สังคม

รวบ 'น้ำหนึ่ง' นักตุ๋นแสบ อ้างสนิทระดับบิ๊ก สวมชุดขาวมั่วเข้าสภา บอกแค่ลองใส่-ยืมเพื่อนมา

โดย passamon_a

7 ต.ค. 2567

388 views

ตำรวจสืบนครบาล นำกำลังไปจับกุม น.ส.สุวดี หรือ น้ำหนึ่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงดุสิต ที่ จ.174/2567 ลงวันที่ 27 กันยายน 2567 ข้อหา ไม่มีสิทธิสวมเครื่องแบบ เครื่องหมายยศของเจ้าพนักงาน แต่งเครื่องแบบและเครื่องหมายยศเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ


พร้อมตรวจยึดของกลาง 5 รายการ ได้แก่ ชุดปกติขาวพร้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 1 ชุด เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า รัฐสภา 1 ชุด เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า สำนักนายกรัฐมนตรี 1 ชุด บัตรตัวแทนพรรคการเมืองชื่อดัง 1 ใบ และ รถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีเทา 1 คัน ซึ่งใช้ซุกซ่อนของกลาง โดยพบประวัติคดีอาญาถึง 14 คดี


การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า น้ำหนึ่ง เซียนนักต้มตุ๋น มักจะสวมชุดขาวติดเครื่องราชฯ เข้าไปเดินมั่วในรัฐสภา แอบอ้างต้มตุ๋นเหล่า สว. และ สส.หลายท่าน พบประวัติก่อเหตุฉ้อโกงมา 14 คดี โดยเริ่มจากการฉ้อโกงเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำตัวเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ตระเวนรับเงินค่าจ้างแล้วเบี้ยวหลายราย เป็นเวลาเกือบ 10 ปี


จนห้วงปี 2560 เริ่มหลอกลวงรูปแบบใหม่คือ การแอบอ้าง โดยเริ่มอ้างเป็นคนสนิทอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน หลอกลงทุนหุ้น ลงทุนเปิดร้านค้าในมหาวิทยาลัย จนเมื่อเข้าสู่ห้วงปี 2564 เริ่มแอบอ้างเป็นคนสนิทระดับนายกรัฐมนตรี หลอกลวงจะวิ่งเต้นให้ได้ตำแหน่งในสำนักนายกรัฐมนตรี หลอกจะวิ่งเต้นให้เป็นผู้ช่วย สว. จนถึงหลอกลวงลงทุนบัตรลุงตู่พลัส


จนล่าสุด สวมชุดขาวติดเครื่องราชฯ เดินเข้ามาป้วนเปี้ยนในรัฐสภาในทุกสมัยการเปิดประชุมสภา จนกระทั่งมีสมาชิกวุฒิสภาท่านหนึ่ง ได้กล่าวในที่ประชุมเพื่อหารือเรื่องของมิจฉาชีพรายนี้กลางสภา ในการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 โดยกล่าวถึงมิจฉาชีพรายนี้ว่า แอบแฝงเข้ามาในรัฐสภา ตีสนิทกับ สว. และ สส. ชื่อดังหลายท่าน ก่อนที่มิจฉาชีพรายนี้จะแอบอ้างถึงบุคคลสำคัญ เช่น อ้างว่าเคยทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี, อ้างว่าตนเองเป็นลูกบุญธรรมของภรรยาของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, อ้างว่าตนเป็นญาติกับภรรยาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล, อ้างว่าตนเป็นคนสนิทของ นายเนวิน ชิดชอบ


โดยมักทำพฤติกรรมทำทีโทรศัพท์โชว์ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ ล่าสุดทำพฤติกรรมแต่งชุดขาวพร้อมติดเครื่องราชฯ ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ เข้ามามั่วถ่ายรูปคู่กับหลาย ๆ คนภายในรัฐสภา โดยอ้างว่าเป็นราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่อมาตรวจสอบจนทราบว่า เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงได้เสนอให้มีการสอบสวนเป็นวาระเร่งด่วน และเจ้าหน้าที่ของรัฐสภาต้องติดประกาศห้ามเข้าพื้นที่ ก่อนจะถูกพนักงานสอบสวน สน.บางโพ ออกหมายจับ และเมื่อเรื่องแดง เจ้าตัวก็หลบหนีไป


กระทั่งตำรวจสืบนครบาล ชุดสารวัตรแจ๊ะ ไล่ล่าติดตาม จนพบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปกบดานอยู่กับหมอดูชื่อดัง ตระเวนเช่าห้องพักรายวันอยู่ในละแวกถนนลาดกระบัง โดยจะเปลี่ยนที่พักทุก ๆ วันไม่ให้ซ้ำ เพื่อป้องกันการติดตามของเจ้าหน้าที่ กระทั่งวันที่ 5 ตุลาคม 2567 ชุดสืบสวนได้พบคนร้ายกำลังจะย้ายที่พัก จึงเข้าจับกุมตัวไว้ทันที และตรวจค้นพบชุดข้าราชการ (ชุดขาว) ติดเครื่องราชฯ, เสื้อคลุมตราสำนักนายกรัฐมนตรี, เสื้อคลุมตรารัฐสภา, บัตรตัวแทนพรรคการเมืองชื่อดัง ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์เช่า โดยไปจอดแอบไว้อยู่ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุช


และจากการตรวจสอบโทรศัพท์ พบภาพถ่ายคู่กับนักการเมืองชื่อดังหลายท่าน มีภาพถ่ายการสวมชุดข้าราชการ (ชุดขาว) หลายภาพ และจากการสอบถามบุคคลในพื้นที่ละแวกที่คนร้ายหลบหนีไปกบดานนั้น ได้ข้อมูลว่า คนร้ายมักแอบอ้างว่าตนเองมีตำแหน่งทางการเมือง ลักษณะอวดกับพนักงานหลาย ๆ แห่งในพื้นที่


ในชั้นจับกุม น.ส.สุวดี หรือ น้ำหนึ่ง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยคลิปขณะถูกจับกุม สารวัตรแจ๊ะถามว่าจะรับสารภาพหรือไม่ น้ำหนึ่งพูดทันทีว่าไม่รับค่ะ แค่ลองชุดถ่ายรูป ไม่ได้ใส่ไปไหน เมื่อสารวัตรแจ๊ะซักต่อว่า แล้วใส่ได้อย่างไร เป็นข้าราชการหรือมีตำแหน่งในสภาหรือไม่ น้ำหนึ่งก็ตอบว่าไม่ได้เป็น และแค่ลองใส่ชุดถ่ายรูปเฉย ๆ ส่วนเอกสารที่ตำรวจค้นเจอในรถ ที่มีการแอบอ้างว่าเป็นข้าราชการสภานั้น น้ำหนึ่งก็เถียงว่า เป็นเอกสารที่มีคนฝากร้องเรียนมา เธอไม่เกี่ยวข้องด้วย เมื่อตำรวจตั้งคำถามว่า คนปกติจะมีหมายจับฉ้อโกง 13-14 หมายหรือไม่ แล้วเข้าถ่ายรูปในสภาทำไม เจ้าตัวก็ยังเถียงไม่หยุด โดยอ้างว่า แค่ถ่ายรูปลองชุดเฉย ๆ เท่านั้น


เมื่อถูกนำตัวมาสอบปากคำกับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. น้ำหนึ่งก็ยังอ้างว่า นำเครื่องแบบของเพื่อนมาสวม ส่วนที่ไปถ่ายภาพชุดขาวกับคนอื่น ๆ ในรัฐสภา เป็นเพราะวันนั้นตนเองลองสวมดูเฉย ๆ ตั้งใจจะไปถ่ายภาพเพื่อนำไปสมัครเป็น สส. โดยต้นเหตุที่ตนโดนคดีมาจากการถูกกลั่นแกล้งจาก สว.ท่านหนึ่ง ที่มีปัญหากับตน เพราะเข้าใจว่าตนเป็นสาเหตุให้ สว.ท่านนั้นเลิกกับภรรยา จึงเดินหน้าหาเรื่องตน ส่วนที่บอกว่าตนเองสนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น เพราะตนเองเคยช่วยหาเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ และได้ถ่ายภาพคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ หลายครั้ง แต่ไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะรู้จักตนเองหรือไม่


ยืนยันว่าไม่เคยไปทำอะไรเสีย ๆ หาย ๆ ให้กับ สว. และ สส. ในสภา แต่คดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนใหญ่จบไปแล้ว เพราะตนนำเงินไปคืนให้กับผู้เสียหาย แต่ยังมีคดีที่อยู่บนศาล คือที่ไปหลอกลวงลงทุนบัตรลุงตู่พลัส ความเสียหาย 1,700,000 บาท ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 ปี ตอนนี้อยู่ระหว่างการสู้ชั้นอุทธรณ์ ยืนยันว่าตนเองไม่เคยไปแอบอ้างไปอวดเบ่ง แต่ถ้ามีคนบอกว่าตนเองเคยไปแอบอ้าง ตนยินดีไปพูดคุยกับทุกคน


พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากพฤติกรรมที่ได้ข้อมูลประวัติคดี ข้อมูลจากการสืบสวน ค่อนข้างมีทิศทางตรงข้ามกับคำให้การของผู้ต้องหา จากประวัติต้องคดีของผู้ต้องหารายนี้นับว่าก่อคดีมามาก ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นคดีในข้อหาฉ้อโกง


จากพฤติการณ์แล้วจะเห็นว่าผู้ต้องหานั้นไม่ได้ประกอบอาชีพใด ๆ มีพฤติกรรมเข้าไปในสภา ซึ่งในทางคดีนั้น พยานหลักฐานยังพบว่า มีการกระทำเช่นนี้หลายครั้ง ซึ่งหลังจากนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียด พร้อมขอประชาสัมพันธ์ ผู้ใดเคยถูกผู้ต้องหารายนี้ซึ่งใช้ชื่อว่า น้ำหนึ่ง หลอกลวงไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่เพจ สืบนครบาล IDMB ส่วนตัวผู้ต้องหา จะนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางโพ ดำเนินคดีต่อไป


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/3Z6ApoNTDbg

คุณอาจสนใจ