สังคม

คนขับรถแหกด่านยอมรับดื่มแอลกอฮอล์มา ตกใจด่านตรวจเลยซิ่งหนี เตรียมเข้ามอบตัว 9 ธ.ค.

โดย gamonthip_s

7 ธ.ค. 2567

720 views

(7 ธ.ค.) ทีมข่าวช่อง 3 ได้พูดคุยกับพ่อของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า อาการล่าสุดของลูกชายตอนนี้ แพทย์แจ้งว่ายังมีอาการปวดศีรษะ เจ็บแผ่นหลัง ยังระบมบริเวณซี่โครงด้านขวาและยอดอก จากการที่โดนเข่ากระแทก ส่วนดวงตายังบวมแดง และมีเลือดออกตลอดเวลา ซึ่งกว่าจะหายเป็นปกติอาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน ซึ่งตอนนี้ลูกชายยังมีอาการมึน หากต้องใช้ความคิดมากๆ



ส่วนสภาพจิตใจก็มีการคุยกันในครอบครัว สภาพจิตใจก็ดีขึ้น และมีเพื่อนๆ มาให้กำลังใจ ลูกชายก็พอยิ้มออกได้บ้าง แต่ยังมีความกังวลเรื่องคดี ถามตลอดว่าจะเอาผิดตำรวจได้แค่ไหน และยืนยันว่าจะไม่ยอม ตนก็บอกลูกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตนเป็นพนักงานสอบสวนมาก่อน และคอยประสานกับพนักงานสอบสวนในคดีนี้อยู่ตลอด



ซึ่งการที่ตำรวจมาสอบปากคำลูกชายเพิ่มเติมในวันนี้ ก็เป็นความต้องการของตน เพราะตนดูคำให้การแล้ว เห็นว่ายังไม่เจาะลงไปในรายละเอียด ส่วนที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปเบื้องต้น 2 ข้อหานั้น ก็รู้สึกพอใจ แต่หากมีการสอบคำให้การเพิ่มเติมแล้วพบความผิดใดเพิ่ม ก็ให้ว่าไปตามนั้น ส่วนที่ตำรวจได้ให้การว่าทำไปเพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ตนก็มองว่าดีที่ยอมรับว่าอยู่ในขณะปฎิบัติหน้าที่



สำหรับเรื่องการดำเนินการทางวินัย ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ตนไม่อยากกดดัน แต่ก็ยอมรับว่าในครอบครัวคุยกันว่า อยากให้ได้รับโทษถึงที่สุด ซึ่งที่ตำรวจทำหนังสือไปยังต้นสังกัดคือกองบังคับการตำรวจจราจรนั้น ก็ยังไม่ทราบความคืบหน้าว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร



พ่อของผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้มี 1 ใน 7 ตำรวจ ติดต่อมาหาเพื่อนของลูกชาย สอบถามว่าลูกชายได้ขอใช้สิทธิประกันสังคมหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าถามไปเพื่ออะไร แต่ครอบครัวก็รู้สึกว่า ให้ดูแลตัวเองก่อน ไม่ต้องมาห่วงเรา



ส่วนค่าใช้จ่ายการรักษาตอนนี้ ยังไม่ได้ตรวจสอบกับโรงพยาบาล แต่ก็ประเมินว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 6 หลักแล้ว แต่ยังยืนยันว่าส่วนนี้ครอบครัวไม่ขอรับความช่วยเหลือจากใคร เช่นเดียวกับกระเช้าที่ยืนยันว่าไม่ต้องการรับ โดยไม่ได้โกรธ แต่ต้องการให้สังคมรับรู้ว่า ยืนยันแบบนี้



ส่วนคนขับรถมาสด้าสีแดงคันที่แหกด่าน ตอนนี้ก็ไม่ได้มีติดต่อมาพูดคุยกัน ซึ่งตนมองว่าเป็นคนละส่วน ในส่วนที่ลูกชายตนโดน ถือว่าเป็นเคราะห์กรรม แต่ก็อยากฝากบอกคนขับรถที่แหกด่านว่า การที่ออกไปบนท้องถนน ยังไงก็หนีไม่รอด ถ้าทำผิดอย่าหนี เพราะมีทั้งกล้องตามถนนและข้อมูลในโซเชียลมีเดีย ขนาดคนร้ายที่ก่ออาชญากรรม ตำรวจยังติดตามมาดำเนินคดีได้



ขณะที่มีรายงานข่าว ระบุว่า คนขับรถมาสด้าสีแดงคันที่แหกด่านนั้น เป็นชายอายุ 37 ปี ทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม โดยเคยเป็นพนักงานขับรถไฟฟ้าสายหนึ่ง และปัจจุบันเป็นหัวหน้าควบคุมรถไฟฟ้าสายดังกล่าว และยังเคยได้รับรางวัลจากการเก็บของมีค่าคืนผู้โดยสารด้วย



โดยคืนวันเกิดเหตุ ได้มีรถมาสด้าสีแดงถูกเรียกตรวจที่ด่านทั้งหมด 3 คัน คันแรกคือผู้บาดเจ็บ คันที่ 2 คือผู้ชายอีกคนหนึ่ง และคันที่ 3 คือคันที่แหกด่าน ซึ่งตำรวจได้ปล่อยรถของผู้บาดเจ็บผ่านด่านออกไปแล้ว ส่วนคันที่ 2 อยู่ระหว่างคืนใบขับขี่ ซึ่งจังหวะนั้น รถมาสด้าสีแดงคันที่ 3 ได้ขับรถชนแหกด่านออกไป ตำรวจจึงขับรถยนต์เปิดไซเรนไล่ติดตาม โดยทราบทะเบียนรถของคันที่แหกด่าน แต่ได้มีรถจักรยานยนต์ของสายตรวจติดตามไปด้วย และไปขับปาดหน้ารถของผู้บาดเจ็บ ซึ่งเกิดการเข้าใจผิดว่าเป็นรถคันที่แหกด่าน ก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น



ทั้งนี้ เมื่อตำรวจตรวจสอบทะเบียนรถของรถคันที่แหกด่าน พบว่าผู้ครอบครองเป็นผู้หญิง ต่อมาจึงสืบทราบว่า ผู้ขับขี่เป็นสามีของผู้ครอบครองรถ และได้ยอมรับกับตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีการดื่มแอลกอฮอล์มา เมื่อขับรถมาเจอด่านตรวจจึงตกใจขับหนี ซึ่งเจ้าตัวพร้อมจะเข้ามามอบตัวกับตำรวจ โดยนัดหมายกับพนักงานสอบสวนในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคมนี้ เวลา 09.00 น.


ซึ่งชายคนขับรถมาสด้าสีแดงยังบอกอีกว่า เรื่องนี้อาจจะกระทบกับหน้าที่การงาน แต่ก็ยอมรับในสิ่งที่ทำผิด และยังตั้งใจว่าจะเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ถูกตำรวจจราจรรุมทำร้ายที่โรงพยาบาลด้วย แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นวันเวลาใด ตอนนี้ยังไม่อยากจะพูดอะไรมาก ขอเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อน

คุณอาจสนใจ

Related News