เรียกตัวสอบ 'บอสโปลิศ' ดีกรีรองผู้การ ขึ้นเวที 'ดิไอคอน' ให้ใจ 100% ความสำเร็จที่ สตช. ให้ไม่ได้

อีซ้อขยี้ข่าว แฉคลิปบอสโปลิศ ตำรวจยศพันตำรวจเอก ดีกรีระดับรองผู้การฯ สระบุรี จับไมค์ขึ้นเวที ดิไอคอน ร่ายชีวิตราชการ ทำคดีสำคัญ อาชีพมั่นคงแต่เงินเดือนขึ้นครั้งละหลักร้อย ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นศูนย์ ก่อนมาเจอดิไอคอน ทำชีวิตพลิก ล่าสุดต้นสังกัดเตรียมเรียกตัวสอบ

แฟนเพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ โพสต์วิดีโอ และข้อความระบุว่า “บอสโปลิศ…ชีวิตดี๊ดีที่ The icon เส้นทางความสำเร็จที่สำนักงานตำรวจให้ไม่ได้”

ในคลิปตำรวจคนดังกล่าวระบุว่า “วันนี้ไม่ต้องตกใจ แต่งเครื่องแบบมา ผม 100% ครับกับธุรกิจนี้ ผมพันตำรวจเอก… ผู้กำกับกลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธร… ที่ท่านรู้จักผู้กำกับ… คือคนนี้ครับ”

ผมจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจเหมือนพี่ ฮ. เมื่อเช้า เป็นรุ่นพี่ผม ผมจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่พี่ฮ. จบจปร. ผมรุ่น 45 ปี พ.ศ. 2535 ผมรับราชการที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี

ผมรับราชการเป็น ร.ต.ต. ตั้งแต่ปี 2535 เป็น ร.ต.ท. – ร.ต.อ. ไปจนถึงพันโท พันเอก 25 ปีจนปัจจุบันเป็นพนักงานสอบสวนที่พอจะกรุณาได้พูด คดีใหญ่ ๆ คดีสำคัญฆ่าหั่นศพ ข่มขืนแล้วฆ่า พวกนี้เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ค้นหาความจริงของผู้ที่ถูกกล่าวหา ผมคือพนักงานสอบสวนชุดนั้น และทำมาตลอด ฉะนั้น มันไม่มีปัญหาอะไรเลยในการที่จะตรวจสอบอะไรดีไม่ดี อะไรถูก

ผมเข้ามาในธุรกิจนี้ได้ยังไง รับราชการก็ดีอยู่แล้ว ขนาด พ.ต.อ. พูดถึงแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้ผมเป็นตำรวจ มีอาชีพ มีความเป็นอยู่ในสังคมได้อย่างมีเหตุมีผล แต่สิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ให้ผม แต่ก่อนอื่นขอบคุณที่ทำให้ผมมีวันนี้

แต่สิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาจากผมไปคือเวลา ผมเป็นตำรวจ 24 ชั่วโมงใน 1 วัน / 30 วันใน 1 เดือน / 12 เดือนใน 1 ปี เป็นตำรวจไม่มีวันหยุด นั่นคือสิ่งที่ผมถูกเอาไปจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่ท่านให้ผมอีกคือค่าตอบแทน เงินเดือนที่มั่นคงและแน่นอน ปีหนึ่งขึ้น 2 ครั้ง ครั้งละ 200-400 บาท แต่ก็ดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติดีครับ ท่านดูแลผมมา มีอะไรที่ดี ไปเที่ยวต่างประเทศเป็น 0 ป่วย ลา มาขาด ลายาก แต่ก็ดีครับ แต่ก็ดี

ผมเลยจำเป็นต้องหาสิ่งที่มาชดเชย และตอบแทนสิ่งที่ผมขาดหายไป ปลายปีที่แล้วผมดูทีวีช่อง 3 รายการตีสิบ ผมเจอหนุ่มหล่อกับคุณแม่ที่เป็นกรรมกร พิธีกร 2 ท่านก็ถามว่าทำอะไรมา เขาพยายามบอกว่าผมสอนฟรี ธุรกิจออนไลน์ 4 ปี 100 ล้าน ผมก็เอะมันทำอะไร ไม่บอกสักทีจนจบ

ล่าสุด พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดทำคดี ดิไอคอนกรุ๊ป ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวระบุ จากการตรวจสอบพบว่าตำรวจนายดังกล่าว เป็นรองผู้การอยู่ที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งวันนี้จะมีการเรียกตัวมาพบ เพื่อสอบสวนว่ามีความผิดหรือไม่ และจะผิดหรือไม่ผิดให้รอการสอบสวน ซึ่งขึ้นอยู่กับเจตนาและสถานที่ที่ไปพูด ว่าพูดเรื่องอะไรมีเจตนาอะไร พร้อมระบุว่า จริง ๆ ทุกอาชีพสามารถทำอาชีพเสริมได้ แต่ต้องไม่กระทบใคร

ขณะที่ยอดผู้เสียหายคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สรุปยอดถึง 23 ต.ค.67 พบ ผู้เสียหายรวมทั้งสิ้น 7,606 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,262 ล้านบาทเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยอดผู้เสียหาย หลอกลวงลงทุน ของ บริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม วันที่ 22 ตุลาคม 2567 มีผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 103 ราย มูลค่าความเสียหาย 40 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 10 – 23 ตุลาคม 2567 สรุปยอด ณ เวลา 15.00 น. มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 3,226 ราย มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่สอบปากคำแล้วรวม 1,087 ล้านบาทเศษ

ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปข้อมูลการรับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจภูธรจังหวัดและกองบังคับการตำรวจนครบาล ประจำวันที่ 22 ตุลาคม 2567 รวมผู้เสียหาย 639 ราย มูลค่าความเสียหาย 189 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 18 – 22 ตุลาคม 2567 มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 4,380 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,175 ล้านบาทเศษ

ปัจจุบัน ยอดรวมผู้เสียหายที่เข้าให้ปากคำกับศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิไอคอน กรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 7,606 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,262 ล้านบาทเศษ

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผย ยังไม่ออกหมายจับล็อต 2 อยู่ระหว่างพิจารณาหลักฐาน ส่วนแม่ข่ายอยู่ระหว่างวิเคราะห์คำให้การว่าเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงหรือพยายามเปลี่ยนค่าตัวเอง รวมถึงภรรยากันต์ พร้อมเร่งประสานชุดสืบสวน-ปปง. ติดตามยึดทรัพย์ก่อนถูกยักย้ายถ่ายเท

วานนี้ (23 ต.ค.67) บรรยากาศที่กองบังคับการปราบปราม ผู้เสียหายในคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” ยังคงเดินทางเข้ามาแจ้งความต่อเนื่องเบื้องต้นเข้ามาแล้วราว 30-40 คน โดยคาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จะยังคงมีผู้เสียหายเข้ามาเพิ่มเติมอีก  ขณะเดียวกันวันนี้พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมแฟ้มเอกสารของผู้เสียหายในคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่แจ้งความไปเมื่อวานนี้ ไปส่งที่ บก.ปคบ.

ด้านพลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดทำคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” บอกถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดี รวมถึงการเตรียมออกหมายจับผู้กระทำความผิดล็อต 2 ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐาน และยังตอบไม่ได้ว่าจะออกหมายจับเร็วๆ นี้หรือไม่ เพราะพยานหลักฐานยังต้องวิเคราะห์ให้แน่นหนา

ส่วนแนวโน้มจะเป็นกลุ่มไหนที่จะถูกออกหมายจับนั้น ต้องดูพยานหลักฐานว่าไปถึงใคร แต่ในขณะนี้ยังไม่ไปถึงกลุ่มดาราที่จะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม รวมถึงภรรยาของนายกันต์ กันตถาวร จะเข้าข่ายชักชวนด้วยหรือไม่นั้น พลตำรวจโทอัครเดช บอกว่า หากพยานหลักฐานไปถึงใคร ก็ดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น

ส่วนประเด็นกลุ่มแม่ข่ายจะโดนด้วยหรือไม่นั้น พลตำรวจโทอัครเดช บอกว่า ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์คำให้การของแม่ข่าย ซึ่งยังไม่ขอสรุปว่าจะโดนด้วยหรือไม่ อย่างไร เพราะต้องวิเคราะห์คำให้การว่าเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงหรือพยายามเปลี่ยนค่าตัวเอง ทั้งนี้กลุ่มนี้ที่จะการออกหมายจับในล็อตต่อไป ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาใกล้เคียงกันกับกลุ่มแรก

ส่วนข้อหาฟอกเงินที่เตรียมจะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ 18 ผู้ต้องหาในกลุ่มแรกนั้น ขณะนี้ยังต้องดูพยานหลักฐานที่รวบรวมอยู่ว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน  ส่วนจะมีหลักฐานชัดแค่ไหนนั้น ก็ถือว่าเป็นความผิดมูลฐานที่ต่อเนื่องกันอยู่แล้ว ในฐานฉ้อโกงประชาชนอยู่แล้ว

พลตำรวจโทอัครเดช บอกถึงกรณีการตรวจสอบทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา ด้วยว่า ก็ยังเดินหน้าตรวจสอบต่อเนื่อง และได้มีการประสาน ปปง. รวมถึงชุดสืบสวนไปตรวจว่ามีทรัพย์สินส่วนไหนที่จะต้องเข้าตรวจยึดก่อนที่จะมีการยักย้ายถ่ายเท โดยมูลค่าตอนนี้ที่ตรวจยึดมารวมหลายร้อยล้านบาทแล้ว ส่วนกรณีที่ทนายความของบอสพอลจะพาพนักงานดิไอคอนกรุ๊ป 10 คนที่ถูกนำตัวมาสอบปากคำหลังเข้าตรวจค้น 11 จุด ไปลงบันทึกประจำวัน เพราะมองว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ตนเองยังไม่ทราบ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/GpLeee4XG3g