สังคม

คุมเพลิงได้แล้ว ไฟไหม้โรงงาน นิคมมาบตาพุด ไร้ผู้บาดเจ็บ ‘เอกนัฏ’ สั่งคุมเข้มสารเคมีรั่วไหล

โดย thichaphat_d

23 ก.ย. 2567

48 views

ไฟไหม้โรงงานพลาสติกและเคมีภัณฑ์แห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง พบกลุ่มควันจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ระดมกำลังรถดับเพลิงนับสิบ เข้าควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัด ก่อนเร่งฉีดสารหล่อเย็น ควบคุมไม่ให้เกิดการปะทุอีกรอบ ด้าน เอกนัฏ พร้อมพันธ์ รมว.อุตสาหกรรม สั่งคุมเข้มเรื่องสารเคมี และสารพิษรั่วไหล อพยพคนออกจากพื้นที่ไม่พบว่ามีใครได้รับบาดเจ็บ พร้อมยืนยันคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

วานนี้ 22 ก.ย. 2567 เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. มาบตาพุด ได้รับแจ้งจากสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ว่าได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณภายในอาคาร 4 ของบริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์จำกัด โดยเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ในระดับ 2 เบื้องต้นทางโรงงานได้ระดมรถดับเพลิงจำนวน 3 คันเข้าระงับเหตุ และควบคุมเพลิงได้ภายใน 30 นาที จนเหลือแต่กลุ่มควันสีดำเบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สาเหตุเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ

จากการสอบถาม นายวสวัตติ์ จันทร์เจริญ วิศวกรฝ่ายผลิตของทางบริษัทระบุว่า ก่อนเกิดไฟไหม้ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ก่อนจะไฟลุกไหม้ขึ้นบริเวณแพล้นผลิตสารเคมี Vinyl chloride monomer (VCM) เป็นสารเคมีที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) แต่จุดเกิดเหตุกับสาเหตุที่แท้จริง กำลังสอบสวนอยู่ว่าเกิดจากอะไรจุดไหนกันแน่ หลังจากนี้ต้องรอเพลิงสงบจึงจะเข้าทำการตรวจสอบสาเหตุ และความเสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง

ต่อมาเวลา 14.30 น. นายถวิล โพธิบัวทอง นายกเทศมนตรีเมืองมาบตาพุด เผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการเฝ้าระวังเหตุการณ์ เพราะยังพบกลุ่มควันยังคงป่วยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทิศทางลมไปทางมาบตาพุด ในขณะนี้ได้มีการประกาศเสียงตามสายแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังและสังเกตกลุ่มควัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใต้ทิศทางลม ใน ชุมชน อิสลาม ชุมชนมาบยา ชุมบ้านพงษ์

ด้านนายประวิทย์ รอบกิจ หัวหน้างานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองมาบตาพุดกล่าวว่า กลุ่มควันที่พบประกอบไปด้วยสารอินทรีย์ระเหยง่าย ซึ่งในเบื้องต้นตรวจพบสารเบนซีนเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งอยู่ในกลุ่มสารอินทรีย์ระเหยง่าย เป็นสีแดง 16.592(เบนซีน) ขณะนี้ทางเทศบาลเมืองมาบตาพุด มีความเป็นห่วงในเรื่องของสารเบนซินซึ่งกระจายอยู่ในอากาศพบว่าเกินมาตรฐาน จึงประกาศแจ้งเตือนเสียงตามสายไว้แล้ว

ขณะที่เวลา 14.30 น. บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์ฉบับ 1 ระบุเหตุเพลิงไหม้แพลนท์ผลิตพีวีซี ภายในโรงงานไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดแยกระบบเพื่อควบคุมการรั่วไหลของสารเคมีในทันที และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเก็บสารเคมี

โดยการรั่วไหลของสารดังกล่าวได้ทำให้เกิดเพลิงไหม้และกลุ่มควัน ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เบาบางลงแล้ว และในเบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ซึ่งบริษัทจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไปอย่างไรก็ตาม บริษัทขอให้ชุมชนที่อยู่ในทิศทางลม หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน หรือสวมใส่หน้ากากอนามัยหากจำเป็น

บริษัทขออภัยในความไม่สะดวกต่างๆ และจะพยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของชุมชน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ทั้งนี้บริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ลงพื้นที่เพื่อดูแล ชี้แจง และรับฟังความคิดเห็นของชุมชนรอบโรงงาน

ต่อมาเวลา 15.05 น. บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงว่าสามารถระงับเหตุได้เสร็จเรียบร้อย บริษัทฯ ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉิน เหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

โดยในประกาศระบุว่า ทีมดับเพลิงเทศบาลเมืองมาบตาพุดและเจ้าหน้าที่ศูนย์ EIC จำนวน 30 นาย สามารถควบคุมเพลิงและปิดวาว์ลถังสาร VCM ได้เรียบร้อย ในเวลา 15.10 น. และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบชุมชนที่ได้รับผลกระทบ โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศชุมชนบ้านพลงอยู่ในเกณฑ์ปกติและทางบริษัทประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ จากเหตุการณ์ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต

ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นิคมมาบตาพุดควบคุมเพลิงไหม้ได้แล้ว ผมสั่งการให้การนิคมฯ คุมเข้มเรื่องสารเคมี และสารพิษรั่วไหล โดยขณะเกิดเหตุได้อพยพคนออกจากพื้นที่ และไม่พบว่ามีใครได้รับบาดเจ็บ

เบื้องต้นพบว่าเหตุเกิดในกระบวนการผลิต สามารถตัดแยกสารเคมีที่รั่วไหลได้ ยังไม่ลุกลามเข้าไปบริเวณแท้งค์เก็บสารเคมี

ล่าสุดเวลา 15:45น. ตรวจวัดคุณภาพอากาศพบว่ากลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแล้ว เจ้าหน้าที่ของการนิคมฯร่วมกับบริษัทฯลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์และดูแลประชาชนในชุมชนใกล้เคียง


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/8JTFj9qWBDc

คุณอาจสนใจ

Related News