สังคม
สาวจีนเปิดปาก รับงานจากฮ่องกง ขึ้นป้ายโฆษณา ค่าจ้าง 1.7 หมื่น - 'อนุทิน' ชี้ไทยโดนย่ำยี สั่งขยายผลกลุ่มสีเทา
โดย nattachat_c
24 ก.ค. 2567
53 views
ตำรวจเชิญตัวสาวชาวจีนสอบปากคำ หลังพบเป็นผู้ว่าจ้างขึ้นป้ายโฆษณาชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ แยกห้วยขวาง สารภาพรับงานจากบริษัทในฮ่องกง ค่าจ้าง 1.7 หมื่นบาท ก่อนปัดไม่ทราบชื่อบริษัทที่ว่า มีเพียงไลน์ที่ใช้ในการติดต่อ รูปในไลน์ก็เป็นรูปของคนบนป้าย ขณะที่ ผอ.เขตห้วยขวาง ล่าสุดสั่งปรับเจ้าของอาคาร 5,000 บาท ส่วนเจ้าของตึกเปิดปาก ผู้ว่าจ้างเป็นชาวสิงคโปร์ ด้าน “อนุทิน” ชี้ ขายพาสปอร์ต ไม่ว่าประไหนก็ผิดกฎหมาย มอง เป็นการย่ำยี ลั่น ต้องจัดการคนผิดไล่พ้นประเทศ ยัน ไม่เป็นไฟไหม้ฟาง กระแสจบเรื่องเงียบ
จากกรณี มีป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต โดยเป็นภาษาจีนทั้งหมด ที่แยกห้วยขวาง ล่าสุด ตำรวจเจอตัวผู้ดำเนินการแล้ว พบว่า เป็นสาวจีน ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทที่ฮ่องกง โดยเธอได้ค่าจ้างในการดำเนินการ 17,000 บาทต่อป้าย
วานนี้ (23 ก.ค. 67) ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) นำกำลังไปเชิญตัว น.ส.นาซู ชาวจีน จากคอนโดย่านห้วยขวาง มาสอบปากคำที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) หลังพบว่า เป็นผู้ว่าจ้างร้านทำป้าย และให้ติดตั้งขึ้นป้ายโฆษณาชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ
เบื้องต้น น.ส.นาซู บอกว่า ปกติเธอแค่รับแปลภาษา และรับเจรจาต่าง ๆ แต่ว่าฝั่งบริษัทเป็นคนติดต่อมา
ตามรายงาน ยังพบว่า น.ส.นาซู ให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนว่า รับงานมาจากบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยติดต่อรู้จักกันผ่านทางแอปพลิเคชั่นของจีน และแอดไลน์ติดต่อกัน
น.ส.นาซู บอกว่า เธอไม่รู้ว่าบริษัทที่ว่าจ้างชื่อว่าอะไร แต่ติดต่อกันผ่านไลน์ ซึ่งในไลน์ เป็นรูปของคนที่อยู่บนป้าย (เฉินต้าฟา) ซึ่งค่าทำป้าย 60,000 บาท ส่วนค่าดำเนินการเช่าติดป้ายต่อเดือน อยู่ที่ 150,000 บาท ขณะที่ตัว น.ส.นาซู ได้ค่าจ้างในการประสานงาน ป้ายละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 17,000 บาท)
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา น.ส.นาซู กรณีพบว่าเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยหลังจากนี้ ทางสืบนครบาล และ สืบ สตม. อยู่ระหว่างขยายผลเร่งรัดหาตัวผู้ว่าจ้างต่อไป
-------------
ในวันเดียวกัน นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง ลงพื้นที่สี่แยกห้วยขว้าง ที่เป็นจุดติดตั้งป้ายโฆษณาภาษาจีน โดยจากการตรวจสอบ พบว่า ป้ายดังกล่าว ถูกติดตั้งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ต่อมา 22 กรกฎาคม ป้ายก็ถูกปลดออก ซึ่งจากการตรวจสอบ พบการติดตั้งป้ายไม่ได้แจ้งขออนุญาตจากทางสำนักงานเขต
สำนักงานเขตจึงได้ออกคำสั่งให้เจ้าของอาคาร และเจ้าของป้าย เข้ามาชี้แจงตามขั้นตอน พร้อมแจ้งข้อหาความผิด ในกรณีเจ้าของป้าย ซึ่งตรวจพบว่าเป็นคนไทยถูกว่าจ้างจากต่างประเทศ ให้ติดตั้งป้ายโฆษณา เข้าข่ายมีการกระทำผิดจริงตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มีโทษเปรียบเทียบปรับ 5,000 บาท และต้องชำระค่าภาษีป้ายที่ติดตั้ง 2 วัน ย้อนหลัง เป็นจำนวนเงิน 84,000 บาท ส่วนของผู้ว่าจ้างให้ติดป้าย ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ
ส่วนของเจ้าของอาคารที่ให้มีการติดตั้งป้าย จะถูกเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2553 แต่หากมีหลักฐานว่า จุดติดตั้งป้ายดังกล่าวเกิดขึ้นก่อน ก็อยู่ในข้อยกเว้นของ พ.ร.บ. ซึ่งต้องให้เจ้าของอาคารเข้ามาชี้แจงกับทางเขต
กรณีที่ถูกสังคมตั้งข้อสังเกต ถึงการละเลยของเจ้าหน้าที่ ในการติดตั้งป้ายบริเวณดังกล่าวนั้น ผอ.เขตห้วยขวาง ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการละเลย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดตั้งป้ายนี้แต่อย่างใด ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลังติดตั้งป้าย 2 วัน ก็ถูกปลดออก
ส่วนกรณีเนื้อหาภาษาจีนบนป้ายการโฆษณา เชิญชวนให้ประชาชนซื้อพาสปอร์ต 4 สัญชาติ ได้แก่ อินโดนีเซีย / วานูอาตู / กัมพูชา / ตุรกี จากการตรวจสอบเพิ่มเติม ยังไม่พบมีการขายสัญชาติไทย ซึ่งการโฆษณาดังกล่าวเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง อาจมีหน่วยงานอื่นที่จะต้องเข้ามาดำเนินการต่อ
นายไพฑูรย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตามขั้นตอนในการขึ้นป้ายประกาศโฆษณาใด ๆ นั้น จะต้องมีการขออนุญาตกับทางสำนักงานเขต แต่ในส่วนของข้อความ ไม่จำเป็นต้องแจ้งในขั้นตอนขออนุญาต
ทั้งนี้ หลังการติดตั้งป้าย หากพบข้อความที่ใช้ขัดต่อหลักศีลธรรมหรือผิดกฎหมาย / กระทบต่อความมั่นคงของชาติ นั้น ทางเจ้าหน้าที่สามารถออกคำสั่งยกเลิกการติดตั้งป้ายดังกล่าวได้ ในภายหลัง
ทั้งนี้ในพื้นที่เขตห้วยขวางมีการติดป้ายโฆษณาเอกชนขนาดใหญ่กว่า150 ป้าย ทางเขตจะได้เร่งตรวจสอบ เนื่องจากผู้ประกอบการมีการอ้างว่า ได้ก่อสร้างตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.2532 ทำให้กฎหมายฉบับปัจจุบันไม่สามารถเอาผิดได้
อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตห้วยขวางจะมีการติดต่อเจ้าของป้าย ให้ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างป้าย เพราะโครงสร้างป้ายเก่าที่ขาดการดูแลรักษา อาจชำรุดทรุดโทรม และเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชนได้
ส่วนประเด็นเรื่องการซื้อขายสัญชาติบนป้าย สำนักงานเขตห้วยขวางร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบนักธุรกิจต่างชาติที่ลงทุนในเขตห้วยขวาง สืบเนื่องจาก หลังมีการประกาศใช้นโยบายเปิดฟรีวีซ่าของรัฐบาล ส่งผลให้ในพื้นที่เขตห้วยขวางมีนักลงทุนชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
-------------
ด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และ พล.ต.ท. อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) บูรณาการร่วม เชิญตัว น.ส. นาซู ชาวจีน จากคอนโด ย่านห้วยขวาง มาสอบปากคำที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หลังพบว่า เป็นผู้ว่าจ้างร้านทำป้าย และให้ติดตั้งขึ้นป้ายโฆษณาชวนชื่อพาสปอร์ตย้ายประเทศ
มีรายงานว่า น.ส.นาซู ให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนว่า รับงานมาจากบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยติดต่อรู้จักกันผ่านทางแอปพลิเคชั่นของจีน และแอดไลน์ติดต่อกัน
โดยในส่วนค่าดำเนินการค่าจ้างเช่าติดป้ายรายเดือน 150,000 บาท ค่าทำป้าย 60,000 บาท ซึ่งตนได้ค่าจ้างเป็นตัวประสาน ได้เงินป้ายละ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,7000 บาท) ส่วนบริษัทที่ว่าจ้าง ตนเองไม่ทราบชื่อ มีเพียงไลน์ที่ใช้ในการติดต่อ ซึ่งเป็นไลน์ของคนที่มีรูปปรากฎบนป้าย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยหลังจากนี้ ทางสืบนครบาล และสืบ สตม. อยู่ระหว่างขยายผล เร่งรัดหาตัวผู้ว่าจ้างต่อไป
ทั้งนี้ ได้พบว่า บัญชีที่ได้โอนเงินเข้าบัญชี น.ส.นาซู คือ บัญชีของคนที่ตายแล้ว เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจบัญชี
-------------
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า ตนสั่งกรมการปกครองให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้ดำเนินการติดตามเรื่องอื่น ๆ ด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องป้ายดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนมองว่า การจะมาบอกว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่การประกาศขายพาสปอร์ต ซึ่งไม่ว่าประเทศอะไรก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น โดยหลังจากนี้ จะมีการขยายผลว่ามีเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจสีเทาหรือไม่ หรือเข้าข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการทำผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เราจะต้องเร่งปราบปราม โดยใช้ความเป็นเจ้าพนักงาน และไม่ต้องมาบอกว่า คนละหน่วยงานกัน
ทั้งนี้ นายอนุทินมองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการทำเกินไป ฉะนั้น จึงดำเนินการสั่งปลดป้ายทันที โดยไม่สนหน้าหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น เพราะตนตื่นขึ้นมาพอทราบข่าว ก็สั่งอธิบดีกรมการปกครองให้ไปดำเนินการทันที แต่ถึงอย่างไร ทางเจ้าของป้ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะเมื่อทราบเรื่องก็ดำเนินการปลดป้าย ส่วนเจ้าของป้ายไม่รู้เรื่องใช่หรือไม่ ตนไม่ทราบ
ส่วนกรอบเวลาการหาตัวผู้กระทำความผิดใน นายอนุทิน ระบุว่า ขณะนี้ ตนสั่งการกรมการปกครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวจะกลายเป็นไฟไหม้ฟาง พอกระแสหายเรื่องก็จะเงียบ ใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า มันอยู่ที่ว่าเราเข้มงวดกวดขันแค่ไหน ซึ่งขณะนี้ การกวดขันผับบาร์ต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง รวมถึงการกวดขันปราบปรามยาเสพติด พร้อมยืนยันว่า ไม่ต้องมีการกำชับไปยังผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด เพราะกระทรวงมหาดไทยมีหลายกลุ่ม หากใครกระทำผิดกฎหมาย ผู้บริหารทุกฝ่ายก็จะรายงานในไลน์กลุ่ม และทุกคนก็จะรับทราบ และสามารถดำเนินการได้ทันที
"เราไม่ได้รังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย แต่เรารังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาแล้วทำผิดกฎหมายในประเทศเรา สำหรับผมมองว่าเป็นการย่ำยี ฉะนั้น ก็ไปจัดการคนผิด และไล่มันออกไปจากประเทศนี้เท่านั้นเอง
ส่วนคนที่เป็นนักธุรกิจทำถูกต้อง เราก็อำนวยความสะดวก ให้เขาได้มั่นใจว่าประเทศไทยเรานั้นปลอดภัย และขยายตัวทางเศรษฐกิจได้" นายอนุทินกล่าว
-----------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ozJ_5hpOt84