทรศัพท์มือถือให้
ส่วนรายได้เท่าที่มีข้อมูล ทราบว่าไป 7 วัน จะได้กลับมาเพียง 3,000-5,000 บาทเท่านั้น เพราะถูกนายหน้าโกง ความจริงต้องได้เยอะกว่านั้น แต่หากกลับมาแล้วใครประสงค์กลับไปอีกครั้งก็สามารถกลับไปอีกได้หลังจากกลับมาแล้ว 6 เดือน
คุณแอ๋ว เธอยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า คนในชุมชนนี้โดนกันเยอะมาก ส่วนใหญ่พอโดนชวนจากนายหน้าก็มาชักชวนเพื่อนฝูงไปด้วย
ขณะที่ทีมข่าวพยายามติดต่อหา นางสาวหมวย นายหน้าที่มาเชิญชวนชักชวนชาวบ้านให้ไปเปิดบัญชีม้า ทั้งเดินตามบ้านเช่า และให้ชาวบ้านในพื้นที่พยายามติดต่อช่วย แต่เจ้าตัวไม่ออกมาปรากฏตัวกับสื่อแต่อย่างใด
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/4P-kGjY8gvU
แท็กที่เกี่ยวข้อง หลอกเปิดบัญชีม้า ,หลอกทำงานปอยเปต