สังคม

ตร.หอบอาหารเยี่ยมพ่อ-แม่ชรา ชายถูกจับคดีลักลูกชิ้นยืนกิน แจงเห็นใจ แต่ยอมความไม่ได้

โดย petchpawee_k

12 ก.ค. 2567

41 views

กรณีเจ้าของบริษัทผลิตลูกชิ้นยืนกิน ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ นำคลิปกล้องวงจรปิดไปแจ้งความที่  สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าได้ถูกชายในคลิปกล้องวงจรปิด  ขโมยลูกชิ้นที่วางไว้หน้าร้านจำนวน 1 ถุง มูลค่าประมาณ 300 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น.

ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์  จับกุมนายบุญเที่ยง อายุ 50 ปี ชาวบ้าน บ้านหนองกระทิง ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ โดยนายบุญเที่ยงให้การรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุจริง สาเหตุที่ขโมยเพราะเห็นลูกชิ้นวางอยู่หน้าร้านไม่มีใครเฝ้า และร้านปิดแล้ว จึงเดินเข้าไปหยิบเอา สาเหตุที่ขโมย เพราะหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวไม่ทัน ลูกชิ้นที่ได้ไป ก็เอาไปทอดเป็นกับข้าวให้ลูกกิน ส่วนหนึ่งเอาไปฝากพ่อกับแม่ที่ป่วยอยู่ที่ อ.ลำปลายมาศ ตำรวจจึงนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากไม่มีคนมาประกันตัว

เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้คนแสดงความเห็นใจผู้ต้องหาจำนวนมาก  เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และคาดว่าครอบครัวน่าจะยากจน  แต่ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สุพจน์ ตึกกระโทก พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้ทำสำนวนส่งไปที่อัยการจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว เพราะจะครบกำหนดฝากขัง 48 วัน

ร.ต.อ.สุพจน์ ยอมรับว่า คดีนี้เป็นคดีที่น่าเห็นใจ จากการสอบสวนสืบสวน พบว่า ครอบครัวผู้ต้องหา มีฐานะยากจน มีพ่อแม่แก่และป่วยติดเตียง ส่วนตัวมองว่า นายบุญเที่ยง ไม่มีเจตนาที่จะขโมย เพราะสังเกตจากสินค้าของร้านที่วางไว้ 2 ถุง แต่เอาไปถุงเดียว ผิดวิสัยของขโมยทั่วไปที่จะต้องเอาไปให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ ก็จะต้องเดินต่อไป

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพ่อแม่ของผู้ต้องหา ที่บ้านโนนแดง หมู่ 5 ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์  พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสร้างยังไม่เสร็จ  ในบ้านอยู่ด้วยกัน 3 คน  คือ  พ่อ-แม่และพี่สาวของนายบุญเที่ยง

นายทอง อายุ 88 ปี พ่อของนายบุญเที่ยง นั่งอยู่หน้าบ้าน เมื่อสอบถามว่ามานั่งทำอะไร ก็บอกว่า “กำลังรอลูกชายเอาอาหารมาให้” เพราะยังไม่รู้ว่า ลูกชายขโมยของมาให้กิน จนถูกตำรวจจับได้ อีกทั้งพ่อยังป่วยเป็นอัลไซเมอร์ด้วย

ส่วนนางอุย อายุ 89 ปี แม่ของนายบุญเที่ยง ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และป่วยโรคไต บอกว่า ปกติลูกชายจะเอาอาหารมาให้กินเป็นประจำ ครั้งล่าสุด เอาลูกชิ้นมาให้กิน ซึ่งลูกชายมาสารภาพว่า ขโมยเขามาให้แม่กิน  หลังจากนั้นก็ไม่เห็นลูกชายมาหาอีกเลย จนกระทั่งมีคนมาบอกว่าลูกชายถูกจับ

ขณะที่นางพิมพ์พร อายุ 59 ปี พี่สาว เล่าว่า น้องชายจะกลับบ้านอาทิตย์ละ 2 วัน หลังจากนั้นจะไปทำงานอยู่ในตัวเมืองกับภรรยา หลังน้องชายถูกตำรวจจับ ก็ไม่เคยได้ไปเยี่ยม เพราะตนต้องคอยดูแลพ่อแม่ซึ่งป่วยติดเตียง ส่วนพ่อแม่ได้แต่นั่งเฝ้าคอยลูกชายกลับมาหา

หลังตกเป็นข่าวจนกระทั่งทราบว่าลูกชิ้นที่นายธง ขโมยไปเอาไปทอดให้ครอบครัวกิน ส่วนหนึ่งเอาไปแบ่งให้พ่อแม่ ซึ่งทั้งสองอยู่ในวัยชราภาพ ฐานะยากจน โดยเฉพาะแม่ ป่วยติดเตียง ทำให้โซเชียลต่างออกมาวิจารณ์กันเป็นวงกว้าง ตอนแรกทุกคนต่างเห็นใจนายธง ที่ต้องการหาอาหารไปให้แม่แต่ไม่มีเงินซื้อ จึงจำเป็นต้องไปขโมยลูกชิ้น ทำให้ชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งออกมาวิจารณ์ร้านจำหน่ายลูกชิ้นว่ามูลค่าทรัพย์ที่หายไปเพียง 300 บาท ทำไมถึงต้องแจ้งความดำเนินคดีลักทรัพย์

ต่อมาโชเซียล กลับแบ่งออกมาเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายเดิมคือเห็นใจคนร้าย และหันไปตำหนิร้านจำหน่ายลูกชิ้น ส่วนอีกฝ่ายบอกว่าร้านค้าเขาอาจจะเคยประสบมาก่อน จึงติดกล้องวงจรปิด ประกอบกับบ้านเมืองมีกฎหมายจะต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน มิเช่นนั้นอาจจะเป็นเยี่ยงอย่าง หรือหันมาก่อเหตุอีกทั้งที่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย

ความคืบหน้าวานนี้ (11 ก.ค.) พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นำข้าวสารอาหารแห้งบางส่วนไปมอบให้ครอบครัวนายธง ที่อำเภอลำปลายมาศ เพื่อให้กำลังใจ

สอบถาม พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ทราบว่า กรณีดังกล่าวยอมรับว่าเห็นใจผู้ต้องหาหลังทราบว่าฐานะยากจนที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ และต้องแบกรับภาระหลายชีวิต แต่ในทางคดีเป็นเรื่องของกฎหมาย

กรณีนี้มีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นใบหน้าและปรากฎเวลาก่อเหตุชัดเจน ตอนนั้นไม่มีใครทราบได้ว่าประวัติของผู้ก่อเหตุเป็นอย่างไร พนักงานสอบสวน ต้องแจ้งข้อกล่าวหา”ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ”ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน เป็นความอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ ถึงแม้ต่อมาเจ้าของร้านลูกชิ้นจะมาขอถอนแจ้งความก็ตาม ส่วนผลของคดีขึ้นอยู่กับศาลซึ่งเป็นผู้พิจารณา

แต่หากเป็นการลักทรัพย์ธรรมดาซึ่งทรัพย์สินจำนวนไม่มาก และลักทรัพย์ในเวลากลางวันแล้วไม่มียานพาหนะ จะมีโทษจำคุก 3-5 ปี กรณีนี้ผู้บังคับการตำรวจ สามารถใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องได้ แต่กรณีของนายธงหลักฐานครบไม่สามารถเลี่ยงเป็นอย่างอื่นได้

นายสมหมาย อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนแดง หมู่ที่5 ต.หนองกะทิง กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นนายธง มีภรรยาแต่ไม่มีลูก ต่อมาภรรยาเสียชีวิตและไปได้ภรรยาใหม่ที่ในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน

หากถามว่าพฤติกรรมของนายธง เป็นอย่างไรตนขอใช้คำว่า “กลางๆ” มักจะไปแอบตัดไม้ในที่สาธารณะมาเผาถ่านขายหลายครั้ง เคยเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นประจำ ส่วนพฤติกรรมหลังจากที่ไปอาศัยอยู่ในตัวเมือง ตนไม่ทราบ ย้ำมีพฤติกรรมแบบ “กลางๆ”

สำหรับแนวทางคดี ล่าสุดประธานสภาทนายความแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้นายพลกฤต เนาว์ประโคน ทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ มาดูเรื่องคดีของนายธง ว่าจะมีช่องทางช่วยเหลือได้อย่างไร เพราะเป็นคดีที่มีหลักฐานชัดเจน



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/_LIh9XZ9Hbs

คุณอาจสนใจ

Related News