สังคม

เข้าสู่วันที่ 5 ปฏิบัติการช่วย 3 คนงานอุโมงค์ถล่ม สัญญาณด้านในยังเป็นบวก แต่เจออุปสรรคหินก้อนใหญ่ขวาง

โดย thichaphat_d

29 ส.ค. 2567

191 views

ยังเข้าไม่ถึง 3 คนงานอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงถล่ม เจออุปสรรคหินก้อนใหญ่ขวางทางเข้าถึงตัวผู้ประสบภัย สั่งถอนกำลังทีมแพทย์พยาบาลออกจากอุโมงค์ เร่งวางแผนแก้ปัญหาแข่งกับเวลาเพราะอดข้าว-อดนํ้า มาเป็นเวลากว่า 4 วัน หวั่นร่างกายทนไม่ไหว ล่าสุดมีสัญญาณดีได้ยินทุบผนังตอบรับดังมาจากจุดที่รถดัมพ์ติดอยู่ คาดเป็นแรงงานชาวเมียนมาที่ติดอยู่ภายในรถแบ็คโฮ


วันนี้ (29 ส.ค.67) เข้าสู่วันที่ 5 ของปฎิบัติการช่วยเหลือ 3 คนงานที่ติดอยู่ภายในอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน  ช่วงคลองขนานจิตร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งถล่มลงมาตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ที่ติดในอุโมงค์ได้แก่

1.นายหู เสียงหมิ่น สัญชาติจีน (ผู้ควบคุมงาน)

2.นายตงซิ่นหลีน (คนขับรถแบ๊กโฮ)

3.แรงงานชาวพม่า ไม่ทราบชื่อ (คนขับรถบรรทุก)

ย้อนไปเมื่อวานนี้ (28 ส.ค.67) ทีมช่วยเหลือยังต้องทำงานแข่งกับเวลา หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้เครื่อง Life Locator ซึ่งเป็นเครื่องเรดาห์สำหรับค้นหาผู้ประสบภัยใต้ซากอาคาร แสดงผลการเคลื่อนไหว 3 จุด ที่คาดว่าจะเป็นทั้ง 3 คน ที่ติดอยู่ภายใน โดยเครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ ช่วง 15.30 น. และ 17.30 น. ของวันที่ 27 ส.ค. และทราบพิกัดชัดเจนที่ทั้ง 3 คนติดอยู่ โดยคนแรกอยู่ห่างจากจุดถล่ม  3 เมตร , คนที่สอง 6 เมตร และคนที่สาม 14 เมตร

แผนปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ คือ นำเหล็กไอบีมเข้าไปในอุโมงค์ เพื่อสร้างเฟรมหรือกรอบ หรือช่องอุโมงค์ขนาด 3 คูณ 3 เมตร เพื่อเป็นช่องทางให้รถแบ็คโฮขนาดเล็ก เข้าไปตักดินออก เพื่อจะเข้าไปยังจุดคนงานรายแรก  แต่การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะเมื่อขุดดินเข้าไป ก็จะมีกองดินถล่มลงมา จึงต้องใช้เหล็กไอบีมและไม้ท่อนขนาด 6 เมตร วางเป็นแนวหลังคาด้านบน เพื่อป้องกันดินหรือหินร่วงลงมาระหว่างขุดเข้าไป ซึ่งช่วงเช้าวานนี้ (28 ส.ค.67) เวลา 9.00 น. เจ้าหน้าที่พบสัญญาณชีพ เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวของร่างกายพบว่า ยังมีความเคลื่อนไหวที่บริเวณหน้าอก ลักษณะคล้ายหายใจ และเหลืออีกเพียง 1 เมตรเท่านั้น ก็จะขุดเข้าไปถึงคนงานรายแรก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ไปติดตามภารกิจช่วยเหลือ 3 คนงาน ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์จากทีม USAR , ปภ.และกู้ภัยไทย-จีน โดยนายอนุทิน ระบุว่า ดินที่สไลด์ลงมายังเป็นอุปสรรคในการค้นหา เจ้าหน้าที่จึงต้องฉีดปูนผสมสารเร่งการแข็งตัว และนำกระสอบทรายอุดช่องว่างด้านข้างของจุดที่ค้ำยันอุโมงค์ ส่วนสัญญาณชีพของคนงานที่จับได้ คนแรกเป็นชาวเมียนมา อยู่ภายในรถดัมพ์บรรทุกดิน / คนที่ 2 คาดว่าเป็นคนงานชาวจีน อยู่ในรถแบ็คโฮ และคนสุดท้าย เป็นนายช่างคุมงานชาวจีน น่าจะอยู่ห่างออกไปจากท้ายรถแบ็คโฮ

นายอนุทิน กล่าวว่า “ตอนนี้ปรากฎสัญญาณชีพ คนข้างในยังสู้ เราต้องไม่ท้อ เราต้องมีความหวัง แต่งานมันซับซ้อน เนื่องจากเราสู้กับแรงดันจากดินด้านบนด้วย การทำงานต้องระวัง แต่ผมมั่นใจว่า ทุกอย่างจะลุล่วงได้ เพราะทุกวินาที คือ ความคืบหน้าในการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ทุ่มสุดตัว ความพยายามจะไม่สูญเปล่า และผมก็เชื่อว่า คนข้างในก็ใจสู้เหมือนกัน”

เวลา 14.55 น. มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ขุดดินเข้าใกล้คนงานรายแรก ชาวเมียนมา ที่ติดอยู่ในอุโมงค์แล้ว และลองเคาะประตูรถที่ติดภายใน พบว่ามีสัญญาณเคาะตอบกลับมา เจ้าหน้าที่นำรถพยาบาลพร้อมทีมแพทย์ปฐมพยาบาล เข้าไปในอุโมงค์ เตรียมพร้อมทันทีที่นำตัวผู้ประสบภัยออกมาได้ ก็จะประเมินอย่างเร่งด่วนที่สุด ว่าจะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศหรือทางบก ซึ่งสิ่งที่เจ้าหน้าที่เป็นห่วงคือ การขาดน้ำและอาหาร รวมถึงความเครียดที่จะส่งผลต่อร่างกาย โดยมีรายงานว่า คนงานที่ติดอยู่บนรถดัมพ์บรรทุกดินและรถแบ็คโฮ มีขวดน้ำติดอยู่ในรถ แต่นายช่างชาวจีนที่อยู่ด้านนอก น่าเป็นห่วงว่าจะไม่มีน้ำดื่ม  

ต่อมาเวลา 16.20 น. นายอนุทินอัปเดตสถานการณ์อีกครั้ง โดยบอกว่า เจ้าหน้าที่ยังคงขุดดินเข้าไป ซึ่งเหลือไม่ถึง 1 เมตรก็จะถึงตัวผู้ประสบภัย แต่เป็น 1 เมตรที่ยากลำบาก เพราะพบหินตามจุดต่างๆ ต้องใช้เวลาในการสกัดหิน แต่สัญญาณต่างๆ ยังเป็นในด้านบวก ยังมีการตอบสนอง และคาดว่ามีโพรงอากาศอยู่ด้านใน โดยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอกเตรียมพร้อมหมดแล้วทั้งเรื่องการปฐมพยาบาล การเคลื่อนย้ายส่งต่อผู้ป่วย

“อุปกรณ์ บุคลากรต่าง ๆ ครบหมดแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ความยากอยู่ที่หน้างานทำอย่างไรที่ขุดไปแล้วโครงสร้างไม่ถล่ม ข้างบนดินบางมาก ต้องภาวนาไม่ให้มีฝน” นายอนุทินกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่า จุดที่คนงานรายแรกติดอยู่ ห่างจากเครื่องขุดในรัศมี 1.2 เมตร  แต่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเครื่องขุดเจาะ ต้องขุดทแยงลงไปอีก 0.8 เมตร โดยใช้รถแบ็กโฮ

โดยนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุมภ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา บอกว่า เจ้าหน้าที่กำลังขุดดินในแนวดิ่งกึ่งทแยงมุม เนื่องจากถ้าขุดในแนวดิ่งลงไปจะเจอกับหินก้อนใหญ่ ซึ่งจะเป็นการทำงานที่ยากพอสมควร เพราะช่องที่คนจะเข้าไปทำงาน จากเดิม 3 เมตร จะเหลือไม่เกิน 1 เมตร และต้องใช้แรงงานคนขุดดิน เมื่อเจอหินขนาดใหญ่ขวาง ก็ต้องหาทางสกัดหิน เบื้องต้นคาดว่า ส่วนที่มีหินค้างอยู่นั้น อาจจะเป็นตัวรถ เพราะพบว่ามีลักษณะอากาศหมุนเวียนเหมือนเป็นโพรงอยู่ด้านล่าง

ต่อมา เวลา 20.00 น.  ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรณีอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงถล่ม รายงานความคืบหน้าในการปฏิบัติการค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ภายในอุโมงค์ ดังนี้

1. ทีมวิศวกรจีน ได้ดำเนินการสร้างและเสริมความแข็งแรงโครงค้ำยันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำการค้นหาในจุดที่คาดว่าจะมีผู้ประสบภัยติดอยู่  

2. ลำเลียงหินและดินที่กีดขวางการทำงานของทีมกู้ภัยออกจากพื้นที่ภายในโครงค้ำยัน

3. ทีม USAR ทำการสแกนหาสัญญาณชีพและการเคลื่อนไหว โดยตรวจพบสัญญาณที่ความลึกในระยะ 1.8 เมตร ใต้ก้อนหินขนาดใหญ่

4. เริ่มทำการเจาะกระแทกทำลายหินขนาดใหญ่ ที่ปิดกั้นเส้นทางการค้นหาในจุดที่คาดว่าจะมีผู้ประสบภัยตามที่เครื่องสแกนตรวจพบสัญญาณชีพใต้ก้อนหิน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 1 ชม.

5. ติดเครื่องตรวจจับการทรุดตัว (sensor) บริเวณเพดานอุโมงค์ จำนวน 3 จุด เพื่อสร้างความมั่นใจและปลอดภัยให้แก่ผู้ปฎิบัติงาน

6. หน่วยแพทย์ ทีมกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เตรียมวางแผนในการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังโรงพยาบาลไว้เรียบร้อยแล้ว

ด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือคนงานจากเหตุดินถล่ม ระบุว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการอย่างรัดกุม และรอบคอบที่สุด ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้ตรวจสอบอุโมงค์รถไฟ ที่อยู่ระหว่างการขุดเจาะอยู่ทั่วประเทศ และเข้มงวดในเรื่องความปลอดภัยของทุกโครงการ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก โดยให้ยึดการปฏิบัติงานตามคู่มือมาตรฐานความปลอดภัยเป็นสำคัญ และหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีกจะมีบทลงโทษขั้นสูงสุดต่อไป

สำหรับอุโมงค์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างดังกล่าว เป็น 1 ในโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ–นครราชสีมา โดยมีผู้รับจ้าง คือ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมด ส่วนคนงานต่างชาตินั้น เป็นการจ้างโดยบริษัทฯเอง ซึ่งทางกระทรวงไม่ได้รับรู้แต่อย่างใด


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/wHeqeVzzEfc

คุณอาจสนใจ

Related News