สังคม

สุดอาลัย พิธีพระราชทานเพลิงศพ 23 ชีวิต ‘รถบัสมรณะ’ คนนับหมื่นร่วมส่งวิญญาณ ญาติร้องไห้ระงม

โดย petchpawee_k

9 ต.ค. 2567

159 views

พิธีพระพุทธมนต์พระราชทานเพลิงศพ ครู-นักเรียน 23 ราย จากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ประชาชนหลั่งไหลร่วมพิธี ‘ภูมิธรรม-เศรษฐา‘ ร่วมพิธี ด้านเศรษฐา คุกเข่าก้มกราบศพมอบเงินส่วนตัวให้ครอบครัวผู้ตายครอบครัวละ 1 หมื่น

วานนี้ (8 ต.ค.) ที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี มีพิธีพระราชทานในการออกเมรุ และพิธีพระราชทานเพลิงศพ กรณีพิเศษ 23 ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยมีประชาชน หน่วยงานต่างๆ หลั่งไหลมาร่วมพิธีจำนวนมาก

โดยด้านหน้าเตาเผาศพบริเวณสนามกีฬา มีเต็นท์โดมขนาดใหญ่ 4 เต็นท์ ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม เจ้าหน้าที่ได้จัดระเบียบให้ประชาชนที่เข้ามาร่วมพิธี นั่งให้เต็มทีละเต็นท์ ซึ่ง 2 เต็นท์ด้านหลังสุดเต็มตั้งแต่ 09.00 น. ส่วนเต็นท์ด้านหน้าสุดเป็นของส่วนราชการและญาติผู้เสียชีวิต

ขณะที่ทีมแพทย์ทั้งทางกายและจิตใจกว่า 200 คน เข้าพื้นที่ดูแลครอบครัว ประชาชนที่มาร่วมพิธี จะมีการแบ่งหน้าที่เฝ้าระวังโดยเฉพาะโซน A หรือจุดที่มีผู้ปกครองและญาติของผู้เสียชีวิตอยู่ จะมีทีมแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งทางกายและจิตใจ หากเกิดสถานการณ์ได้มีแผนในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปรักษาโดยมูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี

ส่วนการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร สำหรับประชาชนที่เดินทางมาร่วมพิธี ได้จัดกำลังตำรวจไว้ 300 นาย คอยอำนวยความสะดวกประชาชน ตลอดเส้นทางเข้า-ออก งานพระราชทานเพลิงศพ สำหรับถนนเส้นทางเข้าออกหลังของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ซึ่งเป็นพื้นที่ประกอบพิธี ได้เปลี่ยนการจราจรเป็นวันเวย์ เพื่อบรรเทาการจราจรหนาแน่น ให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมพิธี และนำรถยนต์ส่วนตัวมา จอดในจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ ทั้ง 8 จุด

ในเวลา 08.30 น. ก่อนเริ่มพิธีสงฆ์ทีมงานสัปเหร่อไฮโซ จัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ ตั้งโต๊ะด้านหลังเตาเผาศพทั้ง 9 เตา โดยมีการจัดเตรียม มะพร้าว จำนวน 23 ลูก ส่วนเครื่องเซ่นไหว้ จำนวน 7 ชุด อาทิ ข้าว ไข่ต้ม ขนมหวาน ผลไม้ น้ำ น้ำส้ม และเครื่องบายศรี เพื่อประกอบพิธีที่ซื้อที่ดินจากเจ้าที่เจ้าทาง ก่อนจะเริ่มเผาร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งนายเนรมิตร ศรีเมือง หรือ สัปเหร่อไฮโซ ได้ทำพิธีโดยมีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี มาเป็นประธานในพิธีบอกกล่าว และบอกพระแม่ธรณีเจ้าที่เจ้าทางและดวงวิญญาณเปิดทางให้การทำงานราบรื่น

จากนั้น 09.30 น. ภายในอาคารอเนกประสงค์ มีการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล โดยพระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ ถวายเครื่องไทยธรรม จุดเทียนส่องธรรม พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์

ขณะที่ภายในอาคารอเนกประสงค์ มีครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย นั่งร่วมพิธีพระสงฆ์ท่ามกลางความโศกเศร้า ส่วนเต็นท์โดมด้านหน้าอาคารอเนกประสงค์มีหน่วยงานราชการต่าง ๆ และมีเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆารามและญาติของผู้เสียชีวิตที่บวชสามเณรหน้าไฟ 36 รูป นั่งร่วมพิธีอยู่ภายในเต็นท์ดังกล่าวด้วย

เวลา 10.00 น.นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีสงฆ์ โดยมี พล.ต.อ.พิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ,นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) ,นายชาดา ไทยเศรษฐ์  สส.อุทัยธานี ให้การต้อนรับ จากนั้นนายเศรษฐา ได้เดินเข้าไปภายในอาคารอเนกประสงค์ พระสงฆ์สวดมาติกาและพิธีทอดผ้าบังสุกุล จำนวน 10 ไตร โดยมีนายเศรษฐา เป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุล

จากนั้นนายเศรษฐา ได้นั่งคุกเข่ากับพื้นและก้มกราบศพทั้ง 23 ราย พร้อมทั้งมอบเงินส่วนตัวให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตครอบครัวละ 10,000 บาท โดยเดินมอบให้กับมือตัวเอง นอกจากนี้มีการมอบทุนสงเคราห์จากผู้มีจิตศรัทธาเพื่อเป็นขวัญกำลังใจช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย และครอบครัวผู้บาดเจ็บ 3 ครอบครัวๆ 10,000 บาท และมอบให้โรงเรียนฯ จำนวน 36,000 บาท

จากน้้นเป็นการทอดผ้าไตรพระราชทานในการออกเมรุ ขณะที่เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ได้ทอดผ้าไตรสมเด็จพระสังฆราช 23 ไตร แก่ผู้วายชนม์ ก่อนที่เจ้าหน้าจะเชิญพวงมาลาพระพระราชทานไปวางหน้าเตาเผาศพ บริเวณสนามสนามกีฬา

และเมื่อเวลา 11.00 น.ภายหลังเสร็จพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีสวดบังสุกุลเสร็จสิ้น นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินมาที่ลานพิธีพระราชทานเพลิงศพ โดยมีนายชาดา ไทยเศรษฐ สส.อุทัยธานี นายเจเศรษฐ ไทยเศรษฐ สส.อุทัยธานี และนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย คอยให้ข้อมูลสถานที่โดยเฉพาะบริเวณเตาเผาศพไฟฟ้าทั้ง 7 เตา นอกจากนั้น เมื่อนายเศรษฐา เดินมาถึงจุดวางดอกไม้จันทน์ ซึ่งมีรูปของผู้วายชนม์ นายเศรษฐา ได้โค้งคำนับเพื่อทำความเคารพผู้เสียชีวิต

เวลา 11.30 น. ที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี มีการประกอบพิธีพระราชทานในการออกเมรุและพิธีพระราชทานเพลิงศพ ครูและนักเรียน 23 ราย จากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษา ภายในอาคารอเนกประสงค์ โดยเจ้าหน้าที่ได้อัญเชิญไฟหลวงพระราชทานและหีบเพลิงพระราชทาน มาตั้งที่หน้าโลงศพ

เวลา 12.20 น. ตัวแทนอ่านหมายสาสน์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเงินที่หอประชุมอเนกประสงค์โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม  และพนะราชทานกำลังใจแก่ญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากอุบัติเหตุครั้งนี้ให้ผ่านความโศกเศร้า หม่นหมอง โดยพระราชทานเงินสดแก่ผู้เสียชีวิต 23 ราย โดย

จากนั้นจะมีพระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์  เมื่อเสร็จสิ้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานภัตตาหารแด่พระสงฆ์ 10 รูป  และทรงพระราชทานผ้าไตรจำนวน 5 ผืน  ประประสงค์ถวายบังสกุล  จากนั้นตัวแทนจะนำเพลิงพระราชทานที่ใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษมาที่งานเพื่อเริ่มพิธี จากนั้นได้อ่านหมายรับสั่ง ขณะที่ตัวแทนครอบครัวผู้เสียชีวิตอ่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

จากนั้น พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ประธานพระราชทานเพลิงศพเดินทางมาถึงยังศาลาอเนกประสงค์ ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ยืนนิ่งเป็นเวลา 1 นาที ในการนี้ พลเอก สุรยุทธ์ ได้เป็นประธานในการวางดอกไม้จันทน์พระราชทานเพลิงศพ ก่อนจะมีการประกอบพิธีพระราชทานในการออกเมรุและพิธีพระราชทานเพลิงศพตามลำดับ

ทั้งนี้ พลเอก สุรยุทธ์ ได้วางดอกไม้จันทน์หน้าโลงศพด้วย ก่อนที่นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ,นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) ร่วมวางดอกไม้จันทน์หน้าโลงศพด้วย จากนั้นครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินออกมาวางดอกไม้จันทน์บริเวณหน้าโลงศพ เสร็จสิ้นพิธีโดยนายภูมิธรรม ได้เดินให้กำลังใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย

12.32 น. เจ้าหน้าที่เริ่มให้วางดอกไม้จันทน์ บริเวณหน้าลานพิธีพระราชทานเพลิงศพ โดยให้พระภิกษุสงฆ์เป็นผู้วางดอกไม้จันทน์ก่อน ตามด้วยข้าราชการ หลังจากนั้นจะให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมพิธี ได้วางดอกไม้จันทน์ในลำดับถัดไป

13.40 น.ได้มีการเคลื่อนร่างนักเรียนที่เสียชีวิตชุดแรก 7 ร่าง โดยเจ้าหน้าที่ได้นำราชรถพญานาคที่ตกแต่งประดับด้วยดอกเบศจมาศสีขาว เข้ามาจอดเทียบบริเวณหน้าโลงศพ เจ้าหน้าที่ได้ทยอยยกโลงศพออกจากโลงเย็นขึ้นราชรถเคลื่อนไปยังเตาเผาศพบริเวณสนามสนามกีฬา โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนเข็นราชรถคันละ 4  คน และคอยประคองโลงศพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศพแรกทันทีที่เคลื่อนออกจากอาคารอเนกประสงค์ ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักมาก ไม่มีเค้าลางว่าจะเกิดฝนตก แดดจัดร้อนเปรี้ยง พอฝนทำท่าจะหยุด ขบวนราชรถเคลื่อนต่อฝนตกหนักอีกรอบ พิธีกรในพิธีพระราชทานเพลิงบอกเทพยดาร่ำไห้ ส่วนคนในงานบอก เด็กเขาดีใจเขารู้ว่าเขาจะได้ไปเกิด

จากนั้นจึงได้นำราชรถขบวนแรกทั้ง 7 ร่าง จอดรอบริเวณเต็นท์ด้านหน้าอาคาร /โดยระหว่างที่มีการเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิตแต่ละร่างไปยังเตาเผา มีพระสงฆ์ 1 รูป และสามเณรที่บวชหน้าไฟเดินนำ ตามด้วยครอบครัวของผู้เสียชีวิตเดินถือตะเกียงไฟและกระถางธูป บางครอบครัวร้องไห้อย่างหนัก โดยสองข้างทางมีประชาชนยืนร่วมไว้อาลัย แม้ฝนจะตกลงมาอย่างหนักบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

14.00 น.หลังจากที่ราชรถมาจอดเทียบอยู่บริเวณหน้าเตาเผาศพแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ยกโลงศพของผู้เสียชีวิตแต่ละร่างเข้าเตาเผา ประธานในพิธีได้จุดไฟพระราชทานที่เตาเผาศพทั้ง 7 เตา โดยมีครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตร่วมส่งวิญญาณบุตรหลานตัวเองด้วย บางครอบครัวร้องไห้ด้วยความเสียใจเป็นลม เจ้าหน้าที่กรมสุขภาพจิตชุดเยียวยาจิตใจ ช่วยประคองและดูแลนำแอมโมเนียมาให้ดม

ระหว่างที่มีการเผาร่างมีการบรรเลงด้วยวงปี่พาทย์มอญเพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้วายชนม์ และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มาร่วมงานได้วางดอกไม้จันทน์บริเวณกระบะที่จัดเตรียมไว้ ด้านหน้าเตาเผาศพทั้ง 7 เตา โดยมีเจ้าหน้าที่จัดระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บางคนยืนถ่ายรูปกับภาพผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย ที่ติดอยู่บริเวณกระบะวางดอกไม้จันทน์ โดยชุดแรกเสร็จเวลา 16.20 น.ใช้เวลาเผารวมพิธีการ 2 ชั่วโมง 40 นาที

16.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เชิญไฟพระราชทานและดอกไม้จันทน์พระราชทาน เข้ามามายังบริเวณพื้นที่ฌาปนกิจ จากนั้นได้เคลื่อนร่างนักเรียนที่เสียชีวิตชุดที่สอง 7 ร่าง มายังเตาเผา โดยพิธีทำลักษณะเดียวกันกับชุดที่หนึ่ง มีการบรรเลงไว้อาลัยแก่ผู้วายชนม์โดยวงดุริยางค์ และวงปี่พาทย์มอญ


โดยส่วนใหญ่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจะนำเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว อาทิ ของเล่น เตรียมมาสำหรับเผาไปพร้อมกับร่างของผู้เสียชีวิตเลย ซึ่งในขณะที่ให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตใช้เวลาส่วนตัว ในการบอกลาบุคคลอันเป็นที่รักเป็นครั้งสุดท้าย บางคนได้ล้มลงกับพื้น ญาติต้องประคองออกมา บางคนไม่สามารถลุกไปไหนได้ ทำได้เพียงร้องไห้ระงม

ส่วนญาติบางคนหลังเดินไปดูที่เตาเผา พอเดินออกมาก็เป็นลม โดยมีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ พร้อมด้วยนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) คอยดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตไม่ห่าง จนเจ้าหน้าที่ต้องพยุงตัวขึ้นเปลนอนและวีลแชร์เข็นออกไปจากพื้นที่ฌาปนกิจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ครอบครัวของผู้เสียชีวิตร้องไห้ที่จะต้องส่งคนที่รักเป็นครั้งสุดท้าย โดยชุดที่สองเผาเสร็จ 19.30 น. ใช้เวลาเผารวมพิธี 3 ชั่วโมง

จากนั้น 19.30 น.เคลื่อนร่างนักเรียนที่เสียชีวิตชุดที่สาม 6 ร่าง ออกจากอาคารอเนกประสงค์ไปยังเตาเผาศพ โดยทางครอบครัวต่างร่ำลานักเรียนที่เสียชีวิตหน้าเตาครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเตาเผาศพจะเร่งไฟในเตาเพื่อส่งร่างสู่สวรรค์ จนกระทั่งช่วง 21.00 น. เผาร่างนักเรียนรวม 6 ร่างเสร็จแล้วเก็บเถ้ากระดูกและอัฐิ

จากน้้นเวลา 21.25 น. เป็นการเคลื่อนร่างชุดที่สี่ 3 ร่าง (ชุดสุดท้าย) ครูทั้ง 3 ท่านคือครูกนกวรรณ ศรีผง หรือครูสาวน้อย  ครูพิมพ์ทอง สมบัติ  น.ส.สริญญา หอมเกษร (ครูฝึกสอน) ไปยังเตาเผาจนครบทุกศพ ซึ่งครูทั้งสามท่านเป็นครูที่เสียสละอย่างแท้จริง โดยมีวงโยธวาทิต โรงเรียนหนองฉางวิทยา บรรเลงไว้อาลัยและสดุดีคุณครู โดยประชาชนที่มาร่วมงานยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัย

ขณะที่แม่ของครูกนกวรรณ ซึ่งเดินนำขบวนราชรถยังอยู่ในอาการโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รัก ซึ่งก่อนที่ราชรถจะเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ฌาปนกิจ แม่ของครูกนกวรรณ ได้เป็นลม 1 รอบ แต่แข็งใจเพื่อจะเดินนำหน้าโลงศพของลูกสาวไปยังเตาเผา เป็นการส่งลูกสาวครั้งสุดท้ายไปสู่ภพภูมิที่ดี

ทั้งนี้ ญาติยังได้ถือรูปของครูกนกวรรณ 3 รูป และชุดข้าราชการสีขาววางบนพาน นำหน้าขบวนราชรถ

หลังจากที่ราชรถเคลื่อนมาถึงหน้าเตาเผา เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ได้ยกโลงศพครูทั้ง 3 ท่านเข้าเตาเผา โดยมีครอบครัวของครูทั้ง 3 ท่าน ยืนส่งดวงวิญญาณด้านหน้าเตาเผา ซึ่งแม่ของครูกนกวรรณ จะเป็นลมอีกรอบ ญาติต้องช่วยกันประคองไปนั่ง

สำหรับพิธีพระราชทานเพลิงศพครูทั้ง 3 ท่าน มีนายชาดา ไทยเศรษฐ์  สส.อุทัยธานี ,นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี, และนายเกรียงศักดิ์ มิตรประกอบโชค นายอำเภอลานสัก เป็นประธานจุดไฟพระราชทานฌาปนกิจร่างครูทั้ง 3 ท่าน

เวลา 22.00 น. ภายหลังประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ครู-นักเรียน 23 ราย จากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ เสร็จสิ้นแล้ว ญาติของผู้เสียชีวิตทั้งหมดได้มายืนรออยู่ด้านหน้าเตาเผาศพ โดยครอบครัวผู้เสียชีวิตแต่ละรายได้ถือกรอบรูปที่ตั้งหน้าโลงศพ รวมทั้งถือไฟตะเกียงและกระถางธูป

จากนั้นเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลด้านพิธีฌาปนกิจ ได้นำอัฐิของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย ห่อด้วยผ้าขาว ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ขอให้ใช้ผ้าขาวที่ใช้สำหรับการตัดเย็บชุดนักเรียนมาใช้ในการเก็บอัฐิ พร้อมเถ้ากระดูก มอบให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เป็นภาพบรรยากาศที่สุดเศร้าที่ครอบครัวได้กอดบุตรหลานตัวเองเพียงเท่ากระดูก ครอบครัวและญาติบางคนร้องไห้ สีหน้าเศร้า

โดยหลังจากที่ทุกครอบครัวได้รับมอบอัฐิและเถ้ากระดูกแล้ว ได้เดินขบวนไปที่อาคารอเนกประสงค์ ของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ที่ใช้เป็นสถานที่สวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลศพก่อนหน้านั้น จากนั้นครอบครัวนำอัฐิ ที่หอด้วยผ้าขาววางอยู่บนพาน นำไปวางไว้บนโต๊ะที่จัดเตรียมไว้พร้อมลุ้งอังคารเถ้ากระดูก รวมถึงไฟตะเกียงและกระถางธูป และนำรูปที่ตั้งหน้าหีบศพของผู้เสียชีวิต ตั้งไว้ที่อัฐิของแต่ละราย

จากน้้นสัปเหร่อไฮโซ ได้ทำพิธีแปรธาตุ ซึ่งเป็นพิธีกรรมความเชื่อทางศาสนาหลังความตายหลังจากที่ได้เสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจศพแล้ว โดยสัปเหร่อจะนำเอาอัฐิของผู้เสียชีวิตที่เผาแล้วมาวางเป็นรูปร่างคนโดยวางโครงร่างให้หันหัวไปทางทิศตะวันตก แล้วนิมนต์พระสงฆ์ ให้พิจารณา "บังสุกุลตาย" ก่อน แล้วแปรธาตุโครงร่างกระดูกให้ หันหัวไปทางทิศตะวันออก แล้วนิมนต์พระสงฆ์ให้พิจารณา "บังสุกุลเป็น" อีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแปรธาตุแล้วทางทีมที่จัดงานได้มอบโกฐที่บรรจุอัฐิและลุ้งอังคารที่บรรจุเถ้ากระดูกให้กับญาติผู้เสียชีวิตแต่ละครอบครัวเพื่อที่จะไปทำพิธีลอยอังคารและประกอบพิธีทางศาสนาส่วนตัว ซึ่งวันนี้ (9 ต.ค.) เป็นเรื่องของญาติผู้เสียชีวิตว่าจะแยกกันไปทำบุญหรือจะรวมกันไปทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศล


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lbqS0-r1Pps


คุณอาจสนใจ

Related News