สังคม

ภาคใต้เจอฝนตกหนักอีก 3-5 ธ.ค. ซ้ำเติมหลายจังหวัดยังอ่วม ชาวบ้านเผยน้ำไม่เคยท่วมหนักขนาดนี้

3 ธ.ค. 2567

27 views

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ฉบับที่ 4 (322/2567) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 3-5 ธันวาคม 2567)


ในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค.67 หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย


จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้


ในวันที่ 3 ธันวาคม 2567

ภาคใต้ : จังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล


ในวันที่ 4 ธันวาคม 2567

ภาคใต้ : จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล


ในวันที่ 5 ธันวาคม 2567

ภาคใต้ : จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล


สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เข้าสู่วันที่ 5 สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมของจังหวัดปัตตานี ซึ่งยังไม่คลี่คลายและวิกฤตในหลายพื้นที่ โดยระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานี แม้ว่าบางช่วงน้ำลดลงเล็กน้อย แต่มวลน้ำที่เขื่อนบางลางมีการปล่อยมาต่อเนื่อง ตลอด 2 วัน ร่วม 42 ล้าน ลบ.ม. ไหลมาสบทบเพิ่มในแม่น้ำปัตตานี ส่งผลให้ระดับน้ำคงที่ ทำให้ทั้ง 12 อำเภอ ทั้งในหมู่บ้านและถนนสายหลัก ยังคงมีน้ำท่วมสูง


โดยผู้สื่อข่าวได้นั่งเรือเข้าไปตรวจสอบความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ม.2 บ้านจางา และบ้านยือโมะ ต.ปะกาฮารัง จ.ปัตตานี ซึ่งมีประชาชนอาศัยกว่า 500 ครัวเรือน พบว่าตั้งแต่ทางเข้าทั้ง 2 หมู่บ้านมีน้ำท่วมสูง 1 เมตร ประชาชนต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะเดียวในการเข้าออกหมู่บ้าน บางหลังไม่มีเรือก็อาศัยเรือเพื่อนบ้าน ส่วนระดับน้ำทั้ง 2 หมู่บ้านซึ่งอยู่ติดกับริมแม่น้ำปัตตานี ค่อนข้างสูง อยู่ที่ 1-2 เมตร บางจุด 3 เมตร ทำให้ประชาชนต้องอาศัยกินอยู่และหลับนอนชั้นที่ 2 แต่ก็น่าเป็นห่วง เนื่องจากระดับน้ำอีก 2-3 ซม. ก็จะเข้าท่วมในชั้นที่ 2 ส่วนบ้านชั้นเดียวก็ได้มีการอพยพออกไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวของอำเภอ


นอกจากระดับน้ำที่สูง ยังมีการตัดน้ำตัดไฟอีกด้วย ทำให้ชาวบ้านต้องอยู่ในความมืด ไม่มีน้ำใช้เป็นเวลา 4 วัน แต่เนื่องจากการแจกจ่ายไม่ทั่วถึง ร่วมถึงมีไม่เพียงพอต่อจำนวนคน ทำให้ประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้าน มีความต้องการน้ำดื่มเป็นอย่างมาก ณ ขณะนี้


ส่วนอำเภออื่น ๆ ที่อยู่รอบนอก ทั้ง อ.หนองจิก อ.แม่ลาน อ.ยะรัง ที่รับน้ำจากยะลาเช่นเดียวกัน ยังคงมีน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร


ด้าน นายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย ยังคงเดินลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเรือเพื่อไปไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่ลึก เพื่ออพยพประชาชนที่ยังตกค้างอยู่ในหลาย ๆ พื้นที่ รวมถึงได้น้ำข้าวกล่องและน้ำดื่มให้กับประชาชนที่ได้รัยผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้


สอบถาม พี่ลา ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านจือโมะ ต.ปะกาฮารัง เปิดเผยว่า ความเป็นอยู่ตอนนี้ลำบากมาก เวลาจะออกไปซื้อของก็ต้องอาศัยให้คนไปรับไปส่ง ระยะทาง 3 กม. ตอนนี้ไฟฟ้าก็ดับ 4 วันแล้ว น้ำประปาก็เหมือนกัน ส่วนน้ำดื่มตอนนี้ที่บ้านไม่มีเลย ต้องออกไปหาซื้อ 2-3 วัน นั่งเรืออกไปหาซื้อของที เดือดร้อนมาก จำเป็นต้องไปหาซื้อน้ำ เพราะน้ำที่เข้าแจกไม่พอ ซึ่งตอนนี้มีความต้องการน้ำดื่มเป็นอย่างมาก


ขณะที่ จ.นราธิวาส ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า หลังจากที่ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจน้ำ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรเมษฐ โพยนอก ผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำจำนวนหนึ่ง ได้นำข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำดื่ม ลงเรือไปให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน คือ บ้านตะเหลียง ม.4 บ้านจาแบปะ ม.7 และบ้านราญอ ม.8 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน จำนวน 1,600 ครัวเรือน รวม 8,000 คน ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนอาหารบริโภค โดยเฉพาะชาวบ้านตะหลียง ซึ่งขณะนี้มีสภาพเป็นเกาะล้อมรอบไปด้วยปริมาณน้ำท่วมขังถนน ซึ่งมีความสูงโดยประมาณกว่า 1 เมตร ที่ชาวบ้านไม่สามารถสัญจรไปมาสู่โลกภายนอกได้ และเริ่มขาดแคลนอาหารบริโภคประทังชีวิตมานานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว


ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคและน้ำดื่มจำนวนหนึ่ง ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ที่อาศัยอยู่ภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว ของศูนย์การศึกษาอิสลาม ประจำมัสยิดตาดีกานูรุลญาดีดในครั้งนี้ด้วย


และก่อนที่จะนั่งเรือกลับที่ตั้ง ได้รับประสานการขอความช่วยเหลือ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด่านเปิงการังกูโบว์ อ.ตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อขอสนับสนุนมารับคนไทย จำนวน 7 ราย ที่ตกค้างไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากจนเรือโดยสารรับจ้างงดออกให้บริการวิ่งรับส่งผู้โดยสาร โดยที่คนไทยทั้ง 7 คน จำเป็นต้องนอนพักค้างแรมที่ด่านเป็นเวลานานกว่า 3 วันแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไปรับคนไทยทั้ง 7 คน กลับมายังฝั่งไทย ก่อนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยความดีอกดีใจ


แต่ถึงอย่างไรก็ตามจากสถานการณ์น้ำท่วมขังในครั้งนี้ ได้มีชาวบ้านจำนวนหลายร้อยครัวเรือน ได้อพยพมาอาศัยอยู่ชั่วคราวในเต็นท์ที่ริมถนนสายสุไหงโกลก ตากใบ ซึ่งมีระยะทางยาวกว่า 3 กม. แถมยังมีสัตว์เลี้ยง จำพวก วัว และควาย จำนวนหลายร้อยตัว มาอาศัยอยู่ที่บริเวณใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงได้ฝากเตือนประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนสายดังกล่าว ให้เพิ่มความระมัดระวังโดยเฉพาะเวลากลางคืน อาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้


และที่ จ.ยะลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดยะลาเริ่มคลี่คลาย หลายพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดลง หลายพื้นที่เริ่มทำการเก็บกวาดบ้านเรือนทิ้งขยะที่เปียกน้ำ ในขณะที่หลายพื้นที่ก็ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ ดังเช่นร้านขายเครื่องมือเกษตรแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บนถนนเปรมจิตต์-สุรพันธ์ ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ภายในเขตเทศบาลนครยะลา ที่อุปกรณ์ภายในร้านเสียหายไปมูลค่าหลายล้านบาท


นายอาฮัมหมัด ดิง เจ้าของร้านอินเตอร์เทรดดิ้ง จำหน่ายเครื่องมือการเกษตรเครื่องจักรกลเล็ก เผยว่า ในร้านขายเครื่องมือการเกษตร เครื่องยนต์เครื่องปั่นไฟ ปั๊มน้ำ และอะไหล่เครื่องมือทางเกษตรต่าง ๆ วันที่น้ำเริ่มท่วม จริง ๆ น้ำก็มาเรื่อย ๆ ซึ่งเทศบาลก็ประกาศไว้ก่อนแล้วว่าให้เฝ้าระวัง แต่ด้วยความที่ตัวเองไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้ว่าน้ำจะขึ้นมาขนาดไหน เพราะบริเวณนี้ไม่เคยถูกน้ำท่วมมาก่อน ด้วยการที่ตัวเองเป็นผู้ชายคนเดียวในครอบครัว และของก็มีเยอะ จึงทำให้ขนของไม่ทัน ของบางอย่างที่จัดเตรียมได้ก็จัดเตรียม ด้วยความที่น้ำมาสูงทำให้สิ่งของล้มและเกิดความเสียหาย ซึ่งตอนนี้ได้เข้าไปสำรวจในโกดังพบว่าของเสียหายเยอะมาก ประมาณมูลค่าความเสียหายประมาณ 3 ล้านบาท


เปิดร้านตรงนี้มาก็ 20 ปีแล้ว ไม่เคยมีน้ำท่วมมาถึงร้าน เบื้องต้นอยากให้ภาครัฐออกมาช่วยเหลือ เพราะยังไงผมก็เป็นประชาชนของรัฐบาล อยากให้ช่วยมาดูแลช่วยเหลือเยียวยาด้วย


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ikLOKaDX7sY

คุณอาจสนใจ

Related News