สังคม

'กรรชัย' เปิดแชทจับโป๊ะ 'ฟิล์ม' ทนายเผย 'กฤษอนงค์' จุดเริ่มต้นคดีดิไอคอน - 'บิ๊กเต่า' เตรียมเอาผิด

โดย passamon_a

14 พ.ย. 2567

729 views

หนุ่ม กรรชัย เปิดแชทไลน์ของ ฟิล์ม รัฐภูมิ - ทนายบอสพอล เผย กฤษอนงค์ จุดเริ่มต้นคดีดิไอคอน - บิ๊กเต่า เผย กฤษอนงค์ กับ ฟิล์ม เข้าข่ายพยายามฉ้อโกง


เมื่อวันที่ 13 พ.ย.67 หนุ่ม กรรชัย เปิดเผยแชทไลน์ของ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ที่ส่งข้อมูลของเหล่าบอสดิไอคอน คืนวันที่ 8 ต.ค. หลังจากที่เริ่มโพสต์เรื่องดิไอคอน ว่ามีเหล่าแม่ข่ายเริ่มข่มขู่ผู้เสียหาย


จากนั้นเวลา 20.00 น. ฟิล์มส่งไลน์หาถามว่า “พี่ว่างไหมครับ ทำการบ้านรอให้แล้วครับ ว่างแล้วบอกนะครับพี่ชาย เดี๋ยวเอาไปส่งให้” โดย หนุ่ม กรรชัย ตอบไปว่า “ฟิล์ม ตอนเช้าพี่โทรหานะ พี่อยู่ในงาน น่าจะดึกแน่”


วันต่อมา 9 ต.ค.67 ประมาณ 11 โมง ฟิล์ม ไลน์หาอีกครั้งว่า “วันนี้พี่หนุ่มสะดวกกี่โมงครับ” พร้อมส่งภาพถ่าย ระบุ “ฝ่ายข้อมูลพร้อมครับ 555” โดยหนุ่มได้ถามว่า “วันศุกร์มาคุยกันได้ไหม” ฟิล์มตอบกลับว่า “ศุกร์ผมมีบินไปจีน กลับวันอาทิตย์ครับ งั้นผมส่งพี่สาวที่ทำเรื่องนี้ด้วยกัน เอาข้อมูลไปให้พี่หนุ่มได้ไหมครับ แกรู้กลโกง และมีกลุ่มผู้เสียหายด้วย”


อีกแชท วันที่ 14 ต.ค.67 ซึ่งเป็นวันที่บอสพอล มาออกรายการโหนกระแส ฟิล์มได้ส่งข้อความมาตอนเช้า ระบุ “วันนี้ให้ผมทำอะไรหรือให้เอาข้อมูลไปให้บอกได้เลยนะ ครับ กันต์มันอยากคุยกับพี่หนุ่ม ผ่านผมอยู่555” ซึ่ง หนุ่ม กรรชัย ได้ตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวโทรหา” จากนั้น เวลา 14.13 น. ฟิล์ม ส่งข้อความมาอีก “ไปตอนนี้ทันมะ แม่งกวนจริง” และยังบอกอีกว่า “พวกหุ้นส่วนเริ่มเอารถออกมาขาย”


ด้าน นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นานกว่า 5 ชั่วโมง โดยออกมาบอกว่า วันนี้ตนเองได้คุยกับบอส 5 คน ประกอบด้วย บอสพอล บอสปีเตอร์ บอสป๊อบ บอสวิน บอสโอม และโค้ชแล็บ รวมถึงได้คุยกับทนายความของบอสตันที่มาเยี่ยมพอดี รวมถึงวันนี้มีตำรวจเข้ามาสอบปากคำบอสพอลเพิ่มเติม ในประเด็นกรรโชกทรัพย์ด้วย


บอสพอล ฝากบอกว่า คดีนี้ต้นเหตุเริ่มจากช่วงเดือนมิถุนายน จนถึงกรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่เริ่มมีคนมาร้องเรียนผ่าน นางสาวกฤษอนงค์ จากนั้นกฤษอนงค์ก็เข้ามาคุยกับบอสพอล ว่ามีผู้เสียหายจำนวน 83 คน จำนวนความ 15 ล้านบาท มาร้อง หากเธอรับทำเคสนี้จะมีการพาไปออกสื่อ ไปร้องหน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง สคบ. บก.ปคบ. ซึ่งบอสพอลในขณะนั้นไม่อยากมีเรื่องหรือเกิดความเสียหายกับบริษัท จึงยอมจ่ายไป จำนวน 8.3 ล้าน แบ่งเป็น จ่ายให้ผู้เสียหาย 7 ล้านกว่า และจ่ายค่าดำเนินการให้นางสาวกฤษอนงค์ จำนวน 4.5 แสน โอนเข้าบริษัท และ 3 แสน ให้เงินสด ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวแลกกับขอให้เก็บรักษาความลับนี้ไว้ เพราะสิ่งที่บริษัทกลัวคือการไปแจ้งกับคนอื่น ๆ แล้วจะมาเรียกร้องกับบริษัทอีก เพราะคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่มที่ได้ของไปแล้วไม่รู้ว่าขายไม่ได้หรือไม่ได้ขาย


แต่หลังจากที่กลุ่มคนนี้ได้รับเงินก็ไปข่าวปล่อยในเพจผีและเริ่มมีการโจมตีบริษัทดิไอคอน ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน ว่าบริษัทเคยจ่ายเงินให้กับผู้เสียหายมาแล้ว ทำให้ผู้เสียหายคนอื่นไปร้องกับบริษัทของกฤษอนงค์ และทนายความคนอื่นตามที่ปรากฏในสื่อในช่วงนั้น และเหตุการณ์เริ่มบานปลาย เพราะบริษัทไม่ต้องการที่จะจ่ายเงินอีกแล้ว ทำให้ช่วงกันยาและตุลาคมมีผู้เสียหายไปร้องที่สอบสวนกลาง และกระแสเริ่มเป็นประเด็นไปถึงรายการโหนกระแส จนเป็นที่มาของคลิปที่เรียกเงิน 20 ล้าน และระหว่างนั้นก็มีการปล่อยข่าวปลอมมาตลอด และสินค้าไม่มีในโกดัง


ส่วนวันที่บอสปัญ ไปหานางสาวกฤษอนงค์ที่บริษัท วันนั้นมีเลขาไปด้วยสองคนคือ คุณเนมและคุณใหม่ ซึ่งวันนั้นกฤษอนงค์ได้โทรศัพท์ไปหาฟิล์ม ช่วงประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 9 ต่อเนื่องวันที่ 10 ตุลาคม ว่าจะพาไปออกโหนกระแส ในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม และได้คืนนั้นกฤษอนงค์บอกกับบอสปัญ ว่าวันที่ 10 จะพาผู้เสียหายไปร้องที่ สคบ. เพื่อเปลี่ยนทิศทางคดี


ทนายวิฑูรย์ ยังบอกอีกว่า ตนได้คุยกับบอสกันต์ ผ่านทนายว่ามีการติดต่อกับคุณฟิล์มหรือไม่ บอสกันต์ได้ปฏิเสธว่า ฟิล์มไม่ได้ติดต่อมา มีแต่ติดต่อไปหาคุณพลอย แค่ให้กำลังใจเท่านั้น และบอสกันต์ก็ไม่เคยคิดที่จะไปออกรายการโหนกระแส


บอสพอล ยังฝากบอกว่า ตอนนี้ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าเราโกงยังไง เพราะผู้เสียหายส่วนมากจะเป็นจากการหลงเชื่อและซื้อสินค้าเอามาขาย แต่ทุกครั้งที่สั่งซื้อคุณก็ได้สินค้าทุกครั้ง ส่วนเรื่องขายขายไม่ได้หรือคุณไม่ได้ขายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และบอกว่าคดีนี้ควรจะเป็นคดีแพ่งมากกว่าคดีอาญา แต่ไม่เป็นไรสุดท้ายตำรวจออกหมายจับแล้ว


บอสพอล ยังบอกอีกว่า พฤติกรรมของกฤษอนงค์และฟิล์ม ที่ทำเหมือนจะหวังดี มีผู้เสียหาย และยังบอกอีกว่ากฤษอนงค์เคยมีพฤติกรรมแบบนี้กับบริษัทอื่น และดิไอคอนไม่ใช่ที่แรกที่ถูกพฤติกรรมแบบนี้ เพราะฉะนั้นใครที่เคยโดนเหมือนกับดิไอคอน ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ได้กับตำรวจ


และบอสพอล ยังบอกอีกว่า ก่อนที่ตนจะโดนจับตนมีโอกาสได้พูดชี้แจง แต่ด้วยกระแสสังคมที่กดดันจึงพูดไม่ได้เต็มที่ แต่บอสคนอื่นไม่มีโอกาสได้พูดหรือชี้แจงในฝั่งของดิไอคอนเลย จึงอยากขอให้สัมคมให้โอกาส เปิดใจ เหล่าบอสก็พร้อมจะไปออกทุกรายการและชี้แจงให้สังคมเข้าใจอีกมุมนึง เพราะตอนนี้ในเกมของสื่อมวลชนทางเราแพ้ แต่ในเกมของกระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุดเลยว่าเราแพ้หรือชนะ


ส่วนเรื่องการจ้างทำพีอาร์ ได้สอบถามบอสพอลมาแล้ว ยืนยันว่าทางดิไอคอนกรุ๊ปมีการจ้างทำการตลาดรวมถึงทำโฆษณากับบริษัทอื่น ซึ่งไม่เคยจ้างงานกฤษอนงค์และฟิล์ม อย่างแน่นอน


โดยเรื่องคลิปเสียง หลังจากนี้ก็พร้อมจะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม โดยจะดำเนินคดีกับทั้งสองคน ในข้อหาพยายามฉ้อโกง


ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยคณะทำงานของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ประชุมติดตามความคืบหน้า คดีการทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคดีบริษัท The Icon Group ภายหลังจากใช้เวลาประชุมนานถึง 1 ชั่วโมงกว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเปิดเผยผลความคืบหน้าของการประชุมดังกล่าวต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า การประชุมในวันนี้ติดตามความคืบหน้าทางคดีถึง 5 เรื่อง โดยในเรื่องแรก เรื่อง น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ขายออนไลน์ กรรโชกทรัพย์บอสพอล The Icon จำนวน 300,000 และ 450,000 บาท ขณะนี้มีพยานหลักฐานต่าง ๆ มากถึง 80-90% โดยภายในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนในทางคดีมากขึ้น แต่ขอไม่เปิดเผยว่าจะมีความชัดเจนในด้านใดบ้าง ส่วนเรื่องการออกหมายจับนั้น ขอให้เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของทางพนักงานสอบสวน จะยืนยันว่าเข้าข่ายความผิดฐานกรรโชกทรัพย์


ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่า จะทันภายในวันลอยกระทงนี้หรือไม่ และ น.ส.กฤษอนงค์ จะยังสามารถลอยกระทงในวันศุกร์นี้ได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ พูดแกมหัวเราะว่า ยังตอบไม่ได้


ส่วนการที่คุณกฤษอนงค์ ออกมาโพสต์ Facebook แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นการชดใช้คืนแก่ผู้เสียหายนั้น ซึ่งผู้สื่อข่าวสอบถามว่าประเด็นดังกล่าวจะพอมาหักล้างข้อกล่าวหาได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ มองว่า มันมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องการคืนเงิน 10 ล้านบาทแก่ผู้เสียหายเป็นเรื่องที่ทำให้ทางบริษัทไม่พอใจ แต่ประเด็นที่ทางฝั่งผู้กล่าวหามาแจ้งความนั้น คือเรื่องของการกรรโชกทรัพย์ 300,000 และ 450,000 บาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องแยกจากกัน


ส่วนเรื่องที่ 2 คือคดีที่ น.ส.กฤษอนงค์ กับ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ศิลปินชื่อดัง ถูกกล่าวอ้างว่าตบทรัพย์บอสปัน 20 ล้านบาทเพื่อออกรายการโหนกระแสนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า คดีนี้เบื้องต้นจะอยู่ในความรับผิดชอบของกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม โดยได้ประสานกับทางนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุลหรือบอสพอล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายวิฑูรย์ระบุว่า ประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งคู่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำมาแจ้งความ


ขณะเดียวกัน ทางตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้เบื้องต้นแล้ว เหลือแต่การนำพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุประมาณ 3-4 ปากได้เข้ามาสอบปากคำ อีกทั้งจะเรียกคุณหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ประกาศข่าวผู้เปิดประเด็นเรื่องดังกล่าว มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ซึ่งทางคุณหนุ่ม กรรชัยยินดีที่จะเข้ามาสอบปากคำ ส่วนจะเรียกมาให้ปากคำเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน


ด้านพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าทั้งคุณฟิล์มและคุณกฤษอนงค์ พยายามที่จะแสดงตัวเพื่อฟอกขาวกลุ่มบอสและปลอบประโลมให้จ่ายเงิน พร้อมทั้งอ้างว่า มีการพูดคุยสามารถนำมาออกรายการโหนกระแสได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริง เป็นการอุปโลกขึ้นมาเองเพื่อหลอกลวงเหยื่อ ดังนั้น ในคดีส่วนนี้จึงอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานพยายามฉ้อโกง ซึ่งมีอัตราโทษ 2 ใน 3 ของโทษความผิดดังกล่าว จึงอาจจะทำให้คดีนี้อยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวง นั่นจึงทำให้ทางพนักงานสอบสวนอาจจะเรียกให้ทั้งสองคนมารับทราบข้อกล่าวหาและส่งฟ้องต่อศาลได้เลย


สำหรับเรื่องคลิปเสียงที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นคลิปตัดต่อนั้น จากที่ตนฟังแล้วก็เชื่อว่าน่าจะเป็นคลิปจริงไม่ใช่คลิปเสียงตัดต่อ เพราะเมื่อนำคลิปที่มีการตัดเป็นช่วง ๆ มาประกอบกันก็มีเนื้อหาเดียวกันทั้งหมด


ขณะที่วันนี้ อี้ แทนคุณ ได้ออกมาพูดอ้างว่าฟิล์ม รัฐภูมินั้น ได้หลอกลวงสูงถึง 60 ล้านบาทนั้น เบื้องต้นยังไม่พบข้อมูลดังกล่าว แต่ถ้าหากอี้ แทนคุณ จะนำข้อมูลมาให้ทางตำรวจก็ยินดี


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ในคดีคุณกฤษอนงค์ตอนนี้มีอยู่ 2 คดี คือคดีกรรโชกทรัพย์และคดีใหม่คือเรื่องคลิปเสียงตบทรัพย์ 20 ล้านบาทออกรายการ ซึ่งได้กำชับพนักงานสอบสวนว่าทั้ง 2 คดีของกฤษอนงค์ต้องจบภายในสัปดาห์นี้ แต่ยังมีอีกคดีของคุณกฤษอนงค์ที่ทนายความของบอสพอลแจ้งความไว้เกี่ยวกับเรื่องการจ้างงานที่มีการจ่ายเงินแล้ว แต่ไม่ได้รับงานตามที่ว่าจ้าง ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง โดยเรื่องนี้ยังไม่ได้นำมาพิจารณาในตอนนี้ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อไปว่า จะมีประเด็นที่คุณกฤษอนงค์ร่วมกันตบทรัพย์บอสคนอื่นหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ทำคดีเหล่านี้ให้จบเสียก่อน


เรื่องถัดมาคือ คดีนักการเมือง ส.เสือ นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างรอหนังสือชี้แจงการแต่งตั้งและพ้นตำแหน่งตั้งแต่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการเองได้ แต่ถ้าเป็นการให้โดยเสน่หาและผู้เสียหายไม่เอาเรื่อง ก็ยากที่จะดำเนินการ จึงรอเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมถึงบางเส้นที่อาจจะไปพัวพันกับแม่ หากพบข้อเท็จจริงก็จะรายงานข้อเท็จจริงส่งไปที่ DSI ต่อไป


เรื่องถัดมาคือเรื่องกรณีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กับข้อกล่าวหาพยานหลักฐานเท็จนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยสั้น ๆ เพียงแค่ว่า จะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างไม่มีความกังวล โดยเน้นย้ำการทำงานต้องอยู่ภายใต้ความโปร่งใส ชัดเจนและตรวจสอบได้ เนื่องจากทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทำตามหลักฐานข้อเท็จจริง ยืนยันว่าไม่กลัวหรือกังวลอะไร โดยเราทำตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ให้มีความชัดเจน ชี้แจงกับสังคมได้ เพื่อเป็นการปัดกวาดบ้านเมืองให้ดีขึ้น


พร้อมกันนี้ยังได้เตือนถึงพี่น้องประชาชนว่า ผู้ที่หวังดีออกมาเป็นตัวแทนช่วยเหลือสังคมนั้น บางทีก็เป็นนางฟ้า บางทีก็เป็นมาร ซึ่งไม่รู้ว่าเขาจะแสดงเป็นนางฟ้าหรือมารตอนไหน จึงอยากเตือนพี่น้องประชาชนว่า หากมีเรื่องทุกข์ร้อนให้เข้ามาแจ้งกับตำรวจโดยตรงจะดีที่สุด เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกหลอกตบทรัพย์ในภายหลังได้

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/OD-kfJxmeNU

คุณอาจสนใจ

Related News