เจ้าของฟาร์ม เปิดบ้านท้าพิสูจน์กลิ่นกัญชา-ความชื้น ยันแก้ไขมาตลอด แต่เพื่อนบ้านร้องเรียนไม่หยุด

จากกรณีเพื่อนบ้านย่านพระโขนง ร้องเรียนฟาร์มกัญชาส่งกลิ่นและเสียงรบกวน จนอาม่าอายุ 84 ปี แสบตา คอแห้ง เวียนหัว ล่าสุดเจ้าของฟาร์ม เปิดฟาร์มท้าพิสูจน์กลิ่น บอกว่าแก้ไขตามข้อร้องเรียนมาตลอด แต่ก็ถูกร้องเรียนไม่หยุด เชื่อต้องการเรียกค่าเสียหายกว่า 300,000 บาท

ทีมข่าวช่อง 3 เดินทางไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านพระโขนง กรุงเทพฯ พบบ้านหลังดังกล่าวเป็นลักษณะอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นครึ่ง โดยมี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี เจ้าของฟาร์มกัญชา เปิดฟาร์มให้ท้าพิสูจน์เรื่องกลิ่นและเสียง พร้อมให้ดูใบอนุญาต ซึ่งที่ฟาร์มได้รับอนุญาตให้ปลูก จำหน่าย และส่งออกช่อดอกกัญชา

โดยฟาร์มกัญชาแห่งนี้ มีห้องสำหรับปลูกกัญชาทั้งหมด 2 ห้อง คือบริเวณชั้น 2 และชั้น 3 ก่อนขึ้นไปต้องมีการสเปร์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อด้วย ซึ่งห้อง A สามารถปลูกกัญชาได้ 60 ต้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการเตรียมสถานที่ เพราะตัดดอกขายไปแล้วเมื่อเดือนก่อน

ส่วนห้อง B ตอนนี้มีกัญชา 80 ต้น อายุ 2 สัปดาห์ ยังไม่ออกดอก ซึ่งห้องนี้พอเข้ามาแล้วจะมีกลิ่นเขียวเล็กน้อย โดย น.ส.เอ พาไปดูเครื่องดูดความชื้นที่ติดตั้งไว้และถังคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 1 ถัง ซึ่งไม่ตรงกับที่คู่กรณีให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวานนี้ ว่าฟาร์มของตนเองมีถังคาร์บอนเป็น 10 ถัง กลัวว่าจะเกิดการระเบิด

ส่วนเครื่องปรับอากาศมีห้องละ 2 ตัว ซึ่งเปิดสลับกันกลางวันกับกลางคืน นอกจากนี้ ตนทำระบบน้ำหยด สำหรับรดน้ำต้นกัญชา ตนจึงมั่นใจว่า ไม่มีน้ำรั่ว น้ำซึมจนทำให้เกิดความชื้นและเชื้อราลามไปขึ้นข้างบ้าน การปลูกกัญชาจะต้องดูแลเรื่องความสะอาด ความชื้น ห้ามไม่ให้เกิดเชื้อราขึ้นโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ต้นกัญชาติดโรคเสียหาย

ส่วนเรื่องกลิ่น น.ส.เอ บอกว่า ตนมาเช่าบ้านหลังนี้เดือน ก.พ. 2567 สัญญาเช่า 1 ปี ตอนนี้เช่ามา 8 เดือน ค่าเช่าเดือนละ 40,000 บาท ตนเริ่มได้รับการร้องเรียนเรื่องกลิ่นกัญชาประมาณเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังออกดอก และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพระโขนง ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบทิศทางลมและเรื่องกลิ่น ซึ่งทิศทางลมไม่ได้พัดไปทางฝั่งบ้านผู้ร้องเรียน แต่เรื่องกลิ่นเจ้าหน้าที่สรุปว่า ส่งกลิ่นรบกวนในระดับ 4

ตนก็พยายามแก้ไขทุกอย่าง ซื้อเครื่องฟอกอากาศระบบปิด ไม่ได้ระบายอากาศออกไปด้านนอกบ้านเลย ซื้อผ้าม่านมาติดและใช้กระดาษฟอยล์อุดตามรูขอบหน้าต่างเพื่อป้องกันกลิ่น แต่ก็ยังถูกเพื่อนบ้านคู่กรณีร้องเรียนไม่หยุด และเริ่มคุกคามบ้านของตนด้วยการเดินออกมาถ่ายรูป หันกล้องวงจรปิดมาที่บ้านของตน

ซึ่งตนได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ที่เพื่อนบ้านคู่กรณีร้องเรียนไม่หยุด เพราะต้องการเรียกค่าเสียหาย เนื่องจากมีเอกสารที่เพื่อนบ้านคู่กรณีส่งมาเรียกค่าเสียหาย 291,698 บาท อ้างว่าได้รับผลกระทบจากความชื้นและแรงสั่นสะเทือนจากฟาร์มกัญชาของตน

เรื่องนี้ตนอยากให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อนว่า ที่บ้านของคู่กรณีเกิดความชื้นจนเชื้อราขึ้นมาจากฟาร์มกัญชาของตนจริงหรือไม่ พร้อมตัดพ้อว่า ตนลงทุนทำฟาร์มกัญชาหมดเงินไปแล้ว 2 ล้านกว่าบาท ขออนุญาตทุกอย่างถูกต้อง แต่ก็มาถูกร้องเรียนในลักษณะนี้อีก ซึ่งหากครบกำหนดสัญญาตนพร้อมจะย้ายออกทันที

ขณะที่ ฝั่งของผู้ร้อง เปิดเผยหลังฟังคำชี้แจงของทางฝั่งเจ้าของฟาร์ม มองว่า เป็นข้อแก้ตัว เพราะปัญหาเกิดขึ้นจากบ้านของคู่กรณีที่ทำฟาร์มกัญชา ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้วที่เขาต้องหาทางแก้ปัญหา เนื่องจากตนเองได้รับความเดือดร้อนและเกิดความเสียหาย ตู้บิวท์อินที่ทำมาว่า 200,000 บาท ตอนนี้เกิดความเสียหายจนถึงขั้นซื้อเครื่องวัดความชื้นมาวัดค่ามาตรฐานอยู่ที่ 12% แต่พบว่าตู้บิวอินท์ที่อยู่ติดกับบ้านฟาร์มกัญชา ค่าความชื้นเกินค่ามาตรฐานไปถึง 14 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ ตนซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิมาวัดภายในห้อง ก็พบว่าผนังฝั่งที่ติดกับบ้านฟาร์มกัญชา อุณหภูมิจะต่ำกว่าจุดอื่น 1 องศา , ส่วนเรื่องปลวก ตนซื้อบ้านมาตั้งแต่ปี 2534 ยอมรับว่าเคยมีปลวกขึ้น แต่เป็นภายนอกบ้าน ตนก็แก้ไขด้วยการปรับโครงสร้างเป็นเหล็กและใช้ไม้เทียม ทำให้ปลวกลามไปกินไม้ของบ้านฟาร์มกัญชา ซึ่งตนเคยติดต่อเจ้าของบ้านไปแล้วว่า ให้ทำการแก้ไขเปลี่ยนโครงสร้าง แต่เจ้าของบ้านไม่ยอมเปลี่ยน พอตนเองทำตู้บิวท์อิน กลายเป็นว่าปลวกมันลามกลับมากินตู้บิวท์อินบ้านของตน ตนไม่ขอรออีก 4 เดือน ที่บ้านฟาร์มกัญชาบอกว่าจะย้ายออก ตนยืนยันเดินหน้าเรียกร้องค่าเสียหาย 290,000 กว่าบาท

ส่วนอาม่า อายุ 84 ปี ตอนนี้ยังหลับอยู่ เพราะกลายเป็นคนนอนดึกตื่นสาย และมีอาการแสบตา เวียนหัว คลื่นไส้และคอแห้ง ซึ่งคนที่ดูแลอาม่า เชื่อว่าน่าจะเป็นผลมาจากการสูดดมกลิ่นกัญชาเป็นระยะเวลานานกว่า 4 เดือน ซึ่งตนมองว่าอาคารสร้างมาสำหรับที่อยู่อาศัยและเป็นย่านชุมชน ไม่ควรทำเป็นฟาร์มกัญชา แม้ว่าจะได้รับอนุญาตทำฟาร์มอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ควรมีสถานที่ที่เหมาะสมมากกว่านี้