สังคม
DSI ยังไม่ฟัน ‘ดิไอคอน’ เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ - 'ทนายบอสพอล' แฉมีทนายดัง ชี้นำคำให้การผู้เสียหาย
โดย nattachat_c
31 ต.ค. 2567
35 views
วานนี้ (30 ต.ค. 67) เวลา 15.25 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ (กองคดีแชร์ลูกโซ่) และในฐานะโฆษกดีเอสไอ ร่วมแถลงความคืบหน้าล่าสุดของคดีดิไอคอนกรุ๊ป หลังจากเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ร่วมประชุมกับตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อพิจารณากลั่นกรองรับเป็นคดีพิเศษ
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า จากการที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้มีการส่งเรื่องมาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาคดีดิไอคอนกรุ๊ปเป็นคดีพิเศษ ขณะนี้ มีคำสั่งอนุมัติรับเป็นคดีพิเศษเป็นที่เรียบร้อย ตามมาตรา 21 ของ พ.ร.บ. การสอบสวนคดีพิเศษ โดยเป็นการรับคดีส่วนของข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในฐานะที่มีความเกี่ยวเนื่องกับคดีพิเศษคือคดีฟอกเงิน ที่ทางดีเอสไอรับดำเนินการมาก่อนหน้านี้
ส่วนคดีจะเข้าข่าย พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือ แชร์ลูกโซ่ และต้องแยกเป็นอีกคดีหรือไม่นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า อยู่ระหว่างรอความคิดเห็นจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่จะให้ความเห็นการคำนวณผลประโยชน์ตอบแทนรวมถึงวงจรธุรกิจ ของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งตำรวจได้มีการสอบถามไปทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลังไปก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนประเด็นที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อยากให้นายกรัฐมนตรี มีการตั้งพนักงานสอบสวน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเดิมนั้น พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่าก็มีความเป็นไปได้ที่จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางเข้ามาร่วมสอบสวนด้วยเนื่องเป็นผู้ที่รู้รายละเอียดของคดีมาตั้งแต่ต้น ส่วนความคืบหน้าการแจ้งข้อกล่าวหาการฟอกเงิน พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า ในขณะนี้ พบเส้นทางการเงินที่ชัดเจน และคาดว่าจะสามารถเอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาได้
ส่วนกรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ออกมาพาดพิงว่ามีนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง ดิไอคอนกรุ๊ป พ.ต.ต.ยุทธนา ยืนยันว่า ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะเรียกเข้ามาให้ปากคำ ซึ่งอยู่ที่มติของที่ประชุมหากพิจารณาว่าข้อมูลมีประโยชน์ก็จะเรียกเข้ามา ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเพื่อวางกรอบ และทิศทางการทำงานของทางกรมสอบสวนคดีพิเศษให้มีความชัดเจนอีกครั้ง
-------------------------------------------
‘ทนายวิฑูรย์’ เข้าเยี่ยมบอสพอล ยันมีทนายชื่อดังคอยชี้นำให้การผู้เสียหาย รับมีแม่ข่ายถอนฟ้องแล้วกว่า 100 คน เตรียมดึงมาเป็นพยาน บอกลูกความ "อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ แกล้งตายให้เป็น แล้วรอวันเอาคืน" เผยบอสทุกคนไม่มีความเครียดกังวลยังไม่ได้แยกแดน ทนายและบอสทุกคนรวมเป็นทีมเดียวกัน ใช้กำแพงเรือนจำเป็นฐานต่อสู้คดี ยันไม่มีตำรวจกองปราบเรียกรับเงิน 9 ล้าน จากกลุ่มผู้ต้องหา
วานนี้ (30 ต.ค. 67) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ 'บอสพอล' เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านโทรศัพท์ ว่า ตนเองได้รู้มาว่ามีกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มใหญ่กว่า 100 คน ที่เคยไปแจ้งความที่กองปราบไว้ก่อนหน้านี้ ได้มีการเตรียมถอนแจ้งความ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ มีการซื้อสินค้าไป และขายต่อไม่ได้ และรู้มาว่า คนกลุ่มนี้ได้ไปปรึกษาทนาย และมีคนอื่น ๆ และได้รับคำแนะนำเรื่องการแจ้งความว่า ถ้าไม่มาแจ้งความจะกลายเป็นผู้กระทำความผิดไปด้วย ทุกคนเลยแห่มาแจ้งความกัน เลยทำให้มียอดผู้เสียหายสูงกว่า 9,000 คน ซึ่งตนยอมรับว่า ที่ออกมาให้ข่าวทุกวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แม่ทีมกลุ่มนี้มาถอนแจ้งความด้วย
เวลา 15.00 น. ทนายวิฑูรย์ ให้สัมภาษณ์หลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเปิดเผยว่า หลังจากที่ทีมทนายความสามารถเข้าถึงระบบหลังบ้านได้แล้ว ก็พบว่ามีตัวแทนของ The Icon มากถึง 280,000 กว่าราย แต่เบื้องต้น ทีมทนายความสามารถรวบรวมตัวแทนที่สมัครใจจะมาเป็นพยานให้กับฝั่งผู้ต้องหาได้แล้วกว่า 2,000 กว่าราย ซึ่งคนเหล่านี้คือตัวแทนที่สามารถทำยอดขายได้จริง และสามารถมายันในคดีได้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากการขายของไม่ได้เอง ไม่ได้เกิดจากการฉ้อโกง โดยหากคดีนี้ DSI รับเป็นคดีพิเศษเมื่อไหร่ ตนก็เตรียมจะประสานนำพยานทั้ง 2 พันกว่ารายนี้ ทยอยเข้าให้ปากคำทันที
ทั้งนี้พบว่า บรรดาตัวแทนที่เข้าแจ้งความก่อนหน้านี้จำนวน 9,200 กว่าคนนั้น ตนได้ข้อมูลพบว่า มีทนายความสำนักหนึ่งได้จัดพิมพ์แพทเทิร์นประเด็นมาให้บรรดาแม่ข่าย ให้ปากคำกับตำรวจเป็นลักษณะเดียวกัน เพื่อกล่าวหาบริษัท The Icon Group และบรรดาบอส เช่น
- บริษัทนี้มีลักษณะของการโฆษณาชวนเชื่อเกินความเป็นจริง
- ลักษณะสินค้าไม่ได้มาตรฐาน
- บังคับให้เปิดดีลเลอร์
- บังคับให้ยิงอัดโฆษณา
- การที่บอสนำทรัพย์สินหรูมาเผยแพร่ในสื่อสาธารณะ เพื่อเป็นโฆษณาชักจูง ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นการปรักปรำ และเป็นการชี้นำในการให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
พร้อมทั้งยกฎีกาตัวอย่างในคำพิพากษาฎีกาที่ 6969/2555 ซึ่งตัดสินเอาไว้ว่า ในคดีฉ้อโกงนั้น ผู้ที่ต้องรับผิดจะเป็นบรรดาแม่ข่าย หรือตัวแทนบริษัท ไม่ได้มีความผิดแต่อย่างใด และยืนยันว่าบริษัท The icon Group จำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน และไม่มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่แต่อย่างใด ตอนนี้ เท่าที่ตนทราบ พบว่า มีแม่ข่ายเตรียมถอนแจ้งความแล้วประมาณกว่า 100 คน ทราบเหตุผลว่า พวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคดีอาญา ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเรื่องของทางแพ่ง โดยตนก็เตรียมที่จะดึงกลุ่มคนเหล่านี้มาเป็นพยานเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ การเข้าเยี่ยมบอสพอล ในวันนี้ (30 ต.ค. 67) นั้น พบว่า ทางเรือนจำยังไม่ได้มีการแยกแดนผู้ต้องขังแต่อย่างใด โดยตัวบอสพอลนั้น พบว่า ยังมีอาการปกติ ไม่ได้มีความเครียดกังวลแต่อย่างใด และรู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก ส่วนที่ต้องมาเยี่ยมทุกวันนั้น เพื่อเป็นการพูดคุยแนวทางการต่อสู้คดี เนื่องจากตอนนี้ ทนายความของผู้ต้องขังทุกคนได้รวมทีมเป็นทีมเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยใช้กำแพงเรือนจำเป็นฐานต่อสู้คดี
ทนายวิฑูรย์ ได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ตนได้ให้คำแนะนำกับบอสพอลและบอสทุกคนที่อยู่ในเรือนจำว่า ตอนนี้ขอให้อดทน "อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ แกล้งตายให้เป็น แล้วรอวันเอาคืน" ซึ่งผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าจะเอาคืนใคร ทนายได้แต่ยิ้มหัวเราะ และไม่ตอบคำถามดังกล่าว
ทนายวิฑูรย์ ได้งัดแชตหลักฐานส่งให้กับผู้สื่อข่าวดู อ้างว่ามีบทให้แม่ทีมแจ้งความเอาผิดบริษัทฯ และเหล่าบรรดาบอส ในแนวทางเดียวกันโดยมีบทให้พูด ข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า “อยากให้แม่ทีมทุกคนออกมาให้การให้ปากคำเพราะแม่ทีมจะเป็นคนซวยเอง เวลาแจ้งความให้แจ้งเกี่ยวกับบริษัทโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง เอารถหรูมาเป็นตัวชวนเชื่อ ว่าถ้าเปิดดิลเลอร์ตัดสินใจแล้วจะได้แบบนี้ เราเปิดบิลเพราะเชื่อมั่นในบอสพอล ระบบบังคับให้เปิดดิลเลอร์ เราคิดว่าจะสร้างรายได้ ได้ แต่บริษัทไม่เคยแจ้งค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เรื่องยิงแอด หาคน หาทีมเพิ่มและบริษัทไม่ควบคุมการขายออก เร่งเปิดเอายอดจนของล้นตลาด ทำให้เราขายปลีกไม่ได้ ต้องแจ้งแนวนี้
นอกจากนี้ ทนายวิฑูรย์ยังได้งัดคลิปเสียงการสนทนาของหญิงคนหนึ่งคุยกับหญิงอีกคนหนึ่ง โดยเสียงบางช่วงหญิงรายหนึ่งถามว่า
“มันเป็นสคริปต์ให้อ่านเลยเหรอว่าให้พูดแบบนี้” /หญิงอีกคนตอบ “ใช่” /หญิงที่คุยด้วยพูดว่า “ถ้าอย่างงี้มันเป็นขบวนการนะพี่ แล้วทำไมผู้เสียหายทุกคนจะต้องพูดแบบนี้เหรอ” / เสียงหญิงอีกคนพูดว่า “ก็บอกว่าอ่าวพี่จิ๋มทำไมพูดงี้มันก็ไม่ตรงนะเนี่ย มันเกิดมีอะไรขึ้นมาเราก็จะโดนด้วยนะ”/เสียงหญิงอีกคนพูดว่า “แล้วลูกสาวเขาก็บอกว่ามันก็ต้องให้ไปทางเดียวกันจะได้เอาผิดเขาได้” “เขาให้ลูกมาไงลูกเขาก็ให้แม่เขาอะไรเงี้ย พี่จิ๋มเขาก็ไม่ยอม” “พี่จิ๋มก็เพิ่งส่งมาให้หนูอ่านเมื่อวาน” / จากนั้นคู่สนทนาพูดว่า “ไหนพี่ส่งมาให้หนูอ่านหน่อยสิ เดี๋ยวหนูจะอ่าน แล้วหนูจะบอกเลยว่าเนี่ยโดนแน่ถ้าแบบเนี้ย”// จากนั้นก็มีการส่งเอกสารสคริปต์ที่อ้างถึงให้กันดู / และมีการพูดว่า “พี่รู้มั้ยเค้าตั้งใจทำให้เราเสียหายนั่นแหละ”
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/drFO28OS7Fw