แจ้ง 2 ข้อหาหนัก คนขับรถบัสมรณะเข้ามอบตัว ตกใจหนีไปบ้านญาติอ่างทอง เผยรถเสียหลักยางระเบิด

คนขับรถบัสวัย 48 ประสานขอมอบตัว หลังหลบหนีขณะเกิดไฟไหม้  ตร.คุมตัวจากอ่างทองนำสอบเข้มโรงพักคูคต ด้านสื่อถูกสับขาหลอก จนท.สลับรถคุมตัวผู้ต้องหา รอเก้อหลังปักหลักจ่อถามข้อเท็จจริง ล่าสุด รอง ผบช.ภ.1 เผย แจ้ง 2 ข้อหาโซเฟอร์ พร้อมแจง เจ้าตัวเล่า ขับรถมา 70-80 กิโลเมตรต่อ ชม. ถึงจุดเกิดเหตุรถเสียหลัก ยางระเบิด เฉี่ยวชนรถเบนซ์ครูดแบริเออร์ ระบุ เอาถังดับเพลิงมาช่วยฉีด ตกใจจึงหนีไปบ้านญาติ

กรณีเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี กำลังเดินไปทางไปทัศน์ศึกษา ซึ่งเกิดเหตุบริเวณเลนขวาสุดของช่องเลนด่วน ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงหัวโค้งหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หรือห่างจากด้านหน้าเซียรังสิต ฝั่งขาเข้า กทม. ประมาณไม่ถึงกิโลเมตร

ผู้สื่อข่าวรายงาน วานนี้ (1 ต.ค.67) หลังเกิดเหตุ  แม้มีภาพคนขับรถบัสคันเกิดเหตุ พยายามช่วยดับไฟในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นไม่มีใครพบเจ้าตัวอีกเลย โดยคาดว่าหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ

กระทั่งเวลา 18.30 น. มีรายงานว่า คนขับรถบัสประสานขอมอบตัว  โดยทราบในเวลาต่อมาว่า คนขับรถบัสคันเกิดเหตุ ชื่อ นายสมาน  อายุ 48 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี  ได้เดินทางเข้ามอบตัวที่ สภ.วิเศษชัยชาญ  จ.อ่างทอง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วิเศษชัยชาญ ควบคุมตัวไว้ในห้องผู้กำกับการ โดยปิดม่านไม่ยอมให้นักข่าวเข้าไป และนำตัวออกมาขึ้นรถทางประตูด้านหลังโรงพักขึ้นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำออกจากโรงพักทันที เพื่อนำตัวมาสอบที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี  โดยไม่ได้ให้ข่าวกับทางผู้สื่อข่าว

ขณะเดียวกันนักข่าวปักหลักอยู่ที่ สภ. คูคต  พบว่า เวลา 22.40 น. ตำรวจ สภ.คูคต คุมตัวนายสมาน คนขับรถบัสทัศนศึกษาคันเกิดเหตุ มาถึงโรงพัก แต่ปรากฏว่า ตำรวจสับขาหลอกนักข่าว ด้วยการสลับรถคุมตัวนายสมาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเดิมที่คนขับรถบัส เดินทางเข้ามอบตัวที่ สภ.วิเศษชัยชาญ  จ.อ่างทอง ก่อนนำขึ้นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำออกจากโรงพักโดยไม่ได้ให้ข่าวกับผู้สื่อข่าว ผู้สื่อข่าวที่เฝ้าติดตามทำข่าวก็จับตารถฟอร์จูนเนอร์สีดำคันดังกล่าว เพื่อหวังจะไปสอบถามข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มีการสลับให้ผู้ต้องหาไปอยู่บนรถอีกคัน  ก่อนคุมตัวห้องเข้าสืบสวนสอบเข้มทันที โดยไม่ให้สื่อเข้าไปทำข่าว ส่วนนายสมาน จากการสังเกต พบว่า เจ้าตัวใส่เสื้อตัวเดิมกับตัวที่ใส่ขับรถบัสคันเกิดเหตุ โดยมีสีหน้าเรียบเฉย

ต่อมา เวลา 23.30 น. พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.ธนายุทธ จอนขุน ผบก.จ.ปทุมธานี ได้เดินทางมาที่ สภ.คูคต เพื่อสอบปากคำนายสมาน

โดย พล.ต.ต.ชยานนท์  กล่าวว่า  หลังจากเกิดเหตุทางด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดปทุมธานีเร่งติดตามตัวผู้ขับขี่ นายสมาน มาดำเนินคดี  ซึ่งได้ติดตามไปพบที่บ้านภรรยาจังหวัดอ่างทอง  ทางผู้ต้องหาได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ  เพื่อที่จะขอมอบตัว และนำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.คูคต

เบื้องต้นได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

2.ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล แล้วไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(4) , 78 , 157 160 วรรค 2 นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะสอบสวนผู้ต้องหาเกี่ยวกับข้อหาที่แจ้งไปทั้งหมด ส่วนเจ้าของรถนั้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาตรวจสภาพรถอีกครั้งและจะพิจารณาข้อหาอีกครั้ง

ส่วนนายสมาน ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ตนเองขับรถมาคันที่ 2 ใช้ความเร็วประมาณ 70-80 กิโลเมตต่อ ชม. เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถเสียหลักคล้ายตกหลุม ยางระเบิดหรือถุงลมแตกและล้อหน้าเกิดดึง จนทำให้ไปเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ จากนั้นตัวรถจะครูดไปกับแบริเออร์

ส่วนหลังจากเกิดเหตุที่หนีไปนั้น  ทางด้านผู้ต้องหาให้การว่า หลังเกิดเหตุแล้วก็ไปเอาถังดับเพลิงมาช่วยฉีด  จากนั้นก็ตกใจและหนีไปบ้านญาติ  โดยข้อกล่าวหาหลบหนีนั้น ตำรวจก็แจ้งข้อหาไปแล้ว ส่วนรถบัสนั้น ก็จะให้เจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง  

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/96NkEtqKGRw