ลาภปากนักข่าว! สส.ณัฐชา นำ "ปลาหมอคางดำ" ทอด 20 กิโลกรัมให้สื่อชิม

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำเพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ ได้นำข้าวปลาหมอค้างดำแกะ พร้อมน้ำจิ่ม มาให้สื่อมวลชนประจำรัฐสภารับประทาน จำนวน 20 กิโลกรัม ที่อาคารรัฐสภา หลังสั่งให้เกษตร ไปหาเมื่อช่วงตี 2 ที่ผ่านมา และนำมาแปรรูปอาหารเป็นปลาทอด เพื่อนำมาให้เพื่อน สส.ได้ชิในห้องอาหาร เพราะมีเพื่อน สส. อีสานอยากชิม ว่ารสชาติเป็นอย่างไร หากจะนำไปทำเป็นปลาร้า ปลาจ่อม เพราะวันนี้จะมีการเสนอตั้งญัตติด่วน ในเรื่องนี้ ตนเองจึงจะนำปลามาให้ สส.รับประทาน และถ่ายภาพ บรรยากาศ ว่ามีรสชาติ

อย่างไร โดยให้เพื่อน สส. บอกรสชาติว่าอร่อยหรือไม่อร่อย แต่ไม่เข้าใจว่า ปลาหมอคางดำ จะทำให้สภามีปัญหาล่มสลายหรืออย่างไร ทำไมห้องอาหาร ถ่ายวีดิโอไม่ได้ เพราะถูกสั่งห้ามจาก นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา พร้อมกันนี้

เจ้าหน้าที่มาบอกว่า ไม่ให้ผู้ช่วย หรือ เจ้าหน้าที่ ยกเข้ามา ซึ่งตนเองนำปลามา 20 กิโลกรัม จะให้หิ้วมาเองได้อย่างไร ตนเองจึงขอความร่วมมือ ไม่ได้ให้เขามากินข้าวในห้องอาหาร แต่ขอให้ช่วยยกปลา และอุปกรณ์ต่างๆ มาในห้อง ก็มีปัญหา ว่าเอาเข้าได้ แต่ไม่ให้บุคคลภายนอก เข้าห้องอาหาร ดังนั้น ตนเองก็ได้ยกเข้ามาเอง และเพื่อน สส. ก็วิพากษ์วิจารณ์ ว่าอร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง ล้วนเป็นเสียงสะท้อนที่เพื่อน สส. 400 เขต ที่จะนำไปบอกในพื้นที่ แต่มีสายเรียกเข้าจากนายพิเชษฐ์ มาถึงเจ้าหน้าที่สภา เดินเข้าไปบอกตนเองว่า ไม่ให้ถ่าย ถ่ายไม่ได้ ซึ่งตนเองถามกลับว่า ห้องอาหารสภามีความลับสูงขนาดนั้นหรือ ในการชิมปลาหมอคางดำ เขาก็บอกว่าไม่ได้ทุกกรณี

ซึ่งตนเองยังไม่ทันคุยสาย ก็วางสายไป จึงขอตั้งคำถามว่า ปลาหมอคางดำ เข้ามาในสภา เริ่มจะไม่ชอบมาพากล การตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ ทำแล้วก็มีข้อติดขัดหลายอย่าง วันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้ตั้งญัตติด่วนหรือไม่ แม้กระทั้งเอาปลาหมอคางดำทอด มาให้ สส. ชิม ก็ถ่ายภาพไม่ได้ จึงมอว่าญัตติด่วนจะเป็นหมั้น แต่ถ้าไม่ให้ตั้งยอมไม่ได้ ตายเป็นตาย ให้รู้กันไปว่า จะส่งต่อระบบนิเวศน์ ให้คนรุ่นลูก รุ่นหลังอย่างไร ดังนั้น วันนี้จึงจะมอบเมนูนี้ ให้สื่อมวลชนแทน

นายณัฐชา ยังกล่าวว่า เอกสารชี้แจงบริษัทซีพีเอฟที่ส่งให้คณะอนุกรรมธิการฯในวันนี้ มีเอกสารแนบที่เป็นชื่อของนิติกร 7 ในขณะนั้น ซึ่งบังเอิญเป็นชื่อของนายบัญชา สุขแก้วอธิบดีกรมการประมงในปัจจุบัน ซึ่งผมเข้าใจและคิดเอาเองว่า หนังสือฉบับนี้บริษัทซีพีเอฟ พยายามจะสื่อสาร ให้ทราบว่า ทฤษฎีกรมประมงคนปัจจุบันน่าจะทราบข้อมูลอยู่บ้าง ซึ่งการส่งหนังสือให้คณะอนุกรรมาธิการฯ มีความหมายสำคัญยิ่ง ดังนั้นเรื่องนี้ต้องตามต่อ โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญ อัยการสูงสูง สำนักงานกฤษฎีกา ผอ.มูลนิธิชีววิถี หรือไบโอไทย มาหาข้อสรุปในข้อกฎหมาย และทำหนังสื่อถึงกระทรวงการต่างประเทศ สอบถามบริษัทที่ขายพันธุ์สัตว์น้ำชนิดนี้ให้กับบริษัทซีพีเอฟ


ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าอธิบดีกรมประมงคนปัจจุบันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุญาตนำเข้าปลาหมอคังดำหรือไม่นายณัฐชา กล่าวว่า ชื่อของคณะกรรมการถูกปิดทั้งหมด เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในชั้นอนุกรรมาธิการฯ เสนอว่าไม่จำเป็นต้อง ปิดชื่อ

ขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นใคร และในเอกสารก็ไม่ได้ระบุว่านิติกร 7 ในขณะนั้นอาจรับรู้การนำเข้า แต่นิติกรเจ็ดมีการลงชื่อต่อจากรักษาการอธิบดี กรมประมง ในปี 2551 ซึ่งกรมประมงส่งให้บริษัท ตามลำดับขั้น ซึ่งตนเอง มองว่าเป็นความพยายามที่ต้องการสื่อสารจากบริษัทซีพีเอฟ ดังนั้นต้องถามผู้ส่งว่าต้องการสื่ออะไร