สธ.แถลงกรณีพบผู้ต้องสงสัยติดฝีดาษวานรสายพันธุ์ เคลด 1B เป็นชาวต่างชาติ-ผู้เสี่ยงติดเชื้อ 43 ราย ไม่จำเป็นต้องกักตัวแต่เฝ้าดูอาการ

(21 ส.ค.) นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงกรณีพบผู้ต้องสงสัยติดฝีดาษวานรรายแรกในไทย ว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวมาจากต่างประเทศที่มีการระบาด คนที่พบเป็นชาวยุโรป อายุ 66 ปี อาการล่าสุดของผู้ป่วยไม่มีอาการรุนแรงใดๆ ตอนแรกมีไข้ และต่อมาผื่นขึ้น พยาบาลซักประวัติและมีการตรวจฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 2 ปรากฏผลลบ ส่วนการตรวจสายพันธุ์ 1B ปรากฏว่าผลไม่ชัดเจน แต่ก็มีการตรวจยืนยันอีกว่าใช่ฝีดาษลิงหรือไม่ด้วยการใช้ยีนส์ ซึ่งพบว่าเป็นฝีดาษลิงอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้ยังไม่ใช่สายพันธุ์ Clade 2 ส่วนสายพันธุ์ 1B ก็ยังไม่ชัดเจน จึงต้องมีการไล่ยีนส์ตรวจซ้ำอีกครั้งว่าใช่สายพันธุ์ 1B หรือไม่ ซึ่งคาดว่าวันศุกร์นี้ (23 ส.ค.) จะยืนยันได้ชัดเจน ถ้าใช่ เคลด 1B ก็จะนับว่าเป็นผู้ป่วยรายแรกสายพันธุ์เคลด 1B จะเป็นรายแรกในไทย

ซึ่งไทมไลน์ของผู้ป่วยรายดังกล่าว มีการต่อเครื่องในประเทศแถบตะวันออกกลาง ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.00 น.

อย่างไรก็ตามฝีดาษวานรมีมานานแล้วในไทย แต่เป็น Type 2 ส่วนที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นห่วงเพราะสายพันธุ์ เคลด 1B นี้พบในเด็กค่อนข้างเยอะที่ทวีปแอฟริกา เราจึงต้องตระหนักตามองค์การอนามัยโลก เพราะตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก เคลด 1B มีความรุนแรงมากกว่า 2 แต่ไม่ใช่ว่ารุนแรงมากกว่า


ซึ่งตอนนี้ได้ทำการประสานไปยังบริษัทการบินแล้ว สำหรับรายชื่อผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด ทั้งหมด 43 รายบนเครื่อง เป็นทั้งชาวไทยและต่างชาติ แต่ขอว่าอย่าเพิ่งบอกว่าเขาติดเชื่อ เพราะจะเริ่มติดต่อต่อไปได้นั้น คือผู้ป่วยต้องมีอาการ มีไข้ ผื่นขึ้น ฯลฯ และทั้ง 43 ราย ไม่จำเป็นต้องกักตัว และพวกเขารู้แล้วว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หากมีอาการให้มาพบแพทย์ทันที


นายแพทย์ธงชัยยืนยันอีกว่า ฝีดาษวานรไม่ได้ติดต่อง่ายเหมือนโควิด ต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดหรือมีเพศสัมพันธ์ แต่โดยตัวโรคเอง สามารถหายเองได้ ยกเว้นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคแทรกซ้อนที่สามารถติดง่ายและอาจถึงขั้นเสียชีวิต


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าหน้ากากอนามัยสามารถป้องกันได้หรือไม่ นายแพทย์ธงชัย กล่าวว่าสามารถช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่ปัจจัยสำคัญคือ เรื่องการล้างมือบ่อยๆ  การหลีกเลี่ยงใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการตุ่มหนองหรือที่อาจจะมีอาการเสี่ยงติดเชื้อ รวมถึงหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ที่เขาอาจจะมีอาการและติดเชื้อแต่เราไม่ทันสังเกต


โดยทางกรมควบคุมโรค ได้เพิ่มมาตรการเข้มมากขึ้นในเรื่องของด่าน ไม่ใช่เฉพาะสุวรรณภูมิ แต่ด่านนานาชาติทั้งหมด โดยเฉพาะประเทศที่มีการระบาด เพราะเชื้อไม่สามารถลอยมากับอากาศได้ คนพามาทั้งสิ้น คนไทยเราเองก็ต้องรับรู้ถึงข้อมูลในการระมัดระวังและตระหนักมากขึ้น แต่ขอว่าอย่าตระหนก ความรุนแรงของโรค ณ ขณะนี้ คาดว่าไม่มีผลต่อการระบาดมากขึ้น