สังคม
'ราชทัณฑ์' โร่แจงหลังสื่อเกาหลีปูด ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ไลฟ์ฉ่ำในคุกไทย ลั่น! แค่จ่ายเงินก็จบ
โดย nattachat_c
16 ต.ค. 2567
589 views
สื่อเกาหลีใต้ รายงานว่า ขณะนี้กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก หลังจากมีผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ ที่ถูกจับกุมตัวในประเทศไทย ไลฟ์ทั้งตอนที่อยู่บนรถคุมขัง และขณะที่อยู่ในเรือนจำ โดยระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ของไทย ได้จับกุมตัวชายเกาหลีคนหนึ่ง ซึ่งอายุประมาณ 40 ปี ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง พื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในข้อหาลักลอบนำยาเสพติดจากประเทศไทย ส่งไปเกาหลีใต้ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยซ่อนยาไอซ์ไว้ในกล่องกาแฟ และถุงถั่ว
ขณะที่ ทางการเกาหลี ยืนยันว่า ยาไอซ์ที่ถูกส่งมาจากไทย ถูกซุกไว้ในกล่องกาแฟและถุงถั่ว และได้มีการจับกุมตัวบุคคลที่คาดว่าเป็นผู้รับยาไอซ์ดังกล่าวไว้แล้ว โดยมีการออกหมายจับชายต้องสงสัย นามสมมุติว่า 'นายเอ' ที่เชื่อว่าเป็นผู้ส่งยาไอซ์ดังกล่าว แต่พบว่า 'นายเอ' ได้หลบหนีมายังประเทศไทย ซึ่งทางการเกาหลีได้ขอความร่วมมือจาก ป.ป.ส. ให้ตามตัว 'นายเอ' จนกระทั่งสามารถตามจับกุมได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ระหว่างการถูกจับกุมตัว 'นายเอ' ยังสามารถไลฟ์สดผ่านทางยูทูบได้อย่างสบาย ๆ ทั้งตอนที่อยู่บนรถที่ควบคุมตัว และตอนอยู่ภายในห้องขัง โดยไม่ได้สนใจเลยว่า ตัวเองกำลังถูกจับกุมตัวอยู่ ซึ่งมีรายงานว่า ตอนที่ 'นายเอ' หนีมาอยู่ที่ไทย ได้ทำช่องยูทูบ และเรียกตัวเองว่า 'เป็นผู้ที่รวยที่สุดในไทย'
โดยขณะที่ถูกตำรวจไทยจับกุมตัว 'นายเอ' ก็ยังไลฟ์บอกกับผู้ชมว่า ตนเองถูกตัดสินให้เข้าไปอยู่ในเรือนจำ และขอขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน และตนจะมีความกล้าหาญให้มากขึ้น
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิสรา ได้รายงานว่า ระหว่างถูกนำตัวไปเรือนจำ 'นายเอ' ยังได้ไลฟ์แสดงให้เห็นถึงวิวทะเลแสนงามด้านนอก และบอกว่า อยากจะหนีออกจากเรือนจำ เพราะทะเลที่สวยของพัทยา และยังบอกให้ผู้ชมกดติดตาม และกดไลก์ให้กับทางช่องด้วย และยังมีการไลฟ์ขณะอยู่ในเรือนจำของไทยอีกด้วย โดยมีการพูดคุยกับนักโทษคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องขังด้วยกัน
'นายเอ' ยังบอกด้วยว่า เรือนจําไทยไม่ได้มีอิสระ แต่เรือนจําต่างประเทศมีอิสระเล็กน้อย เราจ่ายเงินเพื่อมัน ผมไป ๆ มา ๆในคุก ด้วยโทรศัพท์ ผมให้เงินกับพวกคุณมากพอที่นี่ ไม่มีใครที่นี่ที่ไม่ได้รับเงินจากฉัน ดังนั้น ตำรวจจึงแย่งโทรศัพท์ของฉันไปไม่ได้
ทั้งนี้ นอกเหนือจากคดียาเสพติดแล้ว มีรายงานว่า 'นายเอ' มีประวัติอาชญากรรมอื่น ๆ อาทิ คดีนายหน้าการค้าประเวณี และดําเนินการเว็บไซต์ส่งเสริมการค้าประเวณี โดยในปี 2564 เขาถูกหมายจากตำรวจสากล ด้วยข้อหาว่า หาเงินหลายสิบล้านวอนจากฟิลิปปินส์ โดยการเปิดเว็บไซต์ส่งเสริมการค้ามนุษย์ จากนั้น 'นายเอ' จึงถูกส่งกลับเกาหลีใต้ และได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกคุมขัง
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดดังกล่าว ว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา สื่อในประเทศไทยหลายสำนักงานรายงานว่า
- ป.ป.ส.
- สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
- สำนักงานอัยการสูงสุดเกาหลี (SPO)
- สำนักข่าวกรองแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี (NIS)
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี
ได้ร่วมกันจับกุม 'นายเอ' สัญชาติเกาหลี อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับคดียาเสพติดของสาธารณรัฐเกาหลี เหตุเกิดที่ จ.ชลบุรี
ด้าน พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมเกี่ยวข้องกับคดีเมื่อเดือน ธ.ค. 2566 ทางการเกาหลีตรวจยึดพัสดุระหว่างประเทศที่ส่งมาจากประเทศไทย พบ ยาไอซ์ซุกซ่อนมาในถุงกาแฟ-ถุงถั่ว จึงขยายผลจับกุมผู้รับพัสดุดังกล่าว และสอบปากคำ ทราบว่า ผู้จัดส่งยาเสพติด คือ 'นายเอ' ทางการเกาหลีจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ และสืบทราบว่าบุคคลดังกล่าวได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย
ต่อมา วานนี้ (15 ต.ค. 67) กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ วัย 44 ปี อัดคลิปไลฟ์ภายในรถคุมขัง และถูกควบคุมตัวภายในสถานที่แห่งหนึ่ง โดยสำนักข่าว Maeil Business Newspaper (แมอิล) รายงานข่าวกรณีที่ผู้ต้องหารายดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้ลักลอบขนยาเสพติด ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สภ.หนองปรือ เข้าจับกุมตัวได้ที่โรงแรมในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 นั้น
โดยผู้ต้องหา มีพฤติการณ์จัดหายาเสพติด (ไอซ์) จากประเทศไทยส่งไปยังสาธารณรัฐเกาหลี มีความเกี่ยวข้องกับ คดีเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งทางการเกาหลีตรวจยึดพัสดุระหว่างประเทศที่ส่งมาประเทศไทย พบยาไอซ์ 38.46 กรัม ซุกซ่อนมาในถุงกาแฟ-ถุงถั่ว ทางการเกาหลีขยายผลจับกุมผู้รับพัสดุ และสอบปากคำทราบว่า ผู้จัดส่งยาเสพติด คือ ผู้ต้องหาคนดังกล่าว
ทางการเกาหลีจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ และสามารถสืบทราบว่า บุคคลดังกล่าวได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย และเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้พิจารณายกเลิกการตรวจลงตรา (วีซ่า)
จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า บุคคลดังกล่าวอยู่เกินกำหนดระยะเวลาอนุญาต (Overstay) กรมราชทัณฑ์จึงได้เร่งให้เรือนจำในพื้นที่ดังกล่าว ดำเนินการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งทางเรือนจำพิเศษพัทยา ได้รายงานว่า ไม่เคยรับตัวผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้รายนี้เข้าควบคุมภายในเรือนจำ และภาพห้องขังที่ปรากฏภายในคลิปนั้น มิใช่สถานที่ภายในเรือนจำ และจากการตรวจสอบในระบบข้อมูลผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ ไม่พบว่ามีชื่อบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ โทรศัพท์มือถือจัดเป็นสิ่งของต้องห้าม และหากพบว่ามีการนำโทรศัพท์เข้าภายในเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้ต้องขังก็ตาม ถือเป็นความผิด และต้องถูกดำเนินการทางวินัยตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ต่อไป
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/NTFAo88XFww