สลด! น้องชายยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ แค้นใจพี่สาวไม่ให้ร่วมจัดงานศพแม่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 10 กันยายน 2567 พ.ต.ต.ปัญญา สงนวล สารวัตรเวร สภ.ศรีบรรพตพัทลุง รับแจ้งจากพลเมืองดี มีเหตุยิงกันจนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ก่อนผู้ก่อเหตุ หลบหนี หลังรับแจ้ง จึงเดินทางพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. ศรีบรรพต และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยเจ้าหน้าที่พิสูจน์พัทลุงรุดที่เกิดเหตุ


ในที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตนอนเสียชีวิต ทราบชื่อนาง นิตยา อายุ 67 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 มม เข้าบริเวณศีรษะ รวม 3 นัด อยู่บริเวณเก้าอี้ในศาลาวัดบริเวณจัดงานศพในสภาพนอนตะแคงข้างและมีกองเลือด เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บภาพเพื่อบันทึก นอกจากนี้ยังพบหัวกระสุน 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน


จากการสอบถามญาติ ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่าก่อนมีการยิงกันนี้ ทางครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้จัดงานศพผู้เป็นแม่ที่เสียชีวิต หลังเสร็จพิธีน้องชาย ทราบชื่อนายทวีศักดิ์ อายุ 60 ปี ได้นำปืนออกจากกระเป๋าจ่อหัวพี่สาว จนตกเก้าอี้ และได้ยิงซ้ำจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ


ขณะที่ชุลมุนวุ่นวายนายทวีศักดิ์ ผู้ก่อเหตุก็ได้จังหวะหนีออกจากที่เกิดเหตุทันที โดยเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุคือวัด เป็นสถานที่สักการะและปฏิบัติธรรม ที่ปกติแล้วเป็นพื้นที่สงบ


ต่อมา นายทวีศักดิ์ น้องชายที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อไปและขอจะมอบตัว โดยไม่คิดที่จะหนี เบื้องต้นขณะที่ตำรวจ รออยู่บ้านผู้ก่อเหตุ นายทวีศักดิ์ ได้ขับรถจักรยานยนต์ มาที่บ้านและมอบตัว พร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ


มูลเหตุที่ทำในครั้งนี้ นายทวิศักดิ์ กล่าวว่าเกิดจากความคับแค้นในที่พี่สาวไม่ให้ร่วมจัดงานศพผู้เป็นแม่ที่เสียชีวิต โดยพี่สาวและพี่เขย ไม่ให้ร่วมทำบุญ และกีดกันทุกอย่าง กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะนอนเฝ้าศพแม่ที่ศาลาดังกล่าว คิดมาตลอดว่าทำไมพี่สาวใจดำแบบนี้ ขนาดแม่ที่ตายไปก็ไม่ให้ร่วมจัดงาน จึงเกิดความคับแค้นใจ โดยวันนี้หลังจากสวดศพผู้เป็นแม่เสร็จ ก็คิดอยู่ในใจตลอด จึงได้ยิงพี่สาวด้วยความคับแค้นใจดังกล่าว


ก่อนตำรวจจะนำไปสอบปากคำที่ สภ.ศรีบรรพต ทางนายทวีศักดิ์ ได้กล่าวอำลาภรรยา ว่าดูแลตัวเองดี ๆ นะ วัวที่เลี้ยงให้ขายออกไปก่อน และยางพาราที่กรีด ก็ขอให้กรีดในยามที่จำเป็น เพราะภรรยาร่างกายก็ไม่แข็งแรง และฝากขอโทษทุกคนที่ตนเองกระทำลงไป แต่ด้วยความคับแค้นใจไม่มีทางออก