สังคม

ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน แอบตั้งฐานในเชียงใหม่โทรหลอกคนไทย

โดย paranee_s

4 ธ.ค. 2567

271 views

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. เจ้าหน้าที่นำหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน แอบตั้งฐานคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เชียงใหม่ โทรหลอกเหยื่อคนไทย



โดยตำรวจนำกำลังเข้าปูพรมตรวจค้นรีสอร์ตในหมู่ 4 ตั้งอยู่ริมถนนหางดง - สะเมิง ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการรีสอร์ตหรูขนาดใหญ่ ปลูกสร้างบ้านพักตากอากาศอยู่บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ มีรั้วขอบมิดชิดท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม มีบ้านพักรองรับลูกค้าหลากหลายรูปแบบกระจายตัวอยู่ในพื้นที่กว่า 10 หลัง



ผลการตรวจค้นพบ MR.XIA อายุ 31 ปี ชาวจีน ถือสัญชาติกัมพูชา กับกลุ่มคนชาวจีนอีก 9 คน และชาวเมียนมา 4 คน พักอาศัยอยู่ในบ้านพัก นอกจากนี้ยังตรวจพบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม และอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบอินเทอร์เน็ตที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการยึดไว้ตรวจสอบเพื่อหาหลักฐาน



พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายของพล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร.พล.ต.ท. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.จตช ที่เน้นย้ำในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์



กระทั่งตำรวจไซเบอร์พบรีสอร์ตเป้าหมาย ซึ่งได้ปิดให้บริการช่วงโควิดและไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าพัก แต่มีกลุ่มชาวต่างชาติลักลอบเข้ามาพักอาศัยและเข้าออกเป็นจำนวนมากจนผิดสังเกต จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรม พร้อมประสานกับเจ้าหน้าที่ กสทช. ตรวสอบข้อมูลการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วยเรื่องมือพิเศษของ กสทช. พบว่ามีปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปริมาณที่สูงผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับจำนวนผู้เข้าพัก ซึ่งคาดว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนขอหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่เข้าทำการตรวจค้นและจับกุม



พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่าในห้วงหลายเดือนที่ผ่าน กสทช. ได้ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันจับจับกุม เสาสัญญาณ, สถานีโทรคมนาคม และสายเบิลข้ามแดนผิดกฎกฎหมาย ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์บางส่วนจำเป็นต้องย้ายเข้ามาตั้งฐานในประเทศไทย การจับกุมนี้ครั้ง ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ควบคู่กับการปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบต่างๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน



พฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ถือเข้าข่ายความผิดฐาน “รบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุโทรคมนาคม” อันเป็นความผิด ตาม ม.26 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม พ.ศ.2498 ซึ่งต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสน บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะนำของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดไปตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานเพิ่มในการดำเนินคดีในความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.4 ดำเนินการต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ