สังคม

สลด น้ำท่วมเชียงราย ดับแล้ว 11 ศพ บ้านจมโคลนสูง ชาวบ้านร่ำไห้สำรวจความเสียหาย

โดย passamon_a

16 ก.ย. 2567

1.2K views

น้ำท่วมเชียงราย ดับแล้ว 11 ศพ แม่สายยังวิกฤต ถ้ำผาจม หลังน้ำลดพบทั้งหมู่บ้านจมโคลนสูง ป้าวัย 63 ร่ำไห้นาทีสำรวจบ้าน ขณะที่อีกครอบครัวปล่อยโฮ บอกอัดอั้นเป็นจุดที่ถูกลืม ไม่มีการช่วยเหลือแม้แต่น้อย ชาวบ้านต้องช่วยกันเอง


กรณีเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน ส่งผลทำให้น้ำป่าไหลทะลักจากฝั่งเมียนมาลงแม่น้ำสาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่งผลให้บ้านเรือน ร้านค้าในหมู่บ้าน ที่ติดลำน้ำสาย ถูกน้ำทะลักท่วมได้รับความเสียหายอย่างหนัก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.ย.67 ที่ผ่านมา


เมื่อวันที่ 15 ก.ย.67 ทีมข่าวยังคงปักหลักติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ แม้ว่าหลายจุดน้ำจะเริ่มลดลงแล้ว แต่สิ่งที่เหลือไว้คือร่องรอยของความเสียหาย ทั้งโซนไม้ลุงขน ตลาดพลอย เกาะทราย ขณะนี้ชาวบ้านล้วนเร่งกำจัดโคลนที่ติดในบ้าน ซึ่งครั้งนี้เป็นภาพที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันคือโคลนดินกองสูง มีตั้งแต่ 1 เมตร ไปจนถึง 4-5 เมตร โดยเฉพาะในพื้นที่โซนถ้ำผาจม ซึ่งเป็นโซนต้นน้ำ อยู่ติดกับแม่น้ำสาย เป็นจุดสีแดงอันตราย และเป็นจุดแรกที่รับมวลน้ำจากแม่น้ำสาย ที่ไหลมาจากประเทศเมียนมา โดยมวลน้ำเหล่านี้จะไหลผ่านคลองในชุมชนบ้านถ้ำผาจม ก่อนลงไปโซนตลาดสายลมจอย เข้าชุมชนเกาะทราย ลุงไม้ขน


ทีมข่าวลงพื้นที่หลังระดับน้ำลดลง จนสามารถเดินสำรวจได้แล้ว พบว่าบ้านชาวบ้าน 200 กว่าหลังคาเรือน เฉพาะถ้ำผาจม โคลนดินทับถมเต็มทุกพื้นที่ทั้งบ้าน และบริเวณที่เป็นถนน ตามตรอกซอกซอย รวมทั้งแม่น้ำคลองชลประทาน ล้วนพบโคลนดินทับถมจนแยกไม่ออกว่าเคยเป็นอะไร จากการลงพื้นที่ของทีมข่าวพบว่าเป็นโคลนดินที่สูง หนาที่สุด กินพื้นที่เยอะที่สุด ณ ขณะนี้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งมีเศษหิน ต้นไม้ กิ่งไม้ กองพะเนินเสริมเข้าไปอีก


ทั้งนี้ ตั้งแต่โซนหัวฝาย พบว่าโคลนดินกองสูงกว่า 2 เมตร บางจุดสูงถึง 3-4 เมตรก็มี ชาวบ้านแต่ละคนก็เริ่มทยอยกลับเข้าบ้านเพื่อเคลียร์โคลน บางจุดที่เคยเป็นถนน ต้องใช้แบคโฮทยอยตักออกเพื่อเปิดทาง แต่ตลอดทั้งวานนี้ เคลียร์ไปได้นิดเดียวเท่านั้น ก่อนยุติภารกิจในช่องค่ำ เพราะติดปัญหาเรื่องความมืด


ขณะที่ชาวบ้านพยายามเคลียร์ดินออกจากหน้าบ้านตัวเอง อย่างน้อยขอให้เปิดประตูบ้านได้ก่อน บางจุดใช้จอบ ใช้เสียม บางจุดใช้ทั้งจอบทั้งเสียม รวมทั้งถัง เร่งตักออกก่อนดินจะแห้ง


ผู้สื่อข่าวสำรวจต่อ พบผู้ประสบภัยท่านหนึ่ง คือ คุณเอ (นามสมมติ) นั่งอยู่บริเวณหน้าบ้านในท่าทีอ่อนแรง ใช้เพียงแก้วใบเล็ก ๆ ตักน้ำ ที่ท่วมอยู่หน้าบ้านสาดโคลนที่เกาะอยู่บนประตูออก เพื่อหวังว่าจะเข้าไปสำรวจภายในบ้าน ซึ่งภาพนี้เป็นภาพในช่วงเที่ยงวัน กระทั่งช่วงค่ำ 18.00 น. ทีมข่าววนกลับมาสำรวจในพื้นที่อีกครั้ง ได้พบกับผู้ประสบภัยท่านนี้อีกครั้ง ที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปสำรวจภายในบ้านให้ได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จเพราะโคลนในบ้านหนามาก


ทีมข่าวได้พูดคุยสอบถาม เจ้าตัวบอกว่า วันนี้คงเปิดไม่ได้แล้ว ก่อนจะพาขึ้นไปดูชั้น 2 และเห็นสภาพว่าโคลนเต็มไปหมด ซึ่งชั้น 2 เองก็ยังเปิดหน้าต่างเข้าไม่ได้ เจ้าตัวบอกว่า หมดไปทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ต้องประคองสติให้รอดพ้นไปก่อน


นอกจากนี้ ทีมข่าวได้เจอกับ ป้าจาม อายุ 63 ปี กำลังเดินกลับบ้านเอาข้าวไปให้ลูกชาย ซึ่งบ้านลูกชายป้าจามอยู่หลังหน้า บ้านป้าจามอยู่ด้านหลัง ซึ่งทั้งสองหลังโคลนดินสูงเทียบชั้น 2 ของบ้าน ปกติบ้านป้าจาม ทางเข้าอยู่ข้างกำแพงบ้านลูกชายหลังแรก แต่ถูกโคลนถมไปหมด ป้าจามต้องใช้วิธีการเดินขึ้นกองโคลน ก่อนปีนกำแพงบ้านลูกชาย ไปปีนหลังคา ก่อนจะขึ้นไปถึงบ้านตัวเองได้ที่ยังพออาศัยได้บนชั้น 2


จากนั้นป้าจาม ได้พาทีมข่าวไปสำรวจความเสียหายในบ้านชั้นล่าง ที่โคลนเต็มบ้านชั้น 1 ทับถมข้าวของเสียหายทั้งหมด ระหว่างเดินลงบันไดไปสำรวจได้ยังไม่กี่ขั้นบันได ป้าจามเห็นสภาพบ้านตัวเอง ถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก จังหวะนี้เป็นจังหวะที่ลูกสาวที่อยู่ต่างจังหวัดโทรศัพท์มาสอบถามสถานการณ์พอดี ป้าจามรับสาย ก่อนร้องโฮเล่าสถานการณ์บ้านของตัวเอง ทั้งน้ำตา ทำนองว่า บ้านเสียหายหมดเลยลูก น้ำมาถึงชั้นสองเลยลูก ข้าวก็ยังไม่ได้กิน


จากนั้นป้าจาม เล่าให้ทีมข่าวฟังต่อว่า บ้านเสียหายทั้งหมด ตอนน้ำมาเอาอะไรขึ้นมาไม่ได้เลย สามีก็ป่วยและเป็นความดัน ขนอะไรช่วยไม่ได้มากนัก คนก็ไม่ให้ยก ไม่ให้ปีน เพราะกลัวเป็นลม ป้าจามบอกว่า เรื่องการฟื้นฟูไม้รู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อ คิดอะไรไม่ออกเลย ไม่รู้จะฟื้นฟูยังไง ทางออกก็ไม่มี โคลนจะเอาไปทิ้งที่ไหนก็ยังไม่รู้ ตอนนี้เครียดมาก ตั้งแต่วันที่น้ำมานอนไม่หลับเลยสักคืน ตลอดทั้งวันยังไม่กินข้าวสักเม็ดเลย เพราะว่ากินไม่ลงเนื่องจากว่าเครียดมาก ร้องไห้จนไม่รู้จะเอาน้ำตาไปไว้ที่ไหนแล้ว เห็นสภาพบ้านทีไรก็ร้องทุกครั้ง จากนี้ไม่รู้จะไปเอาที่ไหนมากินแล้ว


นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เจอกับ คุณศรีนวล อายุ 45 ปี และคุณวิชัย อายุ 48 ปี ที่กำลังช่วยกันทำเอาโคลนออกจากหน้าบ้านอยู่ ทั้งสองปีนขึ้นไปสำรวจความสูงให้ทีมข่าวดู พบว่าสูงเกิน 2 เมตร แทบจะติดเพดานของชั้น 1


ทั้งสอง เล่าว่า พอเห็นสภาบ้านแล้ว แทบไม่อยากจะอยู่เลย เห็นแล้วรับไม่ได้ เพราะมันหนักเกิน จุดนี้ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเลย ไม่รู้ว่าไม่มีหรือยังเข้าไม่ถึง ส่วนการกำจัดโคลน ทำความสะอาดบ้าน ไม่รู้ 1 เดือนจะเสร็จหรือไม่ เพราะยังเข้าบ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ โคลนปิดประตูแน่น สภาพด้านในบ้านก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าจะเสียหายอย่างไรบ้าง ขนาดหน้าบ้านยังขนาดนี้ไม่รู้ด้านในจะขนาดไหน ตอนนี้ท้อมาก เหมือนกับเราหมดตัว ไม่เหลืออะไรเลย


ทั้งสองฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า อยากให้เข้ามาช่วยเหลือไม่รู้ว่าเข้าไม่ถึงหรืออย่างไร ตั้งแต่น้ำท่วมมาไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาจุดนี้เลย มีแต่ชาวบ้านช่วยกันเอง


พร้อมกันนี้ ในช่วงค่ำ ที่ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจความเสียหายอีกครั้ง ได้เจอกับ คุณวันดี คุณจิราภา และครอบครัว พากันกำลังทยอยเก็บของ และทรัพย์สินที่ยังเหลืออยู่ขึ้นออกจากบ้าน พร้อมกันนี้ทั้งหมดพาทีมข่าวเดินสำรวจบริเวณบ้าน พร้อมเล่าว่า โคลนขึ้นไปถึงชั้น 2 ของบ้าน เพิ่งเคลียร์บนชั้นเสร็จโดยตักเอาน้ำที่ท่วมอยู่นี่แหละมาชำระล้างในเบื้องต้น ซึ่งทุกคนกังวลมากเรื่องการฟื้นฟู เพราะนอกจากโคลนสูงทะลุเข้าไปมาบ้านแล้ว ยังพบว่าโคลนกินพื้นที่จากหน้าบ้าน ยาวไปในบ้านเกือบ 10 เมตร


ทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด ใต้โคลนคือทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็น รถ จยย. ข้าวของเครื่องใช้อุปกรณ์การครัว เครื่องทำกิน อยู่ใต้โคลนทั้งหมด ที่เก็บมาได้คือหม้อใบเดียวที่ลอยน้ำและคว้าทัน หากเอาอาหารแห้งมาให้ ก็ยังทำกินไม่ได้


จากนั้นทั้ง 2 คน เปิดใจกับทีมข่าวด้วยความอัดอั้นใจ ต่อว่า ชุมชนถ้ำผาจม เป็นชุมชนที่ถูกลืม ตั้งแต่วันแรกที่น้ำมาการช่วยเหลือเข้ามาไม่ถึงจุดนี้ ที่เป็นจุดแรกด้วยซ้ำ เพราะเป็นต้นน้ำ ชาวบ้านช่วยกันเอง มันหดหู่ใจมาก รู้สึกน้อยใจในเรื่องนี้


ทั้งสองบอกว่า ขอเป็นตัวแทนบอกว่าให้มาช่วยหมู่บ้านถ้ำผาจมด้วย อยากรบกวนขอให้นายกฯลงพื้นที่ เน้นกำชับเคลียร์พื้นที่ให้ชาวบ้านอย่างเร่งด่วน ก่อนยกมือไหว้อ้อนวอนและกล่าวขอบคุณว่า “หนูขอละค่ะ หนูขอละค่ะ ขอเป็นตัวแทนของหมู่บ้าน วอนให้มาช่วย”


เมื่อทั้งสองเปิดใจเสร็จ แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ก่อนบอกว่ามันเป็นความรู้สึกที่อัดอั้น เราอยู่ตรงนี้ 3 คืน หลายบ้านมีเด็ก หลายบ้านมีคนแก่ เราออกไม่ได้


ช่วงหนึ่งทีมข่าวเดินสำรวจต่อในชุมชนถ้ำผาจม ได้เจอช่วงที่ชาวบ้าน 5-6 คน ช่วยกันขุดเอารถ จยย. ที่ถูกโคลนทับนับ 10 คัน บางคันเห็นแค่กระจกรถ 1 ข้าง บางคันไม่เจออะไรเลย แต่ชาวบ้านที่เจ้าของรถที่จอดไว้ตรงจุดนี้มายืนรอช่วยกันค่อย ๆ ขุด โดยใช้จอบ ใช้เสียบ ถ้าโคลนแน่นก็เอาถังไปตักน้ำที่คลองชุมชน ที่ไหลมาจากแม่น้ำสาย เอามาราด แล้วใช้จอบค่อย ๆ เอาโคลนออก พอคาดว่าสามารถยกได้ ก็เอาผูกเชือกไว้กับตัวรถ ก่อนนำไม้ไผ่เป็นตัวยกช่วยกันคนละข้าง ซึ่งครั้งแรกกว่าจะสามารถขุดและยกออกมาได้ ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ySCKAUoXPZs

คุณอาจสนใจ

Related News