อดีตลูกศิษย์วัดแฉพฤติกรรมเจ้าอาวาสยักยอกเงิน เป็นพยานให้หญิงผู้เสียหายว่าไม่ใช้เงินถวายวัด

(5 ก.ย.) จากกรณีผู้เสียหายที่ถูกเจ้าอาวาสวัดดัง ย่านลำลูกกาคลอง 13 ยืมเงินไปเกือบ 10 ล้านบาท และบอกให้ผู้เสียหายไปยึดโบสถ์ยึดศาลา เดินทางไปร้องเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยเหลือ



ล่าสุด คุณก๊อง(นามสมมติ) ลูกศิษย์วัดที่เป็นคนสนิทกับเจ้าอาวาส โดยจะคอยทำธุระเรื่องการเงินให้ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนเองเป็นลูกศิษย์วัด และอยู่กับเจ้าอาวาสมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยตนมีหน้าที่ถอนเงิน เก็บเงิน และจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบูรณะก่อสร้างวัด ซึ่งตอนแรกๆ ทุกอย่างก็ปกติดี จนช่วงประมาณปี 2556 เป็นต้นมา เจ้าอาวาสก็เริ่มให้ตนนำเงินไปโอนผ่านตู้เอทีเอ็ม เข้าบัญชีของหญิงคนหนึ่ง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร โดยจะให้ครั้งละประมาณ 1-2 หมื่นบาท เดือนละครั้ง ต่อมาก็เริ่มโอนถี่ขึ้น เป็นสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งตนเคยถามว่าเป็นการโอนเงินเรื่องอะไรแต่เจ้าอาวาสก็ไม่ยอมตอบ จนตั้งแต่ช่วงปี 2562 เจ้าอาวาสก็ให้ไปทำแอปพลิเคชัน Mobile Banking และหลังจากนั้นเจ้าอาวาสก็จะจัดการโอนเงินเอง ไม่ต้องฝากตนอีก



ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าอาวาสก็จะมีพฤติกรรมการหยิบยืมเงินญาติโยมหลายราย และก็จะผลัดไปเรื่อยๆ แบบนี้ตลอด นอกจากนี้ ยังมีการเอาเงินไปซื้อของต่างๆ ที่มีคนมาขาย ทั้งถ้วยชาม วัตถุมงคล แล้วก็นำไปขายต่อ แต่จะอ้างว่าของที่เอามาขายเป็นของที่มีคนมาถวายให้ ทั้งที่จริงๆ แล้วใช้เงินซื้อมา ซึ่งตนมองว่า การเป็นพ่อค้า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ จึงไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนี้



ส่วนกรณีของป้ากฤษณา ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอดและยืนยันเป็นพยานได้ว่า เงินที่ป้ากฤษณาให้เจ้าอาวาส เป็นการให้หยิบยืม ไม่ใช่เงินถวายวัด และตนเชื่อว่า เจ้าอาวาสมีเจตนาที่จะโกง หัวหมอไม่ทำเอกสารกู้ยืมเงิน อีกทั้งเงินที่ได้มา ก็จะเอาเข้าบัญชีส่วนตัว ไม่เข้าบัญชีวัด โดยอ้างว่า ถ้าเข้าบัญชีวัดการเบิกมาใช้งานจะยุ่งยากกว่า แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนเห็นว่าเงินที่ให้ตนไปทำเรื่องการซื้อของก่อสร้างจริงมีแค่ไม่กี่หมื่น



จนเมื่อปี 2566 เจ้าอาวาสได้นำเงินที่เป็นเงินทำบุญกฐินจำนวน 5 แสนบาท รวบรวมมา นับแยกมาเป็นมัดๆ มัดละ 1 แสนบาท เพื่อจะนำไปใช้หนี้คืนให้ป้ากฤษณา แล้วก็เรียกตนไปเอาเงินใส่ย่าม ซึ่งเจ้าอาวาสก็อยู่ด้วย ตอนที่เอามัดธนบัตร 500 ลงย่าม ตนรู้สึกว่า มันดูน้อย จึงถามเจ้าอาวาสก็ยืนยันว่าครบ นับมาแล้ว ตนก็เอาใส่ย่ามไป พอป้ากฤษณาเอากลับไปนับที่บ้าน ปรากฏว่าเงินหายไป 5 หมื่นบาท จึงกลับมาทวงถามกับกรรมการวัด เจ้าอาวาสก็กลัวจะโดนเล่นงาน จึงโยนความผิดมาที่ตนว่าตนเป็นคนนับเงินลงย่ามและเอาเงินไป 5 หมื่นบาท ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ทั้งที่ตนอยู่ด้วยมานาน ไม่เคยยักยอกเงินสักบาท ตนจึงรู้สึกว่าไม่อยากทำงานด้วยต่อไปแล้ว จึงลาออกมา



โดยที่ผ่านมา ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะก็เคยเป็นลูกศิษย์วัดมานาน ไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่พอเรื่องแดงขึ้นมาแล้ว ตนก็พร้อมที่จะไปเป็นพยานในชั้นศาลให้ผู้เสียหาย