สังคม

ญาติคาใจ ชายขับรถอีแต๊กดับ ขณะตำรวจคุมตัว กู้ภัยยันไม่มีรุมประชาทัณฑ์

โดย passamon_a

9 ก.ย. 2567

238 views

ชายขับรถอีแต๊กหวาดเสียว พลเมืองดี-ตำรวจ ไล่จับ เสียชีวิตขณะคุมตัว ญาติคาใจ กู้ภัยยืนยันไม่มีรุมประชาทัณฑ์


จากกรณีตำรวจ สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุประชาชนช่วยกันไล่จับคนร้ายที่ขโมยรถอีแต๊ก และขับมาด้วยความหวาดเสียว จากที่พื้น สน.ปทุมวัน โดยมี ส.ต.ต.พรหมมินทร์ ฤทธิ์ชัยสงค์ ผบ.หมู่(ป) สน.ปทุมวัน ช่วยไล่จับ เมื่อมาถึงเชิงสะพานข้ามคลองแสนแสบ จึงใช้ปืนพกยิงเข้าที่ยางหลังด้านซ้าย 2 นัด จนยางแตก และยิงอีกนัดที่บริเวณแยกคลองตัน จนรถเสียหลักวิ่งขึ้นเกาะกลาง


จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไปถึงหน้าการไฟฟ้าบางกะปิ ชาวบ้านต่างวิ่งตามไปจับตัว กระทั่งคนร้ายหมดแรง ถูกชาวบ้านจับตัวไว้ได้ และมีกระแสข่าวว่า คนร้ายถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์จนแน่นิ่งไป และทราบภายหลังว่าเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่นำศพไปชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ


เมื่อวันที่ 8 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวสอบถาม พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าของรถอีแต๊กเอง ไม่ได้ขโมยมาอย่างที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ โดยผู้เสียชีวิตขับมาจากอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อมาหาญาติที่กรุงเทพฯ ส่วนรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย


ส่วนกรณีที่ชาวบ้านไปรุมทำร้ายจะมีความผิดหรือไม่ เบื้องต้น พ.ต.อ.พรทวี ระบุว่า ตนไม่ได้รับรายงานว่ามีการรุมประชาทัณฑ์ แต่ได้รับรายงานว่าชาวบ้านไปไล่ช่วยจับ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และประสานกลุ่มชาวบ้านเข้ามาสอบปากคำ ส่วนร่างผู้เสียชีวิต ตอนนี้อยู่ที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ต้องรอผลชันสูตรว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร แต่เจ้าหน้าที่พบยาเสพติดภายในกระเป๋าของผู้เสียชีวิต


ด้าน นายสุรกิตติ เปล่งสงวน เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนได้รับแจ้งเหตุว่าพบรถอีแต๊กขับในลักษณะหวาดเสียว โดยที่ชาวบ้านและพลเมืองดีไล่ตามไปจับผู้ขับขี่รายดังกล่าว เพราะกังวลว่าจะขับไปชนกับใครเหมือนกับเหตุการณ์รถบรรทุกคลั่งที่ถนนพระราม 4 ส่วนตำรวจที่ติดตามจับกุม ตนไม่ทราบว่าเป็นตำรวจ สน.ไหน


เมื่อมาถึงบริเวณแอร์พอร์ตลิงค์รามคำแหง รถอีแต๊กเกิดอาการเสียหลักหมุน ทำให้คนขับลงจากรถและวิ่งหนี ทำให้ชาวบ้าน พลเมืองดี และตำรวจ วิ่งไล่จับ เมื่อถึงตัว ตำรวจจึงใช้ยุทธวิธีในการสกัดจับและควบคุมตัวโดยให้คว่ำหน้า มือไพล่หลัง ใส่กุญแจมือ และประสานตำรวจท้องที่มารับตัว ระหว่างนั้นตนตรวจดูทรัพย์สินของคนขับ เพื่อหาเอกสารประจำตัว เมื่อเปิดกระเป๋าก็พบอุปกรณ์การเสพและยาบ้าจำนวนหนึ่ง จึงเรียกตำรวจให้ตรวจสอบ


ระหว่างนั้นตนเห็นคนขับอาการไม่ดี เนื่องจากปัสสาวะราด น้ำลายฟูมปาก หายใจเฮือก และตาค้าง จึงให้ตำรวจถอดกุญแจมือ เพื่อจะเช็คอาการ พบว่าไม่มีชีพจร จึงปั๊มหัวใจและใช้เครื่องช็อตไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนศูนย์เอราวัณจะมาช่วยเหลือ จากนั้นใช้เวลาปั๊มหัวใจอีกประมาณ 30 นาที จนชีพจรกลับมา แล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และทราบภายหลังว่าเสียชีวิตที่โรงพยาบาล


นายสุรกิตติ ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีการรุมประชาทัณฑ์ เพราะตัวของคนขับไม่มีร่องรอยบาดแผล ใบหน้าไม่ปูดบวม มีเพียงรอยถลอกจากการยื้อเล็กน้อยเท่านั้น


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวอารีรัตน์ อายุ 43 ปี น้องสาวของผู้เสียชีวิต ทางโทรศัพท์ ระบุว่า พี่ชาย ชื่อ นายบัญชา อายุ 45 ปี บอกว่า ปกติพี่ชายจะคอยดูแลพ่อกับแม่ที่เป็นอัลไซเมอร์ที่บ้าน ในจังหวัดฉะเชิงเทรา และทำเกษตรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ้าน พี่ชายเป็นคนสติไม่ดีอยู่แล้ว เพราะเคยรักษาอาการติดยาเสพติด แต่ไม่ถึงขั้นป่วยจิตเวช ในวันเกิดเหตุ พี่ชายเดินทางไปหาญาติแถวกรุงเทพกรีฑา จากนั้นก็มีคนมาแจ้งว่า เห็นรถอีแต๊กของพี่ชายอยู่ที่ สน.หัวหมาก ตนจึงพยายามติดต่อพี่ชาย แต่โทรไม่ติด จึงมาดูที่ สน. ก็ทราบว่าพี่ชายเสียชีวิต ตนจึงไปรับร่างพี่ชายที่นิติเวชตำรวจแล้ว และนำไปประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนผลชันสูตรต้องรออย่างละเอียดอีกครั้ง


นางสาวอารีรัตน์ บอกว่า ประเด็นที่ญาติติดใจคือ ในคลิปการจับกุม เห็นว่ามีการใส่กุญแจมือและเห็นมีคนเอาเท้าเหยียบพี่ชาย จึงกังวลว่าอาจจะทำให้พี่ชายขาดอากาศหายใจตอนนั้นหรือไม่ และอีกเรื่องที่ติดใจคือ พี่ชายไม่ได้ขโมยรถอีแต๊กมาจากใคร แต่รถอีแต๊กคันนั้นเป็นของที่บ้าน พี่ชายขับเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจทำไมข่าวถึงลงว่าขโมยไป


นางสาวอารีรัตน์ อยากให้ตำรวจและแพทย์ ตรวจสอบสาเหตุการตายของพี่ชายให้แน่ชัด ว่าเกิดจากการขาดใจขณะขณะจับกุมหรือไม่ แต่ถ้าเกิดจากการเสพยาเสพติดเกินขนาด ทางญาติก็จะยอมรับผล


ทีมข่าวยังได้โทรศัพท์สอบถาม นางสาววี หลานสาวของนายบัญชา ซึ่งเป็นคนที่อยู่กับนายบัญชาเป็นคนสุดท้าย บอกว่า ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. เธอเห็นน้าชายเข้ามาที่บ้านที่ซอยกรุงเทพกรีฑา บอกว่าขอกินน้ำ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอกำลังขึ้นนอน จึงไม่ได้คุยอะไรมาก สักพักน้าก็ขับรถออกไปข้างนอกและไม่มีใครสามารถติดต่อได้อีกเลย จนมาทราบข่าวว่ารถอีแต๊กน้าชายอยู่ที่ สน. จึงคุยกับญาติว่าเกิดอะไรขึ้น จนมาทราบว่าน้าเสียชีวิต


เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าน้าขับรถอีแต๊กออกไปที่ไหน นางสาววีบอกไม่ทราบเพราะไม่ได้ถามหรือคุยกัน และยังบอกอีกว่า น้ามีประวัติเคยเสพยาและไปบำบัด แต่หลังจากบำบัดมาแล้ว ตนก็ไม่ทราบว่าน้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกหรือไม่ เมื่อถามว่าน้ามาทำอะไรที่กรุงเทพฯ นางสาววี บอกว่า น้ามาหาลูกชาย ปกติจะมาหาเดือนละ 3-4 ครั้ง แต่สิ่งที่ตนรู้สึกติดใจคือ น้าไปเสียชีวิตตรงที่เกิดเหตุบริเวณนั้นได้อย่างไร ทั้งที่ไม่ใช่เส้นทางผ่านบ้าน


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/d7q9nmy99_w

คุณอาจสนใจ