สังคม

เจ้าของฟาร์มกัญชา เปิดบ้านท้าพิสูจน์กลิ่น หลังเพื่อนบ้านร้องเรียน แจงอีก 4 เดือนพร้อมย้ายออก

โดย nattachat_c

11 ก.ย. 2567

85 views

เจ้าของฟาร์ม เปิดบ้านท้าพิสูจน์กลิ่นกัญชา ยืนยัน ได้รับอนุญาตถูกต้อง เหลือสัญญาเช่าพื้นที่ 4 เดือน พร้อมย้ายออก ขอโทษเพื่อนบ้าน บอกทำเต็มที่แล้ว  ด้านเพื่อนบ้านหวังให้ออกไปเร็ว ๆ ลั่น ทุกคนควรได้รับอากาศบริสุทธิ์ ไม่ใช่มาถูกทำลายบรรยากาศในชุมชน – ขณะที่ จนท.เขตพระโขนง รุดทดสอบ ดมกลิ่น 30 นาที รอผลวันนี้ (11 ก.ย. 67) พบก่อนหน้าเคยพุ่งถึงระดับ 4 เกินค่ามาตรฐาน


กรณีเพื่อนบ้าน ในพิ้นที่เขตพระโขนง ร้องเรียนข้างบ้านว่ามีการเช่าพื้นที่บ้านปลูกฟาร์มกัญชา ส่งผลทั้งเรื่องกลิ่น ความเสียงดัง หนำซ้ำทำให้ผนังกำแพงที่ใช้ร่วมกันชื้น เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินโป่งพอง และปลวกขึ้น ร้องสำนักงานเขตหลายครั้งแต่เจ้าของฟาร์มกัญชาก็ไม่มีการปรับปรุง


ความคืบหน้าวานนี้ (10 ก.ย.67) ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ลงพื้นที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นลักษณะอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นครึ่ง ที่ทำเป็นฟาร์มกัญชาที่ถูกร้องเรียน ได้พบกับเจ้าของ คือ คุณเอ (นามสมมุติ) ทันทีที่นักข่าวไปถึง เธอพร้อมเปิดฟาร์มให้เข้าไปพิสูจน์ทั้งเรื่องกลิ่นและเสียง


เมื่อทีมข่าวเข้าไปภายในตัวบ้าน ก็ได้กลิ่นของกัญชาชัดเจน เพราะภายในบ้านเปิดแอร์ และมีอากาศวนเวียนตลอดเวลา ส่วนตอนที่อยู่ภายนอกบ้านนั้นได้กลิ่นเล็กน้อยในช่วงที่มีลมพัด แต่หากไม่มีลมก็จะไม่ได้กลิ่น


เมื่อเข้าไปในบ้านสิ่งแรกที่เธอโชว์ก่อนคือเรื่องของใบอนุญาต ที่ติดไว้ราวบันได

ใบที่ 1 เป็นใบประกาศณียบัตรจากกรมแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกฯ มอบให้เนื่องจาก สำเร็จการอบรมหลักสูตรพื้นฐานกัญชาทางแพทย์แผนไทย เมื่อวันที่ 1 ก.ค.67


ใบที่ 2 เป็นเอกสารการจดแจ้งการปลูกกัญชา กัญชง ผ่านแอพลิเคชั่นปลูกกัญชา กัญชง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปลูกจำนวน 250 ต้น ในพื้นที่ 51.22 ตร.ม. เหตุผลการปลูกคือ จดแจ้งเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ซึ่งในเอกสารระบุถึงสาเหตุที่ปลูกอีกด้วยว่า เพื่อบทพิสูจน์แนวคิดการทำฟาร์มในร่ม เอกสารลงวันที่ 5 พ.ค .67


ใบที่ 3 เป็นใบอนุญาตส่งออกสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า


ใบที่ 4 เป็นใบอนุญาตจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า


จากนั้นคุณ เอ (นามสมมุติ) เจ้าของฟาร์ม ได้พาทีมข่าวขึ้นไปดูบนห้องที่ปลูกต้นกัญชา ซึ่งอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งมีพื้นที่ปลูก 1 ห้อง จำนวนไม่ถึง 100 ต้น ซึ่งตามภาพพบว่าต้นกัญชาล็อตนี้อายุ 2 สัปดาห์ ยังไม่ออกดอก ซึ่งห้องนี้พอเข้ามาแล้วจะมีกลิ่นเขียวเล็กน้อย


นอกจากนี้ เธอยังอธิบา ว่า ในห้องนี้มีเครื่องดูดเครื่องดูดความชื้นที่ติดตั้งไว้ และคาร์บอนไดออกไซด์ ชจำนวน 1 ถัง เท่านั้น ส่วนเครื่องปรับอากาศมีห้องละ 2 ตัว ซึ่งเปิดสลับกัน ระหว่างกลางวันกับกลางคืน นอกจากนี้ ตนทำระบบน้ำหยด สำหรับรดน้ำต้นกัญชา ตนจึงมั่นใจว่า ไม่มีน้ำรั่ว-น้ำซึม จนทำให้เกิดความชื้นและมีเชื้อราลามไปขึ้นข้างบ้าน และการปลูกกัญชาจะต้องดูแลเรื่องความสะอาด ความชื้น ห้ามไม่ให้เกิดเชื้อราขึ้นโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ต้นกัญชาติดโรคเสียหาย


น.ส.เอ เล่าวว่า ตนมาเช่าบ้านหลังนี้เมื่อ เดือน ก.พ. 2567 โดยมีสัญญาเช่า 1 ปี ตอนนี้เช่ามา 8 เดือนแล้ว เหลือสัญญาค่าเช่าเดือนละ 40,000 บาท ตนเริ่มได้รับการร้องเรียนเรื่องกลิ่นกัญชาประมาณเดือน มิ.ย.67 ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังออกดอก แต่ ณ ตอนนี้ดอกยังไม่ออก เพราะอายุเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น  ยืนยันว่าวัตถุประสงค์คือเพื่องจำหน่ายและส่งออก และมีใบอนุญาตถูกต้องทุกอย่าง และมีเจ้าหน้าที่มาตรวจเช็กก่อนอย่างเป็นทางการ


ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา มีการร้องเรียนจากเพื่อนบ้านหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องกลิ่น แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมจากสำนักงานเขตพระโขนงมาพิสูจน์กลิ่นแล้วด้วย ซึ่งบางครั้งที่เจ้าหน้าที่บอกว่ามีกลิ่นเล็กน้อย บางครั้งก็ระดับ 4 จาก 5 ระดับ เราเองก็พยายามแก้มาตลอด ส่วนเรื่องกลิ่นน่าจะมาจากตัวดอก แต่เมื่ถามถึงเรื่องการสูบ เจ้าตัวบอกว่า เราเป็นคนขายอาจจะมีสูบเพื่อเทสต์ดูบ้าง แต่ไม่ได้บ่อยครั้ง


เมื่อถามว่า ล่าสุดเพื่อนบ้านยังมีการร้องเรียนอยู่ มีอะไรอยากสื่อสารกับเพื่อนหรือไม่ เจ้าของฟาร์ม บอกว่า เราก็อยากขอโทษ แต่เราก็อยากอธิบายขั้นตอนการทำเช่นกันว่าเป็นอย่างไร ไม่รู้จะพูดยังไง เราเพิ่งอยู่มาแค่ 8 เดือน เราลงทุนไปเยอะแล้ว หมดเงินไปแล้ว 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งบ้านเช่าจะหมดสัญญาอีก 4 เดือนข้างหน้า ซึ่งตนก็จะย้ายออกแล้ว ไม่อยู่แล้ว อาจจะไปหาพื้นที่ใหม่ในการดำเนินการ


พร้อมกันนี้ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เวลามีปัญหา เพื่อนบ้านจะร้องเรียนผ่านเอเจนซี่มากกว่า แล้วให้เอเจนซี่บ้านเช่ามาแจ้งเรา ส่วนจากนี้ หากเขามองว่าสิ่งที่เราชี้แจงเป็นการแก้ตัว ตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร เราก็ทำเต็มที่ของเราแล้ว


ถาม่า ชาวบ้านมองว่าฟาร์มกัญชาไม่ควรมาอยู่ในชุมชนตั้งแต่แรกแล้ว คิดเห็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวบอกว่า ขอโทษ เราพยายามแก้ไขทุกอย่างแล้ว  มันเป็นครั้งแรกของเราหลายอย่าง ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่แทบนอนไม่หลับเลย เพราะว่าเครียด วิตกกังวล และที่ผ่านมา พยายามนิ่งมาตลอด และให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตลอด


คุณเอ เล่าต่อว่า ล่าสุด ตนได้รับโนติส จากเพื่อนบ้านรายหนึ่ง ส่งมาเรียกค่าเสียหาย 291,698 บาท อ้างว่าได้รับผลกระทบจากความชื้น และแรงสั่นสะเทือนจากฟาร์มกัญชาของตนอีกด้วย แต่ยืนยันว่าจะเดินหน้าสู้ และพิสูจน์ให้ถึงที่สุดก่อน


ขณะเดียวกันทีมข่าวได้คุยกับเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบ 2 คน คือเพื่อนบ้านที่ปลวกกินเฟอร์นิเจอร์ และอาม่า


โดยเพื่อนบ้านที่ปลวกกินเฟอร์นิเจอร์ ให้สัมภาษณ์หลังเจ้าของฟาร์มชี้แจง ว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าระบบเขาเป็นอย่างไร แต่ถ้าป้องกันดีจริง เราต้องไม่ได้รับผลกระทบหรือเปล่า หากเรายังได้กลิ่น ได้ยินเสียงอยู่ นั่นคือปัญหาที่คุณก่อ ส่วนที่เจ้าของฟาร์มยืนยันว่ามีใบอนุญาตก็เป็นเรื่องขอเขา แต่ที่แปลกคือปลูกมาตั้งแต่ช่วงมีนาคม พอเดือนเมษายน เป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบ แล้วไปแจ้งเขตพอดี แต่เห็นในใบจดแจ้งคือช่วงเดือน พ.ค. 67 แล้วก่อนหน้านั้น ปลูกด้วยใบอนุญาตอะไร แล้วการที่เปิดฟาร์ม มีการรดน้ำ เปิดแอร์ตลอด ไม่มีฉนวนหุ้ม หรืออะไรก็ตามแต่ คล้ายกับขาดความรู้แล้วมาทำ มองแต่ว่าอยากได้โลเคชั่นดี แต่สุดท้ายเป็นการมาทำลายบรรยากาศของชุมชน


ส่วนที่บอกว่าอีก 4 เดือนจะย้ายออกแล้ว คิดเห็นอย่างไรบ้าง เพื่อนบ้านบอกว่า ให้เขาอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ปลูกอะไร แต่นี่กลับสร้างปัญหาเหมือนเดิม ในเมื่อถึงจุดที่ควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว ควรหยุดหรือไม่ ส่วนกลิ่นตอนนี้ลดลง แต่ที่พีคสุดคือช่วง มิ.ย. น่าจะเป็นช่วงที่ออกดอก ส่วนเสียง เดือน ส.ค.ไม่มีเสียง แต่ ก.ย. เสียงกลับมา เพราะเพิ่งทราบว่ามาปลูกใหม่


ส่วนเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม มองว่า ควรมีสำนึกต่อสังคม เพราะที่นี่คือที่พักอาศัยบ้านเรามีเด็ก ตรงข้ามมีอาม่า รอบ ๆ นี้ มีคนป่วย แต่ต่อให้มีหรือไม่มีคนป่วย ทุกคนควรได้รับอากาศบริสุทธิ์ มีชีวิตที่ปกติสุข


เพื่อนบ้านรายนี้ ยังบอกอีกว่า ตนได้ปรึกษาทนายความ และได้ยื่นโนติส ให้เจ้าของฟาร์มแล้ว พร้อมเรียกค่าเสียหาย 2.9 แสนบาท กรณีที่เฟอร์นิเจอร์เสียหาย ส่วนที่อีกฝ่ายบอกว่าให้พิสูจน์กันให้ถึงที่สุด ก็มองว่าตามสบาย ก็มาพิสูจน์กัน


ขณะที่ อาม่า เพื่อนบ้านอีกหลังที่ได้รับผลกระทบ บอกว่า อยากให้ย้ายออกเร็ว ๆ ก็ดี ตอนนี้ได้รับผลกระทบมาก ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดหน้าต่างเลย แต่พอเปิดออกมาก็จะได้กลิ่น ทุกวันนี้ เวลาได้กลิ่น ก็ยังรู้สึกเวียนหัว คอแห้ง รวมทั้งอาเจียนออกมา แต่บางครั้งมันก็ปฏิเสธที่จะออกมาจากบ้านไม่ได้ จากนี้ขอเตือนว่า อย่าไปเช่าตึกแถวทำธุรกิจแบบนี้ เพราะคนอื่นเดือดร้อน เดือนร้อนจริง ๆ มองว่าไม่ควรมาทำแบบนี้ในที่ชุมชน ตอนนี้อึดอัดมาก กลางคืนก็นอนไม่หลับ


ขณะเดียวกัน ช่วงบ่ายวานนี้ (10 ก.ย. 67) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตพระโขนง นำโดยนางสาวณัฐภัท ชัยรัตน์ นักวิชาการสุขาภิบาลชำนาญการพิเศษ หัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตพระโขนง ลงพื้นที่บ้านหลังดังกล่าว


โดยใช้กฎหมายตามอำนาจของเขต คือ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 มาดูเรื่องเหตุเดือดร้อนรำคาญ โดยมีเจ้าหน้าที่ประเมินกลิ่นภาคสนาม ที่ผ่านการอบรมและใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 ราย ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเป็นเวลา 30 นาที ซึ่งเกณฑ์การประเมินการรับรู้กลิ่นของเจ้าหน้าที่ จะมีทั้งหมด 5 ระดับ คือระดับ 1-5 ก่อนการทดสอบจะมีการทดสอบทิศทางลมด้วยธงปลาคราฟก่อน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยืนพิสูจน์กลิ่นบริเวณหน้าบ้าน จากนั้นนำผลมาเฉลี่ยกัน


ซึ่งผลการทดสอบเมื่อวานนี้ (10 ก.ย. 67) ผลจะออกในวันนี้ (11 ก.ย. 67) โดยก่อนหน้านี้ ทางเขตเคยลงพื้นที่มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 18 มิ.ย. 67 อยู่ในระดับที่ 4 ค่าเกินมาตรฐานจะอยู่ในระดับ 4 หรือระดับ 5 ถือว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ทางเขตเลยออกคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไข เบื้องต้น สั่งให้ดำเนินการภายใน 7 วัน ต่อมาครั้งที่ 2 วันที่ 21 ส.ค. อยู่ในระดับที่ 2 กลอ่นลดลง คาดว่าเป็นช่วงเดือนที่ทางฟาร์มได้ตัดกัญชาขายไปแล้ว ส่วนเรื่องความชื้นไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของเขต เพราะไม่ได้อยู่ในข้อกฎหมาย


สำหรับการตรวจสอบครั้งล่าสุด หากพบว่ายังกลิ่นอยู่ในระดับ 4 อยู่ แสดงว่ามาตรการที่ทำมาแล้วมีการปรับปรุงแก้ไข ยังไม่ดีพอ ก็ต้องดำเนินการตามมาตรการของกฎหมาย คือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ เป็นการแก้ไขปรับปรุงที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีโทษตามกฎหมายทั้งจำและปรับ เป้นการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขมีโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาท และจำคุก 3 เดือน


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/9P2TleoG2qY








คุณอาจสนใจ

Related News