สังคม

ออกหมายจับคนร้าย ตุ๋นชาวญี่ปุ่น 14.96 ล้าน พบคดีเก่าเพียบ ผู้เสียหายกว่า 73 ราย

โดย thanaporn_s

2 ส.ค. 2567

359 views

จากกรณีที่มีชายชาวญี่ปุ่นอายุ 36 ปี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่า ถูกนายอุทัยหรือเอมี่ สาวสองชาวไทยหลอกให้ร่วมลงทุน เสียหายเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท โดยชายชาวญี่ปุ่นคนดังกล่าวได้เข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา

มีพฤติการณ์ทางคดีว่า ชาวญี่ปุ่นรายนี้รู้จักกับนายอุทัย หรือ "เอมี่" สาวสองชาวไทยวัย 49 ปี เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งครั้งแรกที่ได้เจอกัน เอมี่หลอกว่าตนเองมาจากฮ่องกงและขอเงินจากผู้เสียหายเพื่อเข้าพักโรงแรม ในเวลาต่อมา ก็ได้นัดเจอกับผู้เสียหายหลายครั้งและได้หลอกให้ผู้เสียหายพาไปโอนเงิน รวมทั้งขอให้รูดบัตรเครดิตเพื่อซื้อทอง พอเอมมี่ได้ทองก็ได้แลกเปลี่ยนจากทองเป็นเงินทันที

นอกจากนี้ เอมี่ยังหลอกผู้เสียหายว่า ตนเองกำลังทำงานโปรเจคใหญ่ให้กับบริษัทยาชื่อดังแห่งหนึ่งโดยอ้างว่า ตอนนี้โปรเจคมีปัญหาเรื่องเงิน ต้องการให้ผู้เสียหายช่วยเหลือเรื่องเงิน เมื่อเสร็จงานแล้วจะกลับไปที่ฮ่องกงเพื่อคืนเงินให้ ในเวลาต่อมาเอมมี่อ้างกับผู้เสียหายว่า บัญชีมีปัญหาถูกล็อค ไม่สามารถโอนมาใช้คืนได้ ต้องใช้เงินและจ้างทนาย รวมทั้งอ้างอีกว่า บริษัทยาที่ทำโปรเจคด้วยนั้นไม่จ่ายภาษีให้รัฐบาลต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องใช้เงินจากผู้เสียหาย

ภายหลังผู้เสียหายได้ทวงถามเงินคืนจากเอมี่หลายครั้ง แต่เอมี่บ่ายเบี่ยงที่จะคืนเงิน ก่อนที่ผู้เสียหายจะตรวจสอบข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย พบว่าเอมมี่หรือนายอุทัย คือบุคคลผู้โด่งดังในคดีหลอกลวงชาวญี่ปุ่นที่ปรากฏเป็นข่าว ผู้เสียหายจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ โดยผู้เสียหายได้ถูกหลอกมากกว่า 10 ครั้ง รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 5 ล้านบาท

นอกจากนี้ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 อีกว่า ยังพบคดีค้างเก่าที่นายอุทัยหรือเอมี่ได้ก่อเอาไว้กับชาวญี่ปุ่น โดยเป็นคดีที่ชายชาวญี่ปุ่นได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566

ซึ่งคดีในปี 2566 นั้น ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นไม่ให้การเบื้องต้นว่า รู้จักกับนายอุทัยหรือเอมี่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 โดยเอมี่อ้างตัวเองว่า เป็นหมอเอกซเรย์ชาวญี่ปุ่น โดยมาพูดคุยหลอกลวงกับผู้เสียหายว่า ได้รับความเดือดร้อนเพราะทำกระเป๋าและหนังสือเดินทางหายในขณะโดยสารรถบัสจากพัทยามากรุงเทพ จึงขอยืมเงินจากผู้เสียหายเป็นค่าใช้จ่ายในการออกหนังสือเดินทางใหม่ อ้างว่าจะโอนคืนให้จากบัญชีธนาคารที่สิงคโปร์ ผู้เสียหายจึงตกลงที่จะโอนเงิน 30,000 บาทจากตู้ ATM ให้กับเอมี่ ก่อนที่จะขอยืมเงินเพิ่มอีก 280,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายก็ยินดีที่จะโอนเงินให้

ต่อมาเอมี่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลในการติดต่อสื่อสารกับผู้เสียหายและหลอกขอยืมเงินจากผู้เสียหายอีกหลายครั้ง โดยอ้างข้อเหตุผลต่าง ๆ เช่น ต้องการนำเงินไปปิดประกันภัยโดยเร่งด่วน,นำเงินไปเป็นค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อโควิด,นำเงินไปจ่ายค่าประกันภัยล่วงหน้า ซึ่งผู้เสียหายก็ได้โอนเงินให้กับเอมี่ด้วยความเห็นใจ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 14,968,458 บาท

พ.ต.อ.พันษา ให้ข้อมูลต่อมาว่า ในส่วนของคดีปี 2566 นั้น ประสบความติดขัดในเรื่องของการสื่อสาร เพราะการสอบปากคำผู้เสียหายนั้น ต้องอาศัยล่ามในการช่วยแปลภาษาและแปลเอกสารข้อมูลต่างๆ เป็นภาษาไทย รวมทั้งตัวผู้เสียหายไม่ได้อยู่ประเทศไทยตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้เอมี่มาให้ปากคำแล้วถึง 3 ครั้ง แต่เอมี่ก็ยังไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าพนักงาน

ขณะนี้จึงได้สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาเพื่อดำเนินการขออำนาจศาลแขวงพระนครใต้ออกหมายจับในความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว เพราะเนื่องจากตัวเอมี่มีพฤติการณ์ที่หลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเห็นได้ชัดและถือว่าเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก รวมทั้งผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติซึ่งอาจจะกระทบต่อภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทย นอกจากนี้ ในส่วนคดีปี 2566 จะดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินและสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อหาบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับเงิน รวมทั้งจัดดำเนินการรายงานข้อมูลทางการเงินให้กับ ปปง. เพื่อตั้งเป็นคดีฟอกเงินต่อไป

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสถิติข้อมูลพบว่า ตัวนายอุทัยหรือ เอมี่ มีประวัติโชคโชนก่อคดีหลอกลวงชาวญี่ปุ่นมาเป็นสิบกว่าปี มีเหยื่อกว่า 73 ราย คิดความเสียหายรวมกว่า 24 ล้าน ติดคุกมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เข็ดหลาบ ซึ่งตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2567 มีรายละเอียดการก่อ คดีของเอมี่หรือนายอุทัยดังต่อไปนี้

ปี 2554 มีผู้เสียหายจำนวน 25 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 942,000 บาท

ปี 2555 มีผู้เสียหายจำนวน 9 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 2,166,000 บาท

ปี 2557 มีผู้เสียหายจำนวน 16 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 1,588,000 บาท

ปี 2558 มีผู้เสียหายจำนวน 2 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 330,000 บาท

ปี 2561 มีผู้เสียหายจำนวน 8 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 307,000 บาท

ปี 2563 มีผู้เสียหายจำนวน 6 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 293,000 บาท

ปี 2565 มีผู้เสียหายจำนวน 3 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 90,000 บาท

ปี 2566 มีผู้เสียหายจำนวน 1 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 14,968,458 บาท

ปี 2567  มีผู้เสียหายจำนวน 3 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 4,072,000 บาท
รวมผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นจำนวนทั้งสิ้น 73 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 24,756,458 บาท

โดยล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ศาลแขวงพระนครใต้ได้อนุมัติให้ออกหมายจับนายอุทัยหรือเอมี่ในคดีฉ้อโกงที่ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้เมื่อวันที่  29 พฤศจิกายน 2566 มูลค่าความเสียหายความเป็น 14.96 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทาง พล.ต.ต.นพศิลป์ ได้สั่งการให้ทางชุดสืบสวน สน.ทองหล่อ เร่งติดตามตัวนายอุทัยหรือเอมี่มาดำเนินคดีตามหมายจับ

ซึ่งถ้าหากสามารถจับกุมตัวได้แล้ว ในส่วนของคดีที่ชาวญี่ปุ่นแจ้งความเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 มูลค่าความเสียหาย 5 ล้านบาท หากดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายผ่านล่ามอย่างละเอียดเป็นที่เรียบร้อย ก็จะแจ้งข้อหาฉ้อโกงเพิ่มเติมในคดีใหม่ปี 2567 แก่นายอุทัยหรือเอมี่ต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News