สังคม

พฐ.ชี้ ‘แก๊สรั่ว’ ส่วนหน้ารถ สาเหตุไฟไหม้รถบัส - กมธ.คมนาคม รุมจี้กรมขนส่ง 'ตรวจทิพย์' หรือไม่

โดย nattachat_c

4 ต.ค. 2567

17 views

จากเหตุสลดไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บนถนนวิภาวดี-รังสิต ขาเข้า หน้าอนุสรณ์สถาน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ส่งผลให้นักเรียน และครู เสียชีวิต 23 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 


วานนี้ (3 ต.ค. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจสอบรถบัสที่เกิดไฟไหม้เพิ่มเติมทั้งระบบแก๊ส ระบบเบรก และการเดินรถ เพื่อความรอบคอบ และรายละเอียดของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้


แต่เบื้องต้น ยืนยันว่า เกิดการรั่วไหลของแก๊สบริเวณส่วนหน้าของรถ ส่วนอะไรเป็นตัวที่ทำให้เกิดประกายไฟจนลุกลาม รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการรั่วไหล ขณะนี้ ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่มีข้อสันนิษฐานอยู่ 2 ประเด็น ซึ่งไม่สามารถเปิดได้ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ควบของรถ หรือความเสื่อมสภาพของท่อต่อแก๊สต่าง ๆ ยังต้องรอการตรวจสอบ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้ครั้งนี้มีแก๊สเข้าไปเป็นเชื้อเพลิงในการลุกไหม้ของรถอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ก็จะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านระบบแก๊สมาให้ข้อมูล กับเจ้าหน้าที่ พฐ. และทำการตรวจสอบในเชิงลึก โดยยึดหลักนิติวิทยาศาสตร์ ว่าอะไรเป็นชนวนให้เกิดประกายไฟลุกลามขึ้นมา เพื่อสรุปให้กับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอน ส่วนที่มีการติดตั้งแก๊สเกิดจำนวนกว่าที่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นหลักฐานชัดเจนที่มีการกระทำความผิด


พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวด้วยว่า ที่ชัดเจนตามคลิปวิดีโอคือเกิดเพลิงขึ้นมาช่วงด้านล่าง ซึ่งพบว่าด้านล่างมีท่อแก๊สอยู่และมีแก๊สรั่วไหล ส่วนประกายไฟและแก๊สที่รั่วไหลเกิดจากอะไรจากการประชุมสรุปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อ ให้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านระบบแก๊สมาให้ความเห็น


พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า จากนั้นจะมีการประชุมโดยละเอียดซึ่งยังมีข้อสงสัยที่ซักถามกันอยู่ ทั้งนี้ มีความชัดเจนว่าเกิดการรั่วไหลของระบบแก๊ส ทำให้แก๊สที่รั่วออกมาเป็นเชื้อเพลิง แต่ไฟที่ติดขึ้นมาแล้วทำให้แก๊สที่รั่วไหลเกิดการลุกไหม้ขึ้นมาจนลามทั้งตัวรถ ยังต้องหาสาเหตุโดยละเอียดก่อน


พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สำหรับรถบัสคันนี้ได้รับอนุญาตให้มีการติดตั้งแก๊สเอ็นจีวีจำนวน 6 ลูก แต่รถคันนี้เกินมา 5 ลูก ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อสงสัยไว้อยู่ 2 สาเหตุ แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานกันก่อนว่าอะไรเป็นตัวจุดประกายไฟทำให้เชื้อเพลิงแก๊สที่รั่วออกมาติดไฟและลามไหม้ตัวรถ


ทั้งนี้ จากการสังเกตพบว่า รถบัสได้ติดตั้งถังก๊าซไว้ 11 ถัง โดย

  • ถังที่ 1-6 อยู่ท้ายรถ
  • ถังที่ 7-8 อยู่หน้ารถ ด้านซ้าย-ขวา ตามลำดับ
  • ถังที่ 9-10 อยู่กลางรถ ด้านซ้าย-ขวา ตามลำดับ (หมดอายุ ปี 2023)
  • ถังที่ 11 อยู่ระหว่าง ถังที่ 7-8 และ ถังที่ 9-10


โดยถังที่ 8 มีร่องรอยท่อหลุดขาด แต่ยังเห็นรายละเอียดของถัง โดยการหลุดออกสันนิษฐานได้ 2 อย่าง คือ ไม่ได้ตรวจสภาพถัง และ เกิดการกระแทก


ต้นเพลิงอยู่ตรงห้องตรงกลางด้านล่าง ส่วนแหล่งความร้อนที่ทำให้เกิดไฟไหม้ ยังต้องรอตรวจ


ในวันเดียวกัน ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ. โดยมีวาระสำคัญในการหารือกรณีรถบัสนักเรียนจังหวัดอุทัยธานีไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แทรกเข้ามาเร่งด่วน มีการเชิญนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะมาชี้แจงถึงสาเหตุรวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาในอนาคต


โดยนายชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการ (ผอ.) สำนักวิศวกรรมยานยนต์ ระบุว่า จากการตรวจสภาพรถพบว่า ประตูด้านหลังฝั่งขวา คันโยกที่ใช้เปิดปิดภายในตัวรถยังใช้งานได้ปกติ และรถที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียว พื้นที่ด้านล่างใช้เก็บสัมภาระ นอกจากนี้ ยังพบว่าล้อรถไม่ได้มีการระเบิด ซึ่งพบถังก๊าซ 11 ถัง


และมีถังที่ 8 ซึ่งเป็นหนึ่งถังที่ต่อเติม ท่อก๊าซหลุดเป็นเหตุให้เกิดก๊าซรั่ว รวมถึงพบว่าเพลาล้อหน้าหักครูดกับถนน ซึ่งอยู่ระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับกองพิสูจน์หลักฐานร่วมกันวิเคราะห์สรุปหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแถลงให้ทราบต่อไป


โดยภายในห้องประชุมกรรมาธิการ ได้มีการตั้งคำถาม ซึ่งนายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ สส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย และนายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน ได้ซักถามถึงการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซภายในรถ ที่พบว่ามีถึง 11 ถัง อีก 5 ถังที่เกินมา ได้เพิ่มเข้ามาในขั้นตอนไหน การตรวจสภาพรถเป็นการตรวจทิพย์หรือไม่ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ตรวจสอบสภาพรถจะไม่เห็นจำนวนถังที่เกินมา รวมถึงการจดทะเบียนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2513 และมีการจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ได้มีการดัดแปลงสภาพไปมากเพียงใด


“ปี 2513 ผมยังไม่เกิดเลย มีอะไรคงเดิมบ้างในรถคันนี้ และเราต้องนับอายุของรถจากเวลาใดกันแน่” นายพีระเดช กล่าว



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/egmpj1Nvuv8


คุณอาจสนใจ

Related News