สังคม
‘ทนายตั้ม’ นอนคุก หลังสอบนาน 11 ชม. - ‘บิ๊กอ้อ’ ยันทนายตั้ม-เมีย เตรียมหนีออกนอกประเทศ
โดย petchpawee_k
8 พ.ย. 2567
10 views
ตำรวจยัน ทนายตั้ม และเมีย เตรียมขนของ หนีออกนอกประเทศ เร่งสอบปมจ่ายตำรวจ 20 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือ ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พบผู้เสียหายอีก 3 เคส.
เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.67) เวลา 16.00 น. พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการจับกุมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และภรรยา ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนคุมตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม โดยระบุว่า คดีดังกล่าว พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ตนเข้ามาดูแลคดีนี้ ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางทำคดีด้วยความรัดกุมรอบคอบ รวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งจนแน่นหนา ก่อนจะขอศาลออกหมายจับนายษิทรา และภรรยา วานนี้
โดยนายษิทราถูกแจ้งข้อหาข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ ส่วนภรรยา ข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน อัตราโทษตั้งแต่ 1-10 ปี
พลตำรวจโทอัคราเดช กล่าวว่า ทนายตั้มและภรรยามีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจรับรู้ว่าตำรวจจะออกหมายจับ เนื่องจากทางตำรวจขอหมายจับช่วงเวลา 11.00 น. แต่ทนายตั้มออกจากบ้านย่านตลิ่งชันในเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน โดยขับรถมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก แต่ตำรวจได้เริ่มสะกดรอย จนรู้ว่าผู้ต้องหากำลังเดินทางออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงประสานตำรวจทางหลวงในพื้นที่ช่วยกันสกัดจับก่อนจะหนีออกนอกประเทศ โดยที่ตัดสินใจเข้าควบคุมตัว เนื่องจากสมรรถนะรถตำรวจไม่เทียบเท่ากับรถที่ทนายตั้มและภรรยาใช้เดินทาง และมีแนวโน้มออกนอกประเทศ หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจจะติดตามได้ยาก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมนายษิทราถึงจะข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มีบุคคลอื่นให้การช่วยเหลือหรือไม่ ที่มีกระแสข่าวว่า มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่บางนาย เพื่อขอให้ช่วยหลบหนี โดยมีค่าตอบแทนคนละ 10 ล้าน ทนายตั้มกับภรรยา 2 คน เป็น 20 ล้าน จริงหรือไม่ พล.ต.ท. อัคราเดช กล่าวว่า ยังไม่ทราบในประเด็นนี้ และยังต้องสอบปากคำเพิ่มเติม การออกหมายจับวานนี้ เนื่องจากพบว่า นายษิทรามีการไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานจากกรณีเงินของมาดามอ้อยจำนวน 71 ล้าน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายษิทรามีพฤติการณ์อย่างไร พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า ตามที่ปรากฏในสื่อ มีการไปปรากฏตัวตามที่ต่างๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าขณะจับกุม นายษิทรามีท่าทีอย่างไร พล.ต.ท. อัคราเดช กล่าวว่า นายษิทราจำนนต่อหลักฐาน ส่วนที่อ้างว่าจะไปปฏิบัติธรรม ก็เป็นคำให้การของผู้ต้องหาที่มีสิทธิ์จะพูด โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง ส่วนการอายัดเงินในบัญชีของทนายตั้มมาตรวจสอบนั้น จะเป็นขั้นตอนต่อไป ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายตั้ม เชื่อมโยงกับคดี 71 ล้านหรือไม่นั้น พล.ต.ท.อัคราเดช ระบุว่า คดีนี้มีสารตั้งต้นมาจากเงิน 71 ล้าน
และนอกจากเคสของมาดามอ้อยแล้ว ยังมีผู้เสียหายรายอื่นอีก 3 เคส ที่เตรียมเข้าดำเนินคดีกับนายษิทรา ซึ่งมีความเสียหายแตกต่างกันไป ส่วนพยานบางปากที่ถูกกันไว้เป็นพยานก่อนหน้านี้ จากการสืบสวนพบว่า มีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับนายษิทรา ประเด็นนี้ยังต้องชั่งน้ำหนักตามกฎหมาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ต้องหาเป็นผู้รู้กฎหมาย และอาจรู้จักผู้ใหญ่ระดับสูง จะมีผลต่อคดีหรือไม่ พล.ต.ท. อัคราเดช กล่าวว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” และจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครติดต่อมาช่วยเหลือทนายคนดังกล่าว
พล.ต.ท. อัคราเดช ยังเปิดเผยด้วยว่า ปฏิบัติการค้นบ้านของทนายตั้มและภรรยา จำนวน 2 จุด จุดแรก บ้านเดิมที่จังหวัดสมุทรสาคร และบ้านที่ย่านตลิ่งชัน เป็นจุดที่นำเงินไปแปรสภาพ แล้วมาซื้อบ้านหลังนั้น
ด้านพลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ระบุว่า เบื้องต้น ทนายตั้มและภรรยาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และหลังจากสอบปากคำเสร็จพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากในหมายจับคดีมีอัตราโทษสูงเกิน 3 ปี และเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จากนั้นวันนี้ (8 พ.ย.67) จะคุมตัวทั้ง 2 คน ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก ซึ่งเชื่อว่าทีมทนายจะไปยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล
---------------------------------------
ทนายตั้ม เครียด ‘3 บิ๊ก ตร.’ สอบนานกว่า 11 ชม. คุมตัวนอนห้องขังทั้งคู่ เจ้าตัวถามหานักข่าว เลี่ยงไม่อยากเจอสื่อ ตร.จ่อค้น ‘ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม’ วันนี้
วานนี้ (7 พ.ย.67) เวลา 19.00.น ความเคลื่อนไหวที่กองบังคับการปราบปราม หลังจากที่ตำรวจจับกุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มพร้อมภรรยามาสอบปากคำ แบบแยกกันสอบ ตั้งแต่เวลา 13.45 น. ผ่านไปกว่า 5 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น โดยมีทนายความจากบริษัทษิทรา ลอว์ เฟิร์ม มาร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย
ต่อมา พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มาร่วมสอบปากคำด้วย เปิดเผยว่า การสอบปากคำนายษิทรา และภรรยา ยังคงมีหลายประเด็นที่ยังพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงไม่ได้ คาดว่าการสอบปากคำอาจยาวนานไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง หรือเลยเวลา 22.00 น. ก่อนจะพิมพ์ลายนิ้วมือและนำตัวทั้งสองเข้าห้องขัง ส่วนจะฝากขังที่ศาลอาญาในวันนี้ (8 พ.ย.67) หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนสอบปากคำในประเด็นที่ยังสงสัยอยู่ครบแล้วหรือไม่ หากครบแล้วก็สามารถนำตัวไปฝากขังที่ศาลได้ แต่หากยังไม่ครบประเด็นก็สามารถคุมตัวสอบปากคำได้ตามกฎหมายคือ 48 ชั่วโมง
มีรายงานว่า บรรยากาศการสอบปากคำทนายตั้มและภรรยา ผู้ต้องหาค่อนข้างมีอาการเครียด เนื่องจากผู้ที่เข้าร่วมสอบสวน ล้วนเป็นนายตำรวจระดับสูงของ บช.ก.อาทิ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขันธ์ ผบก.ป. ซึ่งผิดกับเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ทนายตั้มเข้ามาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอทำข่าวที่หน้าตึกกองปราบเป็นจำนวนมาก ซึ่งภายหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้นแล้วทางทนายดังจะขอขึ้นไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของ บช.ก. โดยแจ้งกับตำรวจเวรรักษาการณ์ว่า จะขอขึ้นไปพบนายตำรวจระดับสูงของ บช.ก.เท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า หากไม่ได้นัดหมายมาก่อนก็ขึ้นไปพบไม่ได้ สร้างความไม่พอใจกับทนายตั้ม ก่อนที่จะเดินทางออกจาก บช.ก.ไป กระทั่งมาถูกจับกุม ทำให้ได้เข้าพบกับนายตำรวจระดับสูงจริง ๆ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า นางเดือน พี่สาวของนางปทิตตา ภรรยาของทนายตั้ม เดินทางมากองบังคับการปราบปรามด้วย โดยขากลับ สื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงกรณีการรับโอนเงิน เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินที่มาดามอ้อย ผู้เสียหาย จ่ายให้กับนายษิทรา เป็นค่าจ้างที่ปรึกษากฎหมาย แต่นางเดือนปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือชี้แจงในประเด็นนี้
เมื่อถามว่า นายษิทราและนางปทิตตาเป็นอย่างไร เครียดหรือไม่ นางเดือนส่ายหัว ไม่ตอบคำถาม และขึ้นรถอัลพาร์ต ซึ่งเป็นรถของนายษิทราออกจากกองปราบไปทันที
ด้านเพจตำรวจสอบสวนกลาง โพสต์เมื่อเวลา 21.07 น. ระบุว่า “ตำรวจ CIB ไม่ให้ประกันตัว ทนาย ต. พร้อมภรรยา นอนห้องขังทั้งคู่ คืนนี้!”
ซึ่งต่อมา ในเวลา 00.20 น. (8 พ.ย.67) หลังการสอบปากคำมาราธอน นานกว่า 11 ชั่วโมง ตำรวจกองปราบปรามคุมตัว ทนายตั้ม พร้อมกับภรรยา ส่งตัวเข้าสู่ห้องควบคุมผู้ต้องหา โดยทนายตั้มสวมเสื้อเสื้อเชิ้ตเเขนสั้นสีขาว กางเกงยีนส์ ส่วนนางปทิตตา ภรรยา สวมเสื้อยืดสีดำ เดินลงบันไดมาจากห้องสอบสวน เพื่อนำตัวเข้าห้องขังที่บริเวณชั้น 1
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ทนายตั้มจะลงมาห้องขัง ทนายตั้มได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่า “ยังมีนักข่าวเฝ้าอยู่หรือไม่” เนื่องจากไม่อยากเจอสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ออกมาเฝ้าสังเกตการณ์ด้านนอกอาคารแทน กระทั่งผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าควบคุมตัวทนายตั้ม เดินลงจากห้องสอบสวน โดยทนายตั้มมีสีหน้าอิดโรย และพยายามเหลือบมองสื่อมวลชน ส่วนนางปทิตตา ก็เดินก้มหน้า ก่อนทั้งสองจะถูกนำตัวเข้าห้องขังไปทันที
ด้านนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม เปิดเผยว่า ทนายตั้มไม่เครียดกับการถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งยังเตรียมตัวถูกจับกุมจากตำรวจมาเป็นเวลานานถึง 5 วัน โดยใส่สูทแต่งตัวรอให้ถูกจับกุมอยู่ที่บ้านตลอดเวลา กระทั่งวานนี้ เห็นว่ายังไม่มีการออกหมายจับ จึงเดินทางไปทำบุญที่วัดในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งมีความบริสุทธิ์ใจ สังเกตได้จากการแต่งตัวและเสื้อผ้า ที่ทั้งสองคนวางแผนว่าจะไปนอนทำวัตรเย็นที่วัดและเดินทางกลับบ้าน ไม่ได้จะเดินทางหนีออกไปยังชายแดนอย่างที่ทุกคนตั้งข้อสังเกต แต่ยอมรับว่าภรรยาของทนายสิทธามีอาการเครียด เนื่องจากเป็นผู้หญิงและไม่คิดว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเข้าเรือนจำ ซึ่งทนายตั้มค่อนข้างเป็นห่วงภรรยา
ส่วนแนวทางการต่อสู้คดี ยืนยันว่า ตนเองและทนายตั้มได้เตรียมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารหลักฐานสัญญาไว้อย่างละเอียดแล้ว และเชื่อว่าจะสามารถนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและการตีความกฎหมาย นอกจากนี้จะหารือกับญาติของลูกความทั้งสองคน ว่าจะเตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไว้อย่างไร
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้ (8 พ.ย.) ชุดสืบสวนกองปราบปรามเตรียมจะเข้าตรวจค้น บริษัทษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด และเป้าหมายต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องอีกหลายแห่ง เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย ส่วนการฝากขังนายษิทธาและภรรยาต่อศาลอาญานั้น มีรายงานว่าหากเร็วที่สุด ก็น่าจะช่วงก่อนเที่ยงของวันนี้ ( 8 พ.ย.) ภายหลังจากการตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัยเสร็จสิ้นแล้ว รวมทั้งพนักงานสอบสวนจะขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาอีกด้วย
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Lwk85BvjG5E
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทนายตั้ม ,บิ๊กตำรวจ ,บิ๊กอ้อ ,หนีออกนอกประเทศ ,นอนห้องขัง