สังคม

เปิดสถิติ น้ำท่วม 67 ไม่เท่าปี 54 ชี้ยังห่างไกล แต่ก็ประมาทไม่ได้

26 ส.ค. 2567

80 views

วานนี้ (25 ส.ค.67) เวลา 8.56 น. เพจกรมชลประทาน โพสต์แจ้งการปรับเพิ่มปริมาณการระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยา  โดยระบุว่า


ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ทางตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำสะสมไหลลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ในอัตราที่เพิ่มขึ้น กรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา  ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำท่าและปริมาณฝนที่จะตกลงมาเพิ่มในระยะนี้


ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา  ปัจจุบัน (25 ก.ค.67 เวลา 06.00 น.) ว่า ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 944 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้นตามไปด้วย  กรมชลประทาน ได้รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาในอัตราที่เหมาะสม พร้อมปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 649 ลบ.ม./วินาที


คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงได้ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 700 - 900 ลบ.ม./วินาที ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำจากทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ โดยจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา  บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง   คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา   และตำบลหัวเวียง  อำเภอเสนา  ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย)  เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ  40 - 80 เซนติเมตร  โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าวยังคงอยู่ในตลิ่งและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่


ทั้งนี้ กรมชลประทาน  ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนไปยังจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา  ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด  หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น   กรมชลประทานจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป


ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทยในขณะนี้ ทำให้เกิดข้อกังวลของพี่น้องประชาชน ว่าสถานการณ์จะมีความรุนแรงเทียบเท่ากับที่เคยเกิดในปี 2554 และจะส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก


สทนช.จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบแนวโน้มความเสี่ยงอุทกภัยระว่าง 3 ปี ได้แก่ ปี 2554 ปี 2565 และ ปี 2567 ในประเด็นต่างๆ ดังนี้


การประเมินพายุจรที่พัดผ่านเข้าประเทศไทย พบว่า ในปี 2554 มีพายุพัดผ่านเข้าไทย จำนวน 5 ลูก ในปี 2565 มีพายุพัดผ่านเข้าไทย จำนวน 1 ลูก ได้แก่ พายุโนรู (เดือน ก.ย.) และยังได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่นและไต้ฝุ่นที่เข้ามาบริเวณประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีพายุพัดผ่านเข้าประเทศไทย จำนวน 2 ลูก โดยมีโอกาสสูงที่จะเคลื่อนผ่านบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือในช่วงเดือนกันยายน หรือตุลาคม


เมื่อเปรียบเทียบปริมาณฝนสะสม พบว่า ปี 2554 ฤดูฝนในประเทศไทยเริ่มต้นเร็วกว่าปกติและมีฝนตกสะสมต่อเนื่อง โดยไม่มีภาวะฝนทิ้งช่วง ปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งปีสูงกว่าค่าปกติ 24% และมีค่ามากที่สุดในคาบ 61 ปี (นับจาก พ.ศ.2494) ในปี 2565 มีปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งประเทศ 1,876 มม. สูงกว่าค่าปกติ 27% หรือมากที่สุดเมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 40 ปี ซึ่งหมายรวมถึงมากกว่าปี 2554 ที่ประเทศไทยเกิดอุทกภัยร้ายแรง แต่ในปี 2565 กลับพบว่าสถานการณ์อุทกภัยไม่รุนแรงและยาวนานเหมือนปี 2554 สำหรับปี 2567 ณ เดือนสิงหาคม ปริมาณฝนในภาพรวมของประเทศไทยยังคงต่ำว่าค่าปกติ ร้อยละ 4 และต่ำกว่า ปี 2554


เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพในการรองรับน้ำของ 4 เขื่อนหลัก ณ วันที่ 24 ส.ค. ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ พบว่า ปี 2554 สามารถรองรับได้ 4,647 ล้าน ลบ.ม. ส่วน ปี 2565 สามารถรองรับ 11,929 ล้าน ลบ.ม. สำหรับปี 2567 ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 12,071 ล้าน ลบ.ม.


เมื่อดูที่ปริมาณน้ำท่า ณ วันที่ 24 ส.ค. พบว่า ปี 2554 สถานี C.2 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,284 ลบ.ม./วินาที (ค่าสูงสุด 4,689 ลบ.ม./วินาที) และการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา (C.13) 1,832 ลบ.ม./วินาที (ค่าสูงสุด 3,726 ลบ.ม./วิ) ในปี 2565 สถานี C.2 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,582 ลบ.ม./วินาที (ค่าสูงสุด 3,099 ลบ.ม./วินาที) และการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา (C.13) 1,500 ลบ.ม./วินาที (ค่าสูงสุด 3,169 ลบ.ม./วินาที) สำหรับปี 2567 ปริมาณน้ำท่ายังคงอยู่ในการควบคุมและเป็นไปตามแผน กล่าวคือ ที่สถานี C.2 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 837 ลบ.ม./วินาที (คาดว่าจะสูงสุด 2,860 ลบ.ม./วินาที) และการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา (C.13) 499 ลบ.ม./วินาที (คาดว่าสูงสุด 2,700 ลบ.ม./วินาที)


จากการติดตามประเมินสถานการณ์และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างใกล้ชิดของหน่วยงานต่างๆ พบว่า ปริมาณฝนตกในทุกพื้นที่ขณะนี้ระดับความรุนแรงยังเทียบไม่ได้กับปี 2554



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/UyZwki3cdJo

คุณอาจสนใจ