สังคม
เจ้าของร้านมือถือสงสาร รับหนุ่มวัย 22 มาทำงาน ไม่ถึงเดือนกวาดไอโฟนไปเกือบ 10 เครื่องหนีลอยนวล
โดย kanyapak_w
2 ธ.ค. 2567
1.7K views
ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านเลก้าโฟน ตั้งอยู่ริมถนนศรีจันทร์ ตรงข้ามบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น บันทึกเหตุการณ์ขณะที่พนักงานของร้านซึ่งมีคนเดียว เป็นชายอายุ 22 ปี ก่อเหตุขโมยโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน รวมเกือบ 10 เครื่อง ทั้งเครื่องมือ 1 และ เครื่องมือ2 หลบหนีไปอย่างลอยนวล
โดยพฤติการณ์ของพนักงานรายนี้พบว่า ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 29 พ.ย.2567 ได้พยายามจัดสินค้าซึ่งมีแต่โทรศัพท์ไอโฟนอยู่ภายในตู้เป็นระยะ และเดินวนไปวนมา ก่อนจะถึงช่วงเวลาใกล้ที่ร้านจะปิดให้บริการในเวลา 20.00 น. พนักงานรายนี้ได้นำโทรศัพท์ไอโฟนมาจัดเรียงซ้อนกัน แล้วนำใส่ลงในตะกร้าสีจนเต็ม แล้วเดินไปที่ด้านหลังร้านซึ่งไม่มีกล้องวงจรปิด
ก่อนจะหลบมุมแล้วเอาโทรสัพท์ไอโฟนใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ของตัวเอง ก่อนที่จะนำมาตั้งบนตู้โชว์พร้อมกับตะกร้าสีดีกใบ เพื่อนำโทรศัพท์ไอโฟนใส่จนเต็มตะกร้า เพื่อนำไปให้กับเจ้าของร้านซึ่งจะเอาโทรศัพท์เหล่านี้กลับมาไว้ที่บ้านทุกวัน เพื่อป้องกันโจรขโมยมางัดร้าน
แต่ปรากฎว่า พนักงานรายดังกล่าวออกลายกลับกลายเป็นงูพิษขโมยของเจ้าของร้านเอง กระทั่งปิดช่องทางการติดต่อกับเจ้าของร้านหลบหนีไปอย่างลอยนวลพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ ไอโฟนมือหนึ่งและมือสองเกือบ 10 เครื่อง พร้อมทั้งสับเปลี่ยนไอโฟนตัวเองกับของร้านที่ลักษณะเหมือนกันไปอีก 1 เครื่อง ซึ่งเจ้าของร้านได้นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.บ้านเป็ด แล้ว พร้อมประกาศหาเบาะแสของพนักงานรายนี้ในโซเชียลมีเดียเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีอีกช่องทางด้วย
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ธ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ร้าน เลก้าโฟน ที่เกิดเหตุดังกล่าวกล่าว โดยไยด้พบกับ นาย อรรถพล อายุ 33 ปี เจ้าของร้านเลก้าโฟน เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดให้ผู้สื่อข่าวดูถึงพฤติกรรมของคนร้ายรายนี้ซึ่งเป็นพนักงานที่ทางร้านรับมาทำงานได้ไม่ถึงเดือน และร้านก็เพิ่งจะเปิดได้เพียงเดือนเดียวยังขายโทรศัพท์ไม่ได้สักเครื่อง
พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ย.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานรายนี้ตนเองรับเข้าทำงานเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2567 ด้วยความสงสารที่เป็นคนต่างถิ่น และยังเป็นช่วงทดลองงานเท่านั้น โดยชายดังกล่าวก่อเหตุขโมยโทรศัพท์ในตู้ไปเกือบ 10 เครื่อง ซึ่งใช้วิธีการนำโทรศัพท์มาซ่อนอำพรางไว้ โดยซ้อนกันเพื่อจะหลบมุมกล้อง ก่อนจะนำไปใส่กระเป๋ากลับบ้าน โดยที่ร้านจะมีทางเข้าออกทางเดียวคือด้านหน้า หลังเกิดเหตุตนเองไม่ทราบและไม่คาดคิดว่าจะเป็นพนักงานที่ร้านเป็นคนเอาไป จึงได้มานั่งเปิดกล้องวงจรปิดดูอย่างละเอียด
กระทั่งพบว่าพนักงานดังกล่าวแอบเอาสินค้าซ้อนกันไว้แล้วใส่ตะกร้าไปหลบหลังร้านก่อนจะเอาสินค้าออกจากตะกร้าไปใส่กระเป๋าเป้ตัวเอง เพราะในกล้องวงจรปิดจะเห็นชัดเจนว่า โทรศัพท์ที่อยู่ในตะกร้าที่ปรากฎในวงจรปิดได้หายไป ซึ่งทุกวันตนเองจะเป็นคนไปรับไปส่งพนักงานคนนี้หลังจากรับเข้าทำงานเพราะด้วยความสงสารที่ไม่มีรถและตกงาน และทุกวันจะต้องเก็บโทรศัพท์ทุกเครื่องในร้านกลับบ้านตนเอง ป้องกันหากมีขโมยเข้ามางัดที่ร้าน กระทั่งวันต่อมา
พนักงานรายนี้ไม่มาทำงานติดต่อไม่ได้ ตนเองจึงเป็นคนเข้ามาเปิดร้านเอง ที่แรกก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอนำสินค้ามาจัดร้านพบว่าสินค้าหายไป จึงรีบตรวจสอบดูสินค้าทั้งหมดก็พบว่าเริ่มหายไปทีละเครื่องรวมเกือบ 10 เครื่อง ประกอบกับพนักงานที่ร้านไม่มาทำงานจึงเอะใจขึ้นมา รีบติดต่อไปหาทั้งโทรศัพท์ทั้งแชทข้อความไปหาว่าเครื่องหายไปไหน วันนี้จะมาทำงานไหม แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ ก่อนจะติดต่อไม่ได้อีกเลย ทำให้มั่นใจว่าเป็นคนขโมยไป ก่อนจะเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านเป็ดทันที
จากการตรวจสอบโทรสัพทไอโฟนที่ถูกขโมยไปพบว่า เป็นไอโฟนมือสองรวม 4 เครื่อง ไอโฟน 12 โปรแม็กซ์ ไอโฟน 12 โปร ไอโฟน 14 และไอโฟน 11 อีก 2 เครื่อง และไอโฟนมือหนึ่งอีกประมาณ 3-5 เครื่องเนื่องจากตรวจสอบไม่ได้ทันทีเหมือนไอโฟนมือสอง รวมแล้วเกือบ 10 เครื่อง มูลค่ารวมเกือบ 1 แสนบาท พร้อมทั้งยังได้สับเปลี่ยนโทรศัพท์ของตัวเองกับของร้านไปด้วย เนื่องจากเป็นโทรศัพท์ไอโฟน 11 สีดำเหมือนกัน
แต่ของพนักงานรายนี้ติดล็อกไอคราว ส่วนของร้านไม่ติด ซึ่งจะมีการตรวจสอบไอคราวที่ติดด้วยว่าชื่อ-สกุลอะไร นอกจากที่ตนเองตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ยังพบว่าพนักงานรายนี้ได้ค้นหาเกี่ยวกับกล้องวงจรปิดว่า ถ้าเข้าดูกล้องวงจรปิดแบบไม่เชื่อมต่อไวไฟจะทำได้หรือไม่ และสิ่งต่างๆ ที่เกี่วกับกล้องวงจรปิดลักษณะเหมือนจะวางแผนเพื่อหลบเลี่ยงการจับภาพของกล้องวงจรปิดแล้วลงมือก่อเหตุ
นายยอรรถพล กล่าวอีกว่า ด้วยความสงสารที่น้องมาจากจ.ชุมแพ เป็นคนต่างถิ่นข้าวก็ไม่มีกิน ตนเองก็ซื้อข้าวซื้อน้ำไว้ให้ทุกวัน ไปรับไปส่งมาทำงานด้วยทุกวัน ตั้งใจให้ทดลองงานดู ให้เงินเดือน 10,000 บาท แต่มาทำแบบนี้ก็รู้สึกเสียใจ เสียความรู้สึก ตนเองเป็นคนไม่คิดร้ายยกับใคร ไม่คิดว่าน้องจะมาทำกับเราแบบนี้ ด้วยความสงสารที่ไม่มีงานไม่มีเงินเราก็ให้งานให้เงินกับน้อง ฝากถึงคนอื่นๆให้คัดกรองให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจจะเจอคนแบบนี้ ต่อไปตนเองก็คงจะไม่ใช้ความสงสารรับใครเข้าทำงานอีกแล้ว
แท็กที่เกี่ยวข้อง อาชญากรรม ,ขโมยของ ,ลักทรัพย์