สังคม

เมียวอนช่วยเหลือ ผัวติดยาคลั่งทุบรถ พังบ้าน ทำร้ายตาหวิดบอด แจ้งความโทษเบา เสียแค่ค่าปรับ

โดย petchpawee_k

24 ก.ค. 2567

20 views

ภรรยาวอนช่วยเหลือ สามีติดยาอุ้มลูกอาละวาดทุบรถทุบบ้าน หวาดผวาไม่รู้จะมาก่อเหตุตอนไหน ทั้งซ้อมภรรยาน่วมทั้งตัวต่อหน้าลูก ใช้ขวานจามคิ้วเหวอะหวิดตาบอด ยืนยันขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด


เมื่อวานนี้ (23 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปร้องเรียนจากครอบครัวหนึ่ง ว่าลูกเขยมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ทำร้ายร่างกายภรรยา และยังตามมาก่อเหตุคุกคามครอบครัวของภรรยาด้วย โดยคลิปที่ส่งให้ผู้สื่อข่าว เป็นคลิปชายคนหนึ่งชื่อ นายสุขสันต์ อายุ 45 ปี ขับรถกระบะติดคอก สีเขียวเข้ม มาที่หน้าบ้านพ่อแม่ภรรยา ก่อนจะตั้งใจขับรถชนกับรถกระบะของน้องชายภรรยา ที่จอดไว้หน้าบ้าน จนรถไถลถอยหลังไป จากนั้นก็เอาชะแลงมาทุบกระจกรถทุกบานจนแตกเสียหายรอบคัน เท่านั้นยังไม่พอ นายสุขสันต์รู้ว่า ภรรยาหนีมาอยู่บ้านพ่อแม่และกำลังถ่ายคลิปพฤติกรรมของตัวเอง จึงเอาก้อนอิฐปาใส่กระจกประตูบ้าน แตกเสียหาย โดยในรถของนายสุขสันต์ พบว่า พาลูกสาววัย 5 ขวบ นั่งมาในรถด้วย และก่อเหตุรุนแรงต่อหน้าเด็กน้อย  เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านของผู้ร้องเรียน ในพื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบนายสายัณห์ อายุ 71 ปี และนางยุภาลักษณ์ อายุ 71 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของบ้าน และนางสาวภิชยา อายุ 43 ปี ลูกสาวของทั้งคู่ ซึ่งเป็นภรรยาของนายสุขสันต์  อายุ 45 ปี  ชายที่อาละวาดในคลิป  

นางสาวภิชยา เปิดบาดแผลรอยฟกช้ำตามแขนขาและลำตัวให้ผู้สื่อข่าวดูและเล่าว่า เมื่อ 4 วันก่อน ตนถูกสามีทำร้าย เตะต่อยแบบไม่ยั้ง ทำร้ายตนต่อหน้าลูกน้อย ตนบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ จึงมาขอพักอาศัยกับพ่อแม่ ที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง และจะไปตรวจร่างกายเพื่อนำความเห็นแพทย์ไปแจ้งความดำเนินคดีกับสามี


นอกจากนี้ นางสาวภิชยา ยังโชว์บาดแผลที่คิ้วขวา เป็นรอยถูกขวานจาม ฝีมือสามีที่ก่อเหตุเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนั้นคิดว่าคงจะตาบอดแล้ว แต่แพทย์ช่วยรักษาไว้ได้  ตอนนี้ตนต้องการแยกทางกับสามี เพราะทนพฤติกรรมใช้ความรุนแรงไม่ไหวแล้ว เพราะสามีติดยาเสพติดอย่างหนัก จนหลอน ชอบคิดไปเองว่าตนจะไปมีคนอื่น หึงหวงจนบางครั้งไม่ยอมให้ตนไปทำงาน  บางครั้งถึงกับห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน  หรือตามไปอาละวาดถึงที่ทำงาน  รวมทั้งยังทำร้ายร่างกายตนเป็นประจำ  

ล่าสุดก็เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ตนหนีมาอาศัยอยู่กับพ่อแม่ สามีก็ขับรถพาลูกน้อยมา แล้วอาละวาดขับรถชนรถของน้องชาย ทุบทำลายกระจกรถ ประตูบ้าน ก่อเหตุกลางวันแสกๆ  นอกจากนี้ ยังเคยไปก่อเหตุระรานเพื่อนบ้าน เพราะหลอนคิดว่าเขาด่าทอ ทั้งที่เขาไม่ได้ด่า จนเพื่อนบ้านต้องย้ายหนีไปแล้ว


ที่ผ่านมา ตนเคยไปแจ้งความที่ สภ.บ้านเป็ด มาแล้ว 3 ครั้ง หลังจากนี้จะไปแจ้งความเป็นรอบที่ 4 ที่ผ่านมา ไปแจ้งความก็ถูกตีเป็นปัญหาครอบครัว โทษน้อย แค่เสียค่าปรับ หรือถ้าติดคุกก็ติดไม่นาน พอออกมาก็ยิ่งสร้างความเสียหาย ทางตำรวจเองก็พยายามจะช่วย และเคยแนะนำว่า หากมีความเสียหายสะสมเยอะ ก็จะสามารถแจ้งข้อหาหนักได้  โดยเฉพาะข้อหาบุกรุกยามวิกาล  ซึ่งตอนนี้ หากรวมๆ คดีที่สามีก่อขึ้น ก็น่าจะประมาณ 4 คดีแล้ว

ด้านพ่อแม่ของนางสาวภิชยา บอกว่า ตอนนี้สงสารหลานตัวน้อยมาก เพราะต้องมาเห็นพ่อทำร้ายแม่เกือบทุกวัน เห็นพ่อใช้ความรุนแรงตลอด ตนอยากให้ลูกสาวหย่าขาดกับลูกเขย และพวกตนจะรับหลานมาเลี้ยง เพราะดูแล้วลูกเขยมมีความสามารถที่จะเลี้ยงดูลูกได้ แต่ตอนนี้ลูกเขยก็มาอาละวาดที่บ้านของพวกตน โทรเข้ามาขู่ด้วย จนพวกตนหวาดผวาไปหมด  


ผู้สื่อข่าวสอบถามไปที่  พ.ต.อ.ณชรต แก้วเพชร ผกก.สภ.บ้านเป็ด ชี้แจงว่า ล่าสุดทางภรรยาผู้ก่อเหตุ  ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมใน 3 ข้อหา คือ ข้อหาบุกรุกเคหะสถาน , ทำให้เสียทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย ส่วนข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องรอให้นำตัวสามีมาสอบสวน และตรวจปัสสาวะ หากพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา

เบื้องต้น หลังรับแจ้งความ ได้ให้ตำรวจชุดสืบสวนไปดูที่บ้านสามี เพื่อนำตัวมาสอบปากคำ  แต่ยังไม่พบตัว  เพราะหลังจากรู้ว่าภรรยาไปแจ้งความ ผู้ก่อเหตุก็พาลูกสาววัย 5 ขวบ หนีไปซ่อนตัวที่บ้านพ่อแม่ของตัวเอง  ชุดสืบสวนกำลังเร่งติดตามอยู่ พร้อมทั้งประสานไปยัง พม.จ.ขอนแก่น เพื่อเข้ามาดูแลเรื่องปัญหาครอบครัว ทั้งเรื่องความรุนแรงและเกี่ยวกับเด็ก  

ขณะที่ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านฝ่ายสามี พบว่า มีท่อนไม้ที่เจ้าตัวตัดไว้สำหรับขาย กองอยู่ที่หน้าบ้าน แต่ในบ้านไม่คนอยู่ เมื่อไปสอบถาม คุณลุงเพื่อนบ้านเล่าว่า นายสุขสันต์ หรือนายต้น มักจะตบตีภรรยาแทบทุกวัน แต่สาเหตุหนึ่งก็มาจากฝ่ายภรรยาติดสุรา มักจะดื่มเหล้าที่ร้านลาบหน้าปากซอยทุกวันและกลับบ้านดึก จนนายต้นไม่พอใจ ทะเลาะกัน และต่างก็ไม่ยอมกัน จนคนแถวนี้ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย เพราะทะเลาะตบตีกันตลอด

มีเพียงตน ที่นายต้นให้ความเคารพ  เวลามีปัญหาก็จะมาระบายให้ฟัง และเคยมาขอยืมเงินไปซื้อข้าวซื้อนมเป็นประจำ ตนเองก็ให้ไปไม่เคยทวงคืน และจะคอยสอนนายต้นเรื่องการใช้ชีวิตคู่ ซึ่งนายต้นก็รับฟัง ส่วนเรื่องยาเสพติด นายต้นเคยบอกว่า ห่างๆ ไปแล้ว แต่ตนไม่เชื่อ เพราะจากอาการที่เห็น มันก็ชัดอยู่ว่ายังเสพยาอยู่  

แต่หลังจากไปก่อเหตุครั้งล่าสุดมา นายต้นมาเล่าให้ตนฟังว่าไปทำลายทรัพย์สินบ้านพ่อตาแม่ยาย หากถูกจับหรือเป็นอะไรไป ก็ขอให้ตนช่วยพาลูกสาวไปบ้านปู่กับย่าของเด็กด้วย แต่ตนก็ไม่รู้จักบ้านปู่ย่า จึงไม่ได้รับปาก กระทั่งมาเช้าวานนี้ (23 ก.ค.67) นายต้นก็หายไปพร้อมลูก คิดว่าคงกลัวความผิดเลยหนีไป ซึ่งตนมองว่า หากทำผิดก็ต้องมารับโทษตามกระบวนการกฎหมาย


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/_CFZkEAnU70

คุณอาจสนใจ

Related News