สังคม

‘อดีตนักมวย’ บุกบ้าน-จับตัวประกัน ย่านอินทามระ 29 ก่อนเผ่นหนี เมียสติแตกผัวถูกล่า จี้ตัวเองขึ้นรถตร.

โดย petchpawee_k

12 ชั่วโมงที่แล้ว

1.2K views

คนร้ายหนีคดีถูกตำรวจตามล่า ปีนเข้าบ้านประชาชนจับเป็นตัวประกัน ยิงต่อสู้ตำรวจ  ล่าสุด ช่วยตัวประกันได้ ส่วนคนร้ายหนีไปได้

วานนี้ (3 ต.ค.67) เวลา 21.45 น. ตำรวจ สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนร้ายถือปืนบุกเข้าไปในบ้านเรือนประชาชน ภายในซอยอินทามระ 29 แยก 1  โดยชายคนดังกล่าว รูปร่างสูงประมาณ 180 ซม. ผมเกรียน สวมชุดลายพราง เป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมของตำรวจ สน.เตาปูน แล้วปีนเข้าไปหลบในบ้านประชาชน  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ก่อเหตุ คือ  นายสันติ เจ๊ะอะหลี อายุ 38 ปี  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ บุกรุกในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์  

ซึ่งมีรายงานว่า  ตำรวจชุดสืบสวน สน.เตาปูน  ได้ไล่ล่าติดตามนายสันติที่หลบหนีการจับกุม เข้ามาภายในซอยอินทามระ 29 แยก 3  แต่นายสันติมีอาวุธปืนและยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ ก่อนที่นายสันติจะกระโดดข้ามรั้วเข้าไปในพื้นที่รกร้าง ซึ่งมีกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้  จากนั้นนายสันติ ก็มุ่งหน้าไปที่ซอยอินทามระ 29 แยก 1 หนีเข้าไปที่บ้านพักหลังหนึ่ง  ซึ่งในขณะนั้น มีรายงานว่า บ้านหลังดังกล่าว มีเด็กกับผู้หญิงอยู่ในบ้าน โดยผู้หญิงสามารถหนีออกมาได้ เหลือแต่เด็กที่ถูกจับไว้เป็นตัวประกัน   โดยนายสันติ มีปืนลูกโม่ 2 กระบอก และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง  ซึ่งนายสันติยิงปืนออกมาจากในบ้าน 1 ครั้ง ถูกตำรวจสืบสวน สน.เตาปูน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ต่อมา เวลา 22.00 ชุดอรินทราช 26 และชุดหนุมานกองปราบ เข้าปิดล้อมพื้นที่ พร้อมกับ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2  ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประกาศแจ้งเตือนประชาชนในละแวกดังกล่าว ให้อยู่ภายในบ้านพัก รอเจ้าหน้าที่เคลียร์สถานการณ์

ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดจำนวน 3 ภาพ ที่จับพฤติกรรมการหลบหนีและการก่อเหตุของนายสันติ

โดยภาพกล้องวงจรปิดที่ 1  เวลาในคลิป คือ เวลา 19.04 น. เป็นภาพภายในซอยอินทามระ 29 แยก 3  จะเห็นว่า นายสันติ วิ่งตรงเข้ามาจนถึงท้ายซอย โดยทั้งสองข้างนั้นเป็นกำแพงสูง  และด้านขวาของภาพเป็นกำแพงรั้วเหล็กกั้นทุ่งโล่ง  โดยคนร้ายสวมชุดเต็มตัว ลักษณะคล้ายสะพายกระเป๋าข้าง  สวมหมวกกันน็อค มือขวาถืออาวุธปืนคล้ายลูกโม่  วิ่งมาถึงท้ายซอย  โดยจะสังเกตเห็นแสงไฟส่องมาจากต้นทางไกล ๆ  ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ตามมา  ก่อนที่นายสันติ คนร้าย จะหันปืนไปทางตำรวจ แล้วยิงไปประมาณ 1 นัด  ก่อนที่นายสันติจะค่อย ๆ เดินเลาะกำแพง โดยใช้เสาไฟเป็นที่กำบัง แล้วปีนรั้วเหล็กเข้าไปในทุ่งร้าง

ภาพกล้องวงจรปิดที่ 2 เวลาในคลิป 20.01 น.  เป็นภาพภายในบ้านหลังหนึ่ง จะเห็นว่าคนร้ายค่อย ๆ ย่องปีนกำแพงรั้วบ้านเข้ามา  ลักษณะการแต่งกายของคนร้ายนั้น ใส่เสื้อแขนสั้น ทับด้วยเสื้อเกราะสีเขียว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ไม่สวมหมวก มือขวาถืออาวุธปืน แล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างใจเย็น  ผ่านไปประมาณ 2 นาที จะเห็นว่าคนร้ายเดินวนไปวนมาบริเวณมุมซ้ายล่าง ก่อนจะค่อย ๆ เดินลงไปที่ชั้นล่างของบ้าน

ภาพกล้องวงจรปิดที่ 3 เวลาในคลิป 20.01 น. เป็นภาพจากในบ้านหลังดังกล่าวอีกมุม  จะเห็นว่าหลังจากคนร้ายได้ปีนเข้ามาบนบ้านแล้ว ก็เดินไปยังตะกร้าผ้า แล้วทำทีเหมือนหยิบสิ่งของบางอย่าง  หลังจากนั้นได้เปิดประตูห้องห้องหนึ่ง ซึ่งในห้องมีคนอยู่  คนร้ายยกนิ้วขึ้นจรดที่ปาก ทำท่าเหมือนห้ามไม่ให้คนในห้องส่งเสียง ก่อนจะทำท่ากวักมือให้คนในห้องเดินมาที่ประตู  แล้วพูดคุยอะไรบางอย่าง ทำท่าจุ๊ปากห้ามส่งเสียงอีกครั้ง ก่อนที่คนในห้องจะปิดประตู แล้วคนร้ายเดินไปที่อ่างล้างหน้าเพื่อดื่มน้ำและล้างหน้า ก่อนเดินลงบันไดไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดหนุมาน เตรียมพร้อมที่จะบุกเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว แต่ต้องวางแผนอย่างระมัดระวังรอบคอบ เพราะมีข้อมูลว่า ในบ้านที่ชั้น 2 มีประชาชนอยู่ในนั้น 2 คน เกรงว่าประชาชนจะได้รับอันตราย โดยเจ้าหน้าที่ขอให้สื่อมวลชนออกจากจุดเกิดเหตุใกล้บ้านหลังดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะอยู่ในวิถีกระสุน พร้อมแจ้งประชาชนและสื่อมวลชน งดเว้นการไลฟ์ถ่ายทอดสดการทำงานของเจ้าหน้าที่ในระยะใกล้ และเว้นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ในกรณีฉุกเฉิน

ขณะที่พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์  รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงพื้นที่มาเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และพลตํารวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็เดินทางมาติดตามสถานการณ์ในที่เกิดเหตุด้วย

ต่อมา เฮียตี๋  หรือนายสรศักดิ์ แซ่ตั้ง เจ้าของค่ายมวยทีเด็ด 99 ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าของนายสันติ ผู้ก่อเหตุ  เดินทางมาที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเกลี้ยกล่อมให้นายสันติปล่อยตัวคนที่อยู่ในบ้านออกมา

เฮียตี๋ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นายสันติเคยเป็นอดีตนักมวยชื่อดัง ค่าตัวระดับเงิน 100,000 ใช้ชื่อ “ฤทธิเดช ใหม่เมืองคอน” หลังจากเลิกชกมวยได้ผันตัวมาเป็นเทรนเนอร์ที่ค่ายทีเด็ด 99 แต่นายสันติมีพฤติกรรมชอบลักเล็กขโมยน้อย และเสพยาเสพยาติด  ตนจึงให้ออกจากค่ายไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานแจ้งว่า ภายในบ้านหลังดังกล่าว มีคนพักอาศัยอยู่ 3 คน มีแม่ และลูกชายอายุ 30 ปี และ 31 ปี ประกอบอาชีพแพทย์ทั้งคู่  โดยหลังจากที่คนร้ายบุกเข้าไปในบ้าน แม่ได้วิ่งหลบออกมาจากบ้าน  ส่วนลูกชายทั้งสองคนหลบอยู่ในห้อง ซึ่งคนร้ายไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในบ้าน  จากนั้นคนร้ายได้หลบหนีออกจากบ้านหลังดังกล่าว  โดยที่ไม่มีใครทราบ ซึ่งทางลูกชาย 2 คนที่หลบอยู่ในห้อง  ก็ไม่ทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว

กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจสอบจนแน่ใจว่า คนร้ายและตัวประกันไม่ได้อยู่ด้วยกัน เจ้าหน้าที่จึงได้บุกเข้าช่วยเหลือตัวประกันสองพี่น้อง ออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัย ในเวลา 00.25 น.  ส่วนคนร้ายหลบหนีไปก่อนหน้านั้นแล้ว

พลตํารวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า  เบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้  ผ่านทางช่องระบายอากาศ ก่อนจะปีนออกไปที่บริเวณด้านหลังของบ้าน  ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามไล่ล่าเส้นทางการหลบหนี   ยืนยันว่าฝ่ายสืบสวนมียุทธวิธีในการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี  จากที่สังเกตการณ์พบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใคร  ต้องการเพียงแค่จะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน เพียงเท่านั้น  โดยตำรวจจะเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ต่อมาเวลา  00:30 หลังสถานการณ์ภายในซอยอินทามระ 29 แยก 1 คลี่คลาย ปรากฏเกิดเหตุการณ์ซ้อนขึ้น เมื่อภรรยาของนายสันติ  ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลักทรัพย์ที่ หลบหนีการจับกุมของตำรวจ สน.บางซื่อ ก่อนไปก่อเหตุบุกบ้านของพลเรือน ได้ใช้อาวุธปืนขู่ว่าจะทำร้ายตัวเองภายในอาคารร้าง ริมถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุซอยอินทามระ 29 ไม่ไกลมาก โดยมีรายงานว่า ภรรยานายสันติมีอาการเครียดจากการที่สามีตนเองถูกตำรวจล้อมจับ ทำให้ทางตำรวจต้องเข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อมเพื่อให้สงบสติอารมณ์

หลังใช้เวลาเกลี้ยกล่อมประมาณ 2 ชั่วโมง ช่วงประมาณตี 2 ครึ่ง ภรรยานายสันติได้ยินยอมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทว่าได้จี้เอาตำรวจนายดังกล่าวเป็นตัวประกันอีก 1 นาย ก่อนจะนำตัวขึ้นรถตำรวจ 191 แล้วบังคับให้ขับรถหลบหนีไป โดยเบื้องต้นมีรายงานข่าวว่า ได้ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางคลอง 7 จ.นครนายก

ต่อมาในเวลา 03:45 ภรรยานายสันติได้ขับหลบหนีไปยังพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อาจะจอดรถทิ้งไว้บนถนนธัญบุรี แล้วหลบหนีเข้าพงหญ้าข้างทาง ซึ่งตำรวจ สภ.วังน้อย และตำรวจภูธรภาค 1 ได้ประสานกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่และขอไฟสว่างในการส่องพื้นที่ ขณะที่ตำรวจที่จี้มาด้วยนั้น มีรายงานว่าพบตัวแล้วและอยู่ในภาวะปลอดภัย

ล่าสุดเมื่อเวลา 5:50 เมียคนร้ายยอมมอบตัวแล้ว ยังคงมีปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลา หลบอยู่ข้างพงหญ้าร้องไห้ฟูมฟายตลอดเวลา  ตำรวจนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ หลังพบมีอาการบาดเจ็บ



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/q4t2Sko6pxg

คุณอาจสนใจ

Related News