สังคม

เปิดนาทีบุกรวบตัว 'สามารถ' ขณะหนีมาเชียงราย - 'ทนายวิฑูรย์' ตั้งข้อสังเกต หมายจับ DSI ชอบด้วย กม.หรือไม่

โดย petchpawee_k

26 พ.ย. 2567

34 views

ศาลออกหมายจับ ‘สามารถ-มารดา’ ร่วมกันฟอกเงิน-สมคบกันฟอกเงิน เซ่นปมดิไอคอน เปิดนาที DSI ค้นบ้าน ไม่พบตัว ก่อนถูกรวบคาวัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย นำตัวเข้ากรุงฯ ดำเนินคดี เปิดเส้นทางการเงิน ‘สามารถ’ โยงบอสดิไอคอน พบรับโอนเงินจากบอสพอล 2.5 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 64-66 จ่ายตามวงรอบทุกเดือน อ้างเป็นเงินทำบุญ พบเงินผ่านเข้าบัญชีแม่กว่า 100 ล้านบาท จากหลายแหล่ง เร่งขยายผล

จากกรณีปรากฏคลิปเสียงนักการเมืองเรียกรับทรัพย์จาก บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ที่มีนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชรัฐ (พปชร.) เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น

วานนี้ (25 พ.ย.) ศาลอาญาได้พิจารณาตามคำร้องของสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยอนุมัติออกหมายจับที่ 5682/2567 ลงวันที่ 24 พ.ย. 67 ให้จับกุมนายสามารถ เจนจิตรวณิช ข้อหาว่าร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2546 มาตรา 5(1) (3) มาตรา 9 และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

โดยมีหลักฐานตามสมควรว่า กรณีมีหลักฐานตามสมควรว่านายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ซึ่งได้หรือน่าจะได้กระทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี ,ได้หรือน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่า จะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ฉะนั้นให้จับตัวนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ไปส่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทระทรวงยุติธรรม ภายในอายุความ 15 ปี เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ไม่เกินวันที่ 16 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2581

โดยวานนี้ (25 พ.ย.) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำหมายค้นและหมายจับไปที่บ้านพักของนายสามารถ ในหมู่บ้านหรูย่านถนนพรานนก-พุทธมณฑล แขวงบางพรหม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ เพื่อจับกุมและตรวจยึดพยานเอกสารและพยานวัตถุ มีรายงายนว่าพนักงานสอบสวนที่เข้าตรวจค้นนั้นเชื่อว่านายสามารถ ยังคงอยู่ในบ้านพักเนื่องจากเป็นช่วงเช้าตรู่  อีกทั้งยังพบว่าพิกัดหรือสัญญาณโทรศัพท์ ยังคงอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวแต่ปรากฏว่าโทรศัพท์เครื่องที่ตรวจพบนั้น อยู่ในห้อง นายสามารถ ไม่ได้นำติดตัวไป

ขณะเข้าจับกุมไม่เจอตัวนายสามารถ อยู่บ้าน แต่สังเกตุว่าแอร์ยังเปิดอยู่ เสื้ออะไรก็ถอดทิ้งไว้ เหมือนเพิ่งออกไป เป็นเสื้อยืดกองอยู่กับพื้นในห้อง แต่ไม่ทราบเวลาแน่ชัดว่าออกไปเมื่อใด หรือเจ้าตัวอาจจะไปทำบุญจริง ๆ ก็ได้ และยังไม่ปรากฏข้อมูลการเตรียมออกนอกประเทศ จึงต้องรอสอบสวนเจ้าตัวอีกครั้ง

พันตำรวจตรี ยุทธนา  ระบุอีกว่า มีการจองตั๋วล่วงหน้าหรือไม่นั้นเดี๋ยวต้องตรวจสอบ มีรายงานว่านายสามารถ เดินทางไปเชียงรายด้วยเครื่องบิน เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบไฟลท์บินและเวลาเดินทาง

นอกจากนี้ได้นำหมายค้นและหมายจับเข้าจับกุม นางวิลาวัลย์ อายุ 62 ปี มารดาของนายสามารถ ในข้อหาสมคบและร่วมกันฟอกเงินคดีดิไอคอน ที่บ้านพักในเขตราชเทวี โดยหลังจากตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวแม่ของนายสามารถ มาสอบสวนที่ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหา และแจ้งสิทธิตามกฎหมาย เพื่อให้ความเป็นธรรม โดยแม่ของนายสามารถ ยังให้การไม่ค่อยจะเป็นประโยชน์ต่อคดี และอยู่ระหว่างสอบสวน ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ส่วนความสัมพันธ์กับบอสพอล ยังไม่ได้สอบปากคำ สอบถามจากแม่อ้างว่านายสามารถ เดินทางไปเชียงใหม่ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน บอกว่านายสามารถติดต่อเข้ามาว่าจะเข้ามามอบตัวแต่ยังไม่ได้กำหนดเวลา  

ทั้งนี้จากการตรวจค้นบ้านมารดาของนายสามารถ ได้ยึดของกลางโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ส่วนบ้านย่านตลิ่งชัน ยึดโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง รถตู้อัลพาร์ทป้ายแดง 1 คัน และเอกสารเกี่ยวกับบัญชีการเงิน สเตทเมนท์ สัญญาต่าง ๆ

ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่านายสามารถ ได้เดินทางไปทำบุญที่ จ.เชียงราย ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมนายสามารถ ได้ที่วัดห้วยปลากั้ง ใน จ.เชียงราย เจ้าตัวสวมชุดแต่งกายเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวลายจุด และสวมกางเกงขายาวสีเทาเข้มและได้ควบคุมตัวไปที่ สภ.แม่ยาว จ.เชียงราย เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประสานรับตัว กลับมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และส่งมอบตัวผู้ต้องหาให้แก่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าของสำนวนคดี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นบุคคลทั้งสองยังให้การปฏิเสธ

จากนั้นเวลา 14.00 น. พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ ให้สัมภาษณ์ว่า หมายจับในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล นางวิราวรรณ แม่ของนายสามารถ และนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช

ทั้งนี้ตำรวจมีอำนาจควบคุมตัว 48 ชั่วโมง ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนต้องประชุมกันก่อน แต่หากพิจารณาแล้วว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ก็จะต้องคัดค้านการประกันตัว ส่วน "บอสพอล" ที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ด้วย ดีเอสไอเตรียมเข้าไปแจ้งข้อหาเพิ่มในเรือนจำ และจะมีการขยายผลไปถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการยักย้ายถ่ายเทเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สินเพิ่มเติม

พันตำรวจตรียุทธนา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังได้เปิดเผยอีกว่าดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนเรื่องเส้นทางการเงิน ธุรกรรมทางการเงินมาอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด จึงพบว่าในกรณีที่บรรดาผู้เสียหายในคดีได้โอนเงินชำระเพื่อซื้อสินค้าหรือเปิดบิลเป็นผู้ตัวแทนจำหน่ายกับบัญชีธนาคารของบริษัท ดิไอคอน

จากนั้นบัญชีของบริษัทฯ ก็ได้โอนต่อมาที่ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ต่อมาบอสพอลและบอสปีเตอร์ก็ได้มีการโอนต่อมายังกลุ่มที่ถูกศาลออกหมายจับ คือ มารดาของนักการเมือง และนักการเมือง

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีเงินที่ระดมจากสมาชิกบริษัท "ดิไอคอน กรุ๊ป" ถูกโอนต่อไปยังกลุ่ม "บอสพอล" และ "บอสปีเตอร์" ก่อนที่จะโอนต่อเข้าแม่ของนายสามารถ โดยเส้นเงินจากบอสพอล ประมาณ 2.5 ล้านบาทและบอสปีเตอร์ 5 แสนบาท รวมประมาณ 15 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2564  จนถึงปี 66 โดยมีการโอนเข้า 2 บัญชี ครั้งล่าสุดคือในปี 2566 ซึ่งเป็นเงินหลายยอด จำนวนเงินไม่เท่ากัน มีเป็นหลักแสนบ้าง 300,000 บ้าง สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 500,000 บาท  ซึ่งมารดานายสามารถอ้างว่าเป็นเงินทำบุญและเงินยืม แต่ดีเอสไอก็เพียงรับฟัง และต้องช่างน้ำหนักพยานหลักฐาน เพราะเงินรับมาเป็นหลักแสน ส่งมาเป็นงวดๆ ทุกเดือน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการรับโอนเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน หรือปกปิดอำพรางซุกซ่อน เข้าข่ายความผิดอาญาฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน

นอกจากนี้ยังพบเส้นทางการเงินต้องสงสัยอีกกว่า 100 ล้านบาท ที่มาจากแหล่งอื่น ๆ นอกเหนือจากบริษัทดิไอคอน ถูกโอนเข้าบัญชีแม่นายสามารถ ที่ดีเอสไอกำลังตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย

อย่างไรก็ตามส่วนจะกล่าวอ้างว่าเงินหลายล้านบาทนี้เป็นเงินทำบุญหรือเงินใดนั้น บุคคลก็สามารถให้การได้ ถือเป็นสิทธิ  แต่ดีเอสไอก็จะต้องพิสูจน์ว่าเป็นเงินทำบุญจริงหรือไม่ และเหตุใดจึงเป็นเงินทำบุญทุกเดือน เพราะบางครั้งหลักแสนบาท บางครั้งหลายแสนบาท และยังเป็นไปตามวงรอบทุกเดือน ดีเอสไอจึงมองว่าพฤติการณ์ลักษณะนี้ไม่อาจใช่เงินทำบุญ

พันตำรวจตรี ยุทธนา กล่าวว่า ส่วนเหตุใดจึงเป็นความผิดฐานฟอกเงินทางอาญานั้น เพราะมันคือการเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน หรือมีลักษณะปกปิดอำพราง อีกทั้งนักการเมืองรายนี้ยังใช้เงินผ่านบัญชีแม่ของตัวเอง เพราะเมื่อบอสพอลหรือบอสปีเตอร์โอนเงินมายังบัญชีแม่ของนักการเมือง จากนั้นแม่ของนักการเมืองก็จะโอนต่อมายังบัญชีนักการเมือง จึงยืนยันว่าทั้งคู่มีการกระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน

ส่วนที่ทนายความ "บอสพอล" ให้สัมภาษณ์ว่า "บอสพอล" ไม่ติดใจดำเนินคดีกับนายสามารถ อธิบดีดีเอสไอยืนยันว่าแม้ "บอสพอล" จะไม่แจ้งความ แต่คดีนี้เป็นอาญาแผ่นดิน เจ้าพนักงานเมื่อพบการกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อตัดวงจรการกระทำผิด อีกทั้งดีเอสไอพิจารณาแล้วว่าคดีฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนมีพยานหลักฐานแน่นหนาในระดับหนึ่ง การที่ได้ทรัพย์จากการกระทำผิดมาโอนเปลี่ยนแปลงสภาพ ปกปิดอำพราง ถือว่าเข้าข่ายฐานฟอกเงิน


ส่วนที่ "บอสพอล" อ้างเป็นเงินทำบุญ หรือเป็นเงินทำบุญและเป็นเงินยืม ได้เงินคืนทั้งหมดแล้วนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่จะอ้างได้ และสามารถยื่นหลักฐานมาได้ ดีเอสไอก็จะรับฟัง สำหรับสำนวนคดีฟอกเงินนี้ ดีเอสไอจะเร่งสรุปสำนวนส่งอัยการภายใน 84 วัน ซึ่งจะแยกเป็นอีกสำนวนหนึ่ง ส่วนสำนวนคดี "ดิไอคอน กรุ๊ป" จะเร่งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้

----------------------------------------

เปิดนาทีบุกรวบตัว 'สามารถ' ขณะหนีมาเชียงราย ส่งดำเนินคดีฟอกเงินดิไอคอนทันที เจ้าตัวปิดปากเงียบ ดีเอสไอคุมตัวขึ้นเครื่องสอบต่อ กทม. 

เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ยาว จังหวัดเชียงราย ทำการเข้าจับกุมตัวนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิชตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 24 พ.ย.2567 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินในคดีดิไอคอน และสบคบกันฟอกเงิน จากคดีพิเศษที่ 115/2567 กรณี การฟอกเงินทางอาญา


โดยการจับกุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามผู้ต้องหา ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ จะพบนายสามารถ อยู่ภายในบริเวณวัดห้วยปลากั้ง จังหวัดเชียงราย จึงได้ทำการเข้าจับกุมโดยนายสามารถได้สวมชุดแต่งกายเสื้อเชิ้ตแขนสั้น สวมกางเกงขายาว ซึ่งขณะถูกจับกุมนายสามารถมีท่าทางตกใจเพียงเล็กน้อย ก่อนจะถูกนำตัวไปสอบสวนไว้ที่ สภ.แม่ยาว จ.เชียงราย


ต่อมาพล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้เดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหา จากนั้นจะส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะรับตัวเข้าไปดำนินคดีใน กทม.


 ขณะที่จากการสอบถามจากคนขับรถตู้รับจ้างในเบื้องต้นทราบว่า นายสามารถเดินทางมาถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ในเวลาประมาณ 08.20 น. และได้ติดต่อว่าจ้างรถตู้พร้อมคนขับ ในราคา 7,000 บาท เพื่อเดินทางไปกราบหลวงพ่อพบโชคที่วัดห้วยปลากั้ง ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย และแวะทานอาหารใกล้กับชุมชนห้วยปลากั้ง โดยวางแผนว่าหลังจากทานอาหารและเสร็จธุระในตัวเมืองเชียงราย ก็จะให้คนขับรถพาไปส่งที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับ กทม. แต่ถูกตำรวจควบคุมตัวได้เสียก่อน


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการสอบสวนปากคำเบื้องต้นนายสามารถ และทำการบันทึกการจับกุม โดยใช้ห้องประชุมภายในสถานีตำรวจภูธรแม่ยาว โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชลหรือผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปสังเกตุการณ์รับฟังการสอบสวน ตลอดจนไม่ให้มีการเก็บภาพการสอบสวน ซึ่งทางผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามของการจับกุมและการสอบปากคำกับทางพล.ต.ท.กฤตธาพล ซึ่งได้รับคำตอบเพียงสั้นๆ ว่าการจับกุมเป็นตามอำนาจหน้าที่ในฐานะตำรวจท้องที่ แต่ไม่มีอำนาจในเรื่องการสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งเป็นคดีของทางดีเอสไอ จึงไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดีได้


กระทั่งเวลา 18.30 น. หลังจากทำการสอบสวนและทำบันทึกการจับกุม ที่ สภ.แม่ยาว เสร็จทางเจ้าหน้าที่ DSI ได้นำตัวนายสามารถ เดินทางออกจากสถานีตำรวจภูธรแม่ยาว ซึ่งทางทีมข่าวได้พยายามจะสอบถามถึงเหตุการร์ที่เกิดขึ้น แต่ทางนายสามารถเงียบไม่ยอมพูดถึงกรณีดังกล่าว ก่อนที่จะเดินขึ้นรถของทางเจ้าหน้าที่ตำราจ ต่อไปยัง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายเพื่อเดินทางไปยัง กรุงเทพฯ ซึ่งจะออกจากเชียงรายประมาณ 21.00 น. โดยจะนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่กรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป


ต่อมา เวลา 23.10 น.ที่สนามบินดอนเมือง เจ้าหน้าที่ DSI ได้ควบคุม นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ที่ถูกจับกุมที่ จ.เชียงราย เดินทางมาจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย มายังท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ


โดยนายสามารถ สวมชุดเดิมตอนถูกจับ สะพายกระเป๋าสะพายข้างสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ และสวมหน้ากากอนามัยสีขาว ปิดบังใบหน้า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการขับรถพานายสามารถหลบหนีสื่อมวลชนที่มาปักหลักรอทำข่าวด้านหน้าอาคารดีเอสไอไปยังด้านหลังอาคาร


ขณะที่ นายสันติ วิชัยพล และนายสุวัฒน์ เมฆหมอก ทีมทนายความ เปิดเผยว่า นายสามารถมีการติดต่อมาหาตน ตั้งแต่ปรากฏคลิปเสียงว่านายสามารถมีการไปเรียกรับเงินจากบอสพอล และที่มาในวันนี้ถือว่าเป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำของพนักงานสอบสวน โดยก่อนหน้านี้ตนกับทนายความภายในทีมก็ได้มีการพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการต่อสู้คดี แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ และทันทีที่นายสามารถถูกจับกุมที่จังหวัดเชียงราย ก็ได้ประสานมาหาตนให้มาเจอและพูดคุยกันที่ DSI


ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่านายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ได้เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งระบุเพียงว่าตนเองได้รับความไว้วางใจจากนายสามารถให้เข้าร่วมฟังการสอบสวนครั้งนี้ด้วยก่อนจะเดินขึ้นอาคารไป

-------------------------

 'ทนายวิฑูรย์' ตั้งข้อสังเกตดีเอสไอออกหมายจับ 'นายสามารถ' ทำหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่


หลังจากศาลอาญาได้พิจารณาตามคำร้องของสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยอนุมัติออกหมายจับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชรัฐ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเมื่อวานนี้ (25 พ.ย.)  นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้เช่นเดียวกัน

โดยนายวิฑูรย์ ระบุว่า ตนสงสัยว่าทางดีเอสไอเรื่องความผิดมูลฐานคดีฉ้อโกงประชาชน กับพ.ร.บ.แชร์ลูกโซ่ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดเลยว่า บริษัทไอคอนกรุ๊ปนั้นมีความผิดหรือไม่ ยังไม่มีการส่งฟ้องอัยการ แต่มาเริ่มต้นที่คดีฟอกเงินจึงตั้งคำถามกลับไปว่ามันถูกต้องหรือไม่ จะอ้างว่าทำตามกฏหมายอยากถามต่อในประวัติศาสตร์ ของการทำคดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จากประวัติศาสตร์ไม่เคยทำคดีฟอกเงินที่คู่ขนานกับความผิดมูลฐาน


แต่ขณะนี้เราได้รับการปฎิบัติเป็นพิเศษ ทำคดีฟอกเงินพร้อมกันกับคดีที่เป็นความผิดมูลฐานที่ยังไม่ชัดเลยว่าผิดหรือไม่ก็น่าแปลกใจซึ่งตนจะมีการปรึกษาทีมทนายว่าจะดำเนินการอย่างไรกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ตนไม่รับประกันว่าทางนายสามารถ ร่วมถึงคุณแม่ของนายสามารถที่ถูกออกหมายจับ อาจจะมีการร้อง ม.157 กับทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ตนก็ไม่ทราบ


 ซึ่งในกรณีของนายสามารถ ตามจริงก็น่าจะออกหมายเรียกได้ไม่จำเป็นต้องออกหมายจับ แต่เล่นจะจับกันเลย พร้อมบอกว่าผู้ต้องหาฝั่งคดีดิไอคอนกรุ๊ปนอนรออยู่ในคุกอย่างสบายใจ แต่ตอนนี้คนที่คุณไปจับเขามาเพิ่ม คุณจะต้องตอบคำถามให้ได้ความผิด มูลฐานที่อยู่ในมือของดีเอสไอในวันนี้ยังไม่ส่งศาล ยังไม่ชัดว่าผิดหรือไม่ผิด แต่คุณเล่นคดีฟอกเงินกันแล้วจะต้องตอบคำถามกับหน่วยงานต่างๆ ให้ได้ว่าคุณทำหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่


พร้อมบอกว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไม่เคยเข้าไปสอบปากคำบอสพอลถึงประเด็นเรื่องเส้นเงิน ซึ่งตอนนี้ตนมีหลักฐานที่บอสพอลยืนยันว่าเงินทั้งหมดเป็นเงินค่าอะไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเงินทำบุญอีก ส่วนนึงเป็นเงินที่ยืมกันปกติ เพราะแม่ของนายสามารถกลับบอสพอลมีความสนิทสนมกัน ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตนได้ส่งให้กับทนายของนายสามารถเป็นที่เรียบร้อยเพื่อที่จะให้ทนายของนายสามารถนำข้อมูลมาให้กับทางดีเอสไอ


ซึ่งส่วนใหญ่แม่ของนายสามารถจะเป็นคนยืมบอสพอล ยืมครั้งหนึ่งไม่เยอะประมาณครั้งละ 100,000-300,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนทั้งหมดที่มีการยืมกันก็ได้คืนจะไปหมดแล้ว พร้อมบอกว่าไม่ใช่การยืมกันทุกเดือนแต่เป็นยอดเงินรวมประมาณ 3 ปีตั้งแต่ปี 64-66 ร่วมกันประมาณ 2.1 ล้านบาท เอกสารการกู้ยืมเงินมีบ้างไม่มีบ้าง ส่วนหลักฐานแชทการสนทนาการยืมเงินกันนั้นนายวิฑูรย์ ระบุว่าส่วนใหญ่จะโทรศัพท์คุยกันมากกว่าตามประสาคนสนิทกัน


 พร้อมบอกว่าครั้งล่าสุดที่คุยกับนายสามารถ คือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ได้ปรึกษากันเรื่องคดีแต่นายสามารถโทรศัพท์มาบอกว่าจะไปทำบุญ เมื่อถามว่านายสามารถกังวลเกี่ยวกับเรื่องคดีหรือไม่นายวิฑูรย์ ระบุว่าเขาไม่กังวลหรอก เขาตอบได้ ซึ่งวันนี้ทนายความของนายสามารถน่าจะมาที่ดีเอสไอด้วย พร้อมบอกว่านายสามารถน่าจะยังอยู่ในประเทศ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/1S-cABmINNM


คุณอาจสนใจ

Related News