สังคม

น้ำจากเชียงใหม่ เริ่มทะลักสู่ลำพูน - ด้าน อ.สารภี ยังวิกฤต เร่งค้นหาป้าเรือล่ม ยังไม่พบตัว

โดย nattachat_c

8 ต.ค. 2567

35 views

จากวิกฤติน้ำท่วมภาคเหนือ ซึ่ง 'เชียงราย-เชียงใหม่' เป็น 2 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วมหนัก น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม มีผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงบ้านเรือนข้าวของได้รับความเสียหาย ถึงขนาดที่บ้านถล่ม รถลอยตามแรงน้ำ


ทั้งนี้ ข้อมูลจาก ศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคเหนือตอนบน วันที่ 8 ต.ค. 67 เวลา 6.00 น. ระดับแม่น้ำปิง จุดวัดเชิงสะพานนวรัฐ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีความสูง 3.29 เมตร (ระดับวิกฤติคือ 3.70 ม.) (วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567 ระดับสูงสุดที่ 5.30 ม.)


แต่อย่างไรก็ตาม น้ำที่ได้ท่วมออกมาแล้ว จะเข้าสู่พื้นที่ท้ายน้ำ ได้แก่ อ.สารภี อ.หางดง อ.สันป่าตอง และ จ.ลำพูน 


ที่จังหวัดลำพูน

วันนี้ (8 ต.ค. 67) เวลา 5.00 น. ระดับแม่น้ำปิงอยู่ที่ 4.90 เมตร (ระดับวิกฤติคือ 3.70 ม.) 


มวลน้ำที่เข้าท่วมอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ได้ไหลเข้าสู่ เขตตำบลอุโมงค์และตำบลหนองช้างคืน โดยกลางดึกที่ผ่านมาพบว่าระดับน้ำได้เพิ่มขึ้นทุกชั่วโมง โดยปริมาณน้ำได้เพิ่มระดับ 1 ซม.ต่อชั่วโมง


ขณะเดียวกันมวลน้ำปิงจาก อ.เมืองเชียงใหม่ ได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือราษฎรในพื้นที่ตำบลประตูป่า และพื้นที่ตำบลริมปิง อ.เมือง จ.ลำพูน และเขตอำเภอป่าซาง อย่างต่อเนื่อง ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายขยายวงกว้างมากกว่า 1,000 หลังคาเรือน บางจุดน้ำท่วมสูงถึง 2 เมตร นอกจากนั้น พื้นที่สวนลำไย ก็เสียหายมากกว่า 500 ไร่ แล้วขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ


วานนี้ (7 ต.ค.67) มวลน้ำที่ไหลมาจาก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เริ่มระบายเข้าสู่พื้นที่รับน้ำที่ จ.ลำพูน เตรียมการณ์ไว้แล้ว โดย  2 พื้นที่แรกที่ได้รับผลกระทบ คือ ต.หนองช้างคืน และ ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน


ช่วงเที่ยงวานนี้ ประชาชนชาว จ.ลำพูน ตื่นตัวติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหมู่บ้านเสี่ยงภัยต่างๆ ตามที่จังหวัดได้ประกาศเตือนภัย ว่าจะได้รับผลกระทบจากมวลน้ำก้อนใหญ่ที่หลากลงมา ทำให้ถนนเส้นหลักที่เชื่อมต่อระหว่าง ต.หนองช้างคืน และต.อุโมงค์  เต็มไปด้วยรถยนต์ จักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างเช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เนื่องจากชาวบ้านขนย้ายทรัพย์สินข้าวของมาไว้บนถนนที่มีความสูง เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม


ขณะที่บ้านเรือนประชาชน ในเขตเทศบาลตำบลหนองช้างคืน ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้วประมาณ 100 หลังคาเรือน รวมทั้งโรงงาน ร้านค้า บางจุดน้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตรแล้ว ส่วนถนนทางเข้าหมู่บ้านก็ถูกน้ำท่วม บางจุดน้ำสูง 40 เซนติเมตร และคาดว่าจะสูงขึ้นอีก


ทางเจ้าหน้าที่เร่งขนกระสอบทรายมาวางเป็นแนวป้องกันน้ำท่วม โดยเฉพาะสถานที่ราชการ ศูนย์เด็กเล็ก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล เป็นต้น


ส่วน ถนนสายลำพูน - เชียงใหม่ สายเก่า  ที่จะมุ่งหน้าเข้าไปยัง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ก็เริ่มมีมวลน้ำล้นทะลักขึ้นท่วมถนนในบางจุดเช่นกัน  แต่ยังสามารถสัญจรได้  เนื่องจากน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร แต่คาดว่าหลังจากนี้ ระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก  หน่วยงานทุกฝ่ายของ จ.ลำพูน เตรียมพร้อมรับมือแล้ว


เวลา 15:00 น. ที่บริเวณถนนเลียบรางรถไฟ บ้านอุโมงค์ ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ภาพมุมสูงจะเห็นได้ว่าแม่น้ำปิงที่ไหลเอ่อล้นเข้าท่วมหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง โดยมีไม่ต่ำกว่า 30 หลังคาเรือน เป็นหมู่บ้านหรู อยู่ใกล้กับถนนเลียบทางรถไฟ ในเขตพื้นที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน จะเห็นได้ว่าน้ำเอ่อล้นไหลทะลักท่วมทั้งหมู่บ้าน


โดยมีเจ้าหน้าที่นำเข้ากล่อง และน้ำ มาแจกให้ชาวบ้านในหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง โดยชาวบ้านก็ต้องเดินลุยน้ำมารับน้ำดื่ม และอาหารกันอย่างต่อเนื่องจากหลังน้ำปิงเอ่อล้นเข้าท่วมหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ และชุมชนโดยรอบ ก็ยังมีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงแห่งนี้ถูกน้ำท่วม คาดว่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 30 หลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้ แม่น้ำปิงยังคงเหลือล้น และขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง


วานนี้ (7 ต.ค. 67) เวลา 18:00 น. น. ชาวบ้านในตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน ต้องเร่งนำกระสอบทรายไปวางเป็นแนวกันน้ำ ป้องกันไม่ให้น้ำที่ท่วมทุ่งนา ไหลเข้าท่วมหมู่บ้าน เนื่องจากแม่น้ำปิงเริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมทุ่งนากลางหมู่บ้าน และเริ่มไหลข้ามถนน ชาวบ้านต้องตั้งกระสอบทรายเป็นแนวป้องกันยาวกว่า 2 กิโลเมตร ตั้งแต่ถนนทางเข้าหมู่บ้านกอม่วง ไปถึงบ้านหัวฝาย ต.หนองช้างคืน เนื่องจากพื้นที่ ตำบลอุโมงค์ และตำบลหนองช้างคืน จะเป็น 2 ตำบลแรกที่รับน้ำจาก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ น้ำที่ท่วมถนนเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร มีน้ำบางส่วนที่ไหลข้ามฝั่งมาท่วมสวนลำไยของชาวบ้านแล้ว บางจุดน้ำสูงเกือบ 2 เมตร


โดยจุดรับน้ำแห่งแรก คือที่บ้านอุโมงค์ ตำบลอุโมงค์ ตอนนี้ ถูกน้ำท่วมเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 หลังคาเรือน น้ำสูงประมาณ 1.5 เมตร  นายปรีชา ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านอุโมงค์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมรอบนี้ คาดว่าหนักสุดในรอบ 50 ปี เพราะน้ำปิงไหลลงสู่ลำเหมืองเก้าศอก  แล้วเอ่อล้นเข้าท่วมหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องไปรวมตัวกันที่หน้าวัดอุโมงค์ เพื่อเร่งกรอกกระสอบทราย แล้วขนไปวางป้องกันบ้านตัวเอง เพราะระดับน้ำในลำห้วยลำคลองสาขาในพื้นที่ เริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ


เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวไปสำรวจสถานการณ์น้ำ ที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำกวง ใกล้วัดศรีบุญยืน เทศบาลตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน จากภาพมุมสูงจะเห็นว่า น้ำจากแม่น้ำกวงที่ไหลบ่าลงมาจากตำบลเหมืองง่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มีสีแดงขุ่น และไหลเชี่ยว เมื่อมาบรรจบกับน้ำจากคลองส่งน้ำกวง ที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ จะพบว่าน้ำเป็นคนละสีกันอย่างชัดเจน เนื่องจากแม่น้ำกวงรับน้ำมาจากแม่น้ำปิง หลังจากแม่น้ำปิงล้นทะลักเข้าท่วมเมืองเชียงใหม่ มวลน้ำก้อนใหญ่ก็กำลังระบายลงมาสู่แม่น้ำกวง ที่ จ.ลำพูน


ที่ จ.เชียงใหม่

วานนี้ (7 ต.ค. 67) ระดับน้ำ ใน อ.สารภี หลายจุดน้ำเริ่มลดระดับลงแล้ว บางจุดน้ำลดระดับลง เห็นได้ชัดจากถนนเลียบทางรถไฟ อ.สารภี น้ำลดจนเห็นรางรถไฟแล้ว บางจุดน้ำลดจนรถสามารถสัญจรผ่านได้ แต่ฝั่งที่น้ำยังคงท่วมอยู่ระดับเอว คือ ทางเลียบทางรถไฟฝั่งเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ บางจุดกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวด้วย


ทั้งนี้ แม้บางจุดน้ำจะลดระดับลงแล้ว แต่ยังคงพบว่ามีประชาชนบางส่วนต้องการออกมายังจุดปลอดภัย เช่น บ้านดงสวรรค์ ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี  ซึ่งมีทั้งชุมชน โรงเรียน และสถานที่ราชการ น้ำลดลงเหลืออยู่ประมาณเกือบ 1 เมตร  การสัญจรยังต้องใช้เรือและรถยกสูงเท่านั้น โดยหมู่บ้านนี้  ชุดปฏิบัติการกู้ชีพ 191 จ.หนองคาย ได้ทำทีมกู้ภัยเข้าไปช่วยอพยพเด็ก และผู้สูงอายุ ออกมาจุดปลอดภัย เพราะในบ้านไม่มีไฟฟ้า และน้ำประปา


ขณะเดียวกันทีมข่าว ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำ ในพื้นที่ที่บ้านสันกับตองเหนือและบ้านสันกับตองใต้ ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พร้อมกับมูลนิธิเพชรเกษม หลังจากมีรายงานว่ามีผู้ป่วย และผู้สูงอายุต้องการออกจากพื้นที่ เมื่อเข้าไปถึงภายในหมู่บ้าน พบว่า ระดับน้ำยังคงสูงระดับเข่า ส่วนจุดที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมสูงเกือบเมตร แต่ชาวบ้านเกือบ ๆ 300 หลังคาเรือน ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ เพราะน้ำเริ่มลดระดับลงบ้าง


เจ้าหน้าที่ไปที่บ้านของคุณยายวัย 79 ปี ซึ่งอาศัยอยู่กับลูกสาวที่เป็นผู้พิการทางการได้ยิน ในบ้านไม้ชั้นเดียว น้ำท่วมเกือบถึงเตียงนอนแล้ว ตามข้อมูลครั้งแรกทั้งสองคนประสงค์ออกไปยังจุดปลอดภัย แต่เมื่อทีมกู้ภัยไปถึง พบว่า คุณยายไม่ประสงค์ออกมาแล้ว  เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามเกลี้ยกล่อมให้อพยพออกไปยังที่ปลอดภัย แต่คุณยายยืนยันจะอาศัยอยู่ในบ้าน กู้ภัยจึงใช้วิธีให้เพื่อนบ้านช่วยดูแล หากเกิดเหตุฉุกเฉินขอให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่


ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ อ.สารภี เมื่อวันเกิดเหตุเรือกู้ภัยล่ม หลังจากฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวไปช่วยอพยพคน บริเวณบ้านกานกนกทาวน์ 1 ทางเลียบรถไฟเชียงเเสน ต.หนองผึ้ง อ.สารภี โดยขณะเกิดเหตุ ผู้โดยสารมากับเรือทั้งหมด 9 คน เป็นชาวบ้าน 6 คน และทีมกู้ภัย 3 คน ทั้งหมดไม่สวมเสื้อชูชีพ  พอเรือล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ คุณยายนุพิน ถายศ อายุ 71 ปี  ซึ่งข้อมูลตอนแรกมีการระบุว่าสามารถช่วยผู้สูญหายได้ครบแล้ว


แต่ล่าสุดเมื่อวานนี้ (7 ตค.67) ปรากฏว่ายังมีผู้สูญหายอีกหนึ่งราย คือ คุณป้าอำพร ปทุมวัน อายุ 57 ปี   ซึ่งนั่งมาในเรือลำดังกล่าวขณะอพยพด้วย ตอนเกิดเหตุสวมเสื้อสีแดงคอกลม กางเกงขาสั้นสีดำ

ครอบครัวของคุณป้าอำพรได้ติดต่อมายังทีมตอบโต้ภัยพิบัติ  “มูลนิธิเพชรเกษม” ในช่วงสาย เมื่อได้รับการติดต่อ กู้ภัยได้เริ่มค้นหาผู้สูญหายทันที โดยเริ่มจากด้านหลังวัดเชียงแสน ซึ่งทีมเพชรเกษมได้ค้นหาจนถึงช่วงบ่ายโมง ก็ยังไม่พบผู้สูญหาย พบเพียงแต่กระต่าย สัตว์เลี้ยงของหลานสาวเท่านั้น


ต่อมาในช่วงเย็น ทีมข่าวย้อนกลับมาติดตามภารกิจการค้นหาผู้สูญหาย โดยกู้ภัยสว่างฯ ซึ่งได้เริ่มค้นหาเป็นหน้ากระดานจากบริเวณที่เรือคว่ำ ยาวเรื่อยมาเลียบทางรถไฟ บางจุดน้ำยังเชี่ยว ต้องใช้เจ็ตสกีเข้าไปค้นหา บางจุดกู้ภัยลองค้นหาโซนที่มีต้นบอนเยอะ ๆ แต่ก็ยังไม่พบผู้สูญหาย


ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณลุงบุญส่ง สามีของป้าอำพร ที่มาติดตามการค้นหาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งมืด คุณลุง เล่าว่า วันเกิดเหตุลุงไม่ได้ออกมาด้วย ป้าอำพรออกมากับหลาน ๆ และคุณยายนุพิน คนที่เสียชีวิต และตอนเรือล่ม ที่กู้ภัยบอกว่าช่วยเหลือได้หมดแล้ว แต่จริง ๆ ไม่ใช่ เพราะความจริงมีเรือล่ม 2 ลำ แต่คนละจุดกัน ตนได้ยินข่าวว่ากู้ภัยได้นำทุกคนส่งโรงพยาบาลหมดแล้ว ตลอดคืนวันเกิดเหตุ ตนจึงโทรเช็กทั่วทุกโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ว่า ภรรยาของตนเข้ารักษาตัวหรือไม่ แต่ก็ไม่มี กระทั่งเลิกโทร และเลิกตามหาตอนตี 2  ปรึกษากันในครอบครัวว่า เช้ามาค่อยไปขอความช่วยเหลือจากกู้ภัย


กระทั่งช่วงค่ำ กู้ภัยยังค้นหาคุณป้าอำพรยังไม่เจอ คุณลุงที่นั่งอยู่บนเรือก็ลุกขึ้นเดินลุยน้ำช่วยหาด้วย คุณลุงบอกว่า เรียกหาภรรยามาตั้งแต่เช้าแล้ว ก็ยังไม่เจอ


จนกระทั่ง 21.00 น. กู้ภัยประเมินสถานการณ์แล้ว ได้ยุติภารกิจก่อน เนื่องจากมืดและไม่มีไฟส่องสว่าง อาจเป็นอันตรายต่อทีมกู้ภัย ก่อนที่เช้าวันนี้ (8 ต.ค. 67) จะวางแผน และเริ่มค้นหาใหม่อีกครั้ง


ด้าน เพจ GSB Society ได้โพสต์เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ต.ค. 2567 ระบุว่า

ออมสิน ประกาศขยายเวลาพักหนี้อัตโนมัติจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน ช่วยลูกหนี้รับมือน้ำท่วมซ้ำเติมอีกระลอก เพิ่มชื่อผู้ได้รับสิทธิ์พักหนี้เป็น 140,000 บัญชี หลังรัฐประกาศพื้นที่ประสบภัยล่าสุด 5,515 หมู่บ้าน


ธนาคารออมสิน ประกาศขยายระยะเวลามาตรการพักหนี้อัตโนมัติ จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้ทั่วถึงลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในปัจจุบัน ที่ล่าสุดได้เพิ่มรายชื่อจังหวัดและพื้นที่ได้รับผลกระทบกินบริเวณกว้างมากขึ้น และมีจุดที่ต้องประสบภัยน้ำท่วมซ้ำเติมอีกระลอก  ธนาคารจึงดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ขยายระยะเวลาพักหนี้อัตโนมัติ จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน เพิ่มจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ จากเดิม 110,000 บัญชี เป็น 140,000 บัญชี คิดเป็นเม็ดเงินที่ธนาคารลดดอกเบี้ยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบ เป็นจำนวนเงินกว่า 2,000 ล้านบาท


มาตรการพักหนี้อัตโนมัติ

  • พักจ่ายเงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 6 เดือน
  • มีผลทันทีตั้งแต่งวดเดือนตุลาคม 2567 ถึง งวดเดือนมีนาคม 2568
  • ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อบุคคล และ SMEs วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท (ยกเว้นสินเชื่อชีวิตสุขสันต์และสินเชื่อตามนโยบายรัฐ : PSA)
  • ลูกหนี้ที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาตรการฯ ต้องมีภูมิลำเนา ที่อยู่ หรือที่ประกอบอาชีพ ในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในปัจจุบัน (ประกาศฯ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567)
  • หลังจากสิ้นสุดมาตรการฯ ให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้ตามสัญญาเดิม ตั้งแต่งวดเดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป
  • ธนาคารจะส่ง SMS หรือ จดหมายแจ้งเพื่อทราบการพักชำระหนี้ไปยังลูกหนี้ตามรายชื่อผู้มีสิทธิ์ร่วมมาตรการฯ
  • สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการฯ ได้ที่ GSB Contact Center โทร.1115
  • สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการฯ ได้ที่ Facebook : GSB Society
  • ธนาคารออมสิน ขอส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ในเร็ววั


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากภาพการช่วยเหลือคนแล้ว สถานการณ์น้ำท่วมแบบนี้ ยังมีภาพการช่วยเหลือสัตว์ให้รอดด้วยเช่นกัน  โดยเมื่อวานนี้ (7 ตค. 67) มีคลิปนาทีกู้ภัยร่วมกตัญญู ที่กำลังไปช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วม  ไปเจอแมวส้มที่ติดอยู่บนป้ายโฆษณา ที่อยู่กลางน้ำท่วม ในพื้น ต.หนองแฝก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จึงเข้าช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่พยายามเข้าถึงตัวแมวเพื่อไม่ให้มันตกใจ และตัวเจ้าหน้าที่ก็ต้องระวังด้วย เพราะจุดนั้นมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล


แต่สุดท้าย เจ้าแมวส้มก็กระโดดลงมาจากป้าย และตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าไปอุ้มมันขึ้นมา เอาใส่ตะกร้า และพาไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะที่ ทางเจ้าของแมวซึ่งดูไลฟ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ เห็นแมวของตัวเองพอดี จึงมาแสดงตัวรับกลับสู่อ้อมอกอย่างปลอดภัย


เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยกองเรืออุตรดิตถ์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ลงพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม  แต่ไปเจอปลาสวายตัวใหญ่มาก ลอยมาบริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟ คาดว่าน่าจะเป็นปลาของชาวบ้านที่หลุดมาตอนน้ำท่วม จึงช่วยกันจับไว้ เพื่อจะนำส่งคืนเจ้าของ


พร้อมกันนี้ โพสต์คลิป ขณะเจ้าหน้าที่ประมาณ 4-5 คน ช่วยกันจับปลาสวาย  เอาเชือกผูกตัว แล้วจูงครีบให้มันว่ายน้ำตามเข้าไปในสถานีรถไฟ เพื่อรอให้เจ้าของมารับตัวกลับบ้าน


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lIioM0qVtqA


คุณอาจสนใจ

Related News