ตาวัย 64 ขืนใจยายวัย 70 ลูกโวยโดนใส่ร้าย พ่อขาลีบไม่มีแรง ชาวบ้านแฉเคยล่วงละเมิดหญิงพิการ

ตาวัย 64 ขืนใจคุณยายวัย 70 ลูกโวยโดนใส่ร้าย ผกก.พัทลุง เผยความจริงอีกมุม จากหลักฐาน-พยานแวดล้อมเชื่อว่าเรื่องจริง แม้ผู้ต้องหายังไม่ให้การ ขณะที่ญาติเปิดภาพกล้องวงจรปิดลุงวิเชียรผู้ก่อเหตุ เดินได้ไม่ต้องมีการประคอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึก วันที่ 4 กันยายน 2567 ตำรวจ สภ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง เข้าจับกุม นายวิเชียร หรือนายไก่ อายุ 64 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง คดีข่มขืนหญิงวัย 70 ปี แล้วนำตัวไปโรงพัก แต่ปรากฏญาติขอประกันตัว เนื่องจากมีโรคประจำตัว แต่ตำรวจปฏิเสธ จึงทำให้ผู้ต้องขังอยู่ในห้องขังหลายชั่วโมง และมีอาการชัก ก่อนลูก และญาติ วอนกราบขอให้เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาล พร้อมแสดงความไม่พอใจการทำงานของตำรวจ

วานนี้ (5 ก.ย. 67) ญาติของ นายวิเชียร ได้ส่งภาพกล้องวงจรปิด ช่วงเวลา 8:50 น. วันที่ 4 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา ก่อนที่นายวิเชียรจะถูกจับให้ทีมข่าวดู ในภาพจะเห็นว่า นายวิเชียรใส่แผ่นรัดพยุงหลัง ลักษณะการเดิน ก็เดินแบบย่อง ๆ เดินไม่กี่ก้าว แต่ก็ยังลุกนั่งเดินได้อยู่

ส่วนอีกมุม เวลา 13:59 น. นายวิเชียรเดินไปที่รถพ่วงข้าง และดูเหมือนว่านายวิเชียรจะพยายามขยับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง

ซึ่งจากภาพกล้องวงจรปิด ทางญาติอยากให้ประเมินว่าสภาพร่างกายของนายวิเชียรนั้น อยู่ในสถานะที่จะสามารถไปก่อเหตุข่มขืนยายวัย 70 ได้หรือไม่ รวมถึงจะมีแรงไปกระชากลากยาย จนได้รับบาดเจ็บได้หรือไม่

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลศรีบรรพต จ.พัทลุง หลังได้รับการร้องเรียนจากญาติ และลูก ๆ ซึ่งลูกสาวนางสาววนิดา อายุ 42 ปี กล่าวว่า รู้สึกว่าการไม่ให้ประกันตัวนั้นไม่เป็นธรรม เนื่องจากพ่อมีอายุมากแล้ว และมีปัญหาด้านสุขภาพ ยืนยันว่า พ่อไม่มีเจตนาจะหลบหนี หรือข่มขู่พยาน

พ่อเป็นเจ้าของสวน เห็นผู้เสียหายอายุ 70 ปี ฐานะค่อนข้างยากลำบาก จึงให้มาทำงานในสวน ต่อมา ลูกสาวของผู้เสียหายมาขอยืมเงิน แต่ได้ปฏิเสธไป และเสนอให้มาทำงานก่อนจึงจะให้เงิน แต่ลูกของผู้เสียหายไม่ยอม จึงเอ่ยปากออกมาว่าถ้าไม่ให้ยืมเงิน จะไปแจ้งความว่าพ่อได้ข่มขืนแม่หลายครั้งแล้ว จึงย้อนกลับไปว่าก็ไปแจ้งความ หากมีหลักฐาน แต่ไม่คิดว่าจะไปดำเนินคดีแจ้งความพ่อจริง ๆ

ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด แต่ลูก ๆ ทุกคน ยังไม่เชื่อในสิ่งที่พ่อถูกกล่าวหาว่า เนื่องจากพ่อขาลีบไม่มีเรี่ยวแรง ไม่สามารถเดินด้วยตนเองได้ ต้องใช้ไม้ค้ำ จะทำอะไรก็ต้องมีคนประคองอยู่ตลอด จึงไม่เชื่อ และไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา โดยฟังความข้างเดียว ไม่เคยออกหมายเรียกพ่อไปให้ปากคำ จู่ ๆ ก็ออกหมายจับเลย

ด้านนางสุวรรณ 48 ปี ลูกสะใภ้ กล่าวว่า ไม่ปักใจเชื่อว่า พ่อสามีจะทำแบบนั้น ร่างกายตัวเองก็ยังเอาไม่ไหวเลย และจะมีแรงไปทำร้ายร่างกายคนอื่น จนได้รับบาดเจ็บ แล้วข่มขืนนั้น คิดว่าน่าจะไม่ใช่ คงจะมีอะไรแอบแฝงมากกว่านี้

ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ สอบถามลูกสาวของผู้เสียหาย พบว่ายายวัย 70 ปี นอนเจ็บอย่างน่าเวทนา ตรงแผ่นหลังมีบาดแผลเขียวช้ำ อักเสบ บวม จากรอยลาก

นางสาวปุ๊ ลูกผู้เสียหาย เล่าว่า ตอนเกิดเหตุ ไม่ได้บอกความจริง แต่หลังจากนั้นไม่นาน แม่มีอาการเจ็บ พอสอบถาม แม่บอกว่า ถูกผู้ต้องหาข่มขืน 3 ครั้ง แถมยังโดนลากมาขนำ (กระท่อม) ก่อนหนีไปหลบในน้ำ

ลูกสาวผู้เสียหาย ยังเล่าว่า ถ้าแม่เห็นรถนายวิเชียร ก็จะหนีลงไปในน้ำ แล้ววักน้ำกิน

หลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหายังเอาเงินให้แม่ 30 บาท แต่เมื่อไปถามลูก และผู้ต้องหา ไม่ยอมรับว่ากระทำจริง ถามแม่ว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก แม่บอกว่าผู้ต้องหาขู่จะฆ่าปาดคอ จนกระทั่งไปแจ้งความ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา

ต่อมา เวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พัทลุง นายอำเภอศรีบรรพต และตำรวจ ลงพื้นที่ไปหาคุณยายวัย 70 ปี เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งได้ประสานทางโรงพยาบาลศรีบรรพต เดินทางมารับตัวไปรักษาเพิ่มเติม หลังจากอาการทรุด และเจ็บตามแผ่นหลัง พร้อมกับกระดูกสันหลัง เนื่องจากมีอายุมากแล้ว

พ.ต.อ.บัญชา มีบุญ ผกก.ศรีบรรพต จ.พัทลุง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ลงพื้นที่เยี่ยมยายที่นอนเจ็บหลัง สอบถามคนในหมู่บ้าน จนกระทั่งมีหลักฐาน จึงขออนุมัติหมายจับ เห็นแล้วสงสารยาย เป็นคนต่างถิ่นแล้วมาอาศัยรับจ้างทำสวนกับลูกสาว 2 คนเท่านั้น

ส่วนเรื่องที่ญาติผู้ต้องหาโวยวายที่ตำรวจไม่ให้ประกันตัวนั้น เบื้องต้น ตำรวจขอสอบปากคำ แต่ญาติไม่ให้สอบ บอกขอให้ทนายมาก่อนแล้วให้สอบ กระทั่งบ่ายวานนี้ (5 ก.ย. 67) พนักงานสอบสวนยังไม่ได้สอบเลย เรื่องนี้จากการดูหลักฐานพยานแวดล้อมแล้ว เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แม้ผู้ต้องหายังไม่ให้การ และเชื่อถึงจะให้การปฏิเสธ ทางตำรวจก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่ได้มาจึงออกหมายจับ

ด้านคุณยายเพื่อนบ้าน กล่าวว่า รู้สึกกลัวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เพราะก่อนหน้านี้ ผู้ก่อเหตุเคยล่วงละเมิดหญิงพิการรายหนึ่งในหมู่บ้าน แต่ญาติไม่แจ้งความ เนื่องจากเยียวยากันภายใน ฝ่ายผู้ก่อเหตุเป็นคนมีเงิน และมีญาติเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ไม่มีใครกล้าเอาเรื่อง

ด้านภรรยาผู้ก่อเหตุ ยืนยันและเชื่อว่าสามีเป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมบอกอีกว่า ฝ่ายผู้เสียหายสร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อหวังจะเอาเงินพวกตน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/dCDlVkRltdM