สังคม

เปิดภาพ 'ชูวิทย์' ฝากข้อความถึง 'สันธนะ' อย่าได้เจอกันอีก ด้าน 'สันธนะ' คาใจ ทำไมไม่ยกหูขออโหสิกรรม

โดย nattachat_c

11 ก.ค. 2567

338 views

วานนี้ (10 ก.ค.) ช่วงเช้า นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีที่บริษัท ต้นตระกูล จำกัด โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ยื่นฟ้องในข้อหาแจ้งความเท็จ / หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท


โดยคดีนี้ นายสันธนะ กล่าวหาว่า สถานบริการ The Lobby x Chuweed ภายในโรงแรม Davis Hotel Corner Wing ซอยสุขุมวิท 24 กรุงเทพ ซึ่งมีบริษัท ต้นตระกูลฯ เป็นเจ้าของ และบริหารงาน มีกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงประมาณ 100 คน เข้ามามั่วสุมเสพยาเสพติดในห้องน้ำชาย และเปิดบริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด


นอกจากนี้ จำเลยยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนง สร้างความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 100 ล้านบาทด้วย และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษา และคำขอโทษผ่านสื่อทีวี หนังสือพิมพ์ ฯลฯ เป็นเวลา 7 วันด้วย


โดยศาลพิเคราะห์แล้ว ฟังได้ว่าวันเวลาสถานที่เกิดเหตุมีการจัดปาร์ตี้ดื่มแอลกฮอล์ และมีวัยรุ่นเข้าไปในห้องน้ำชาย 3-5 คน มีพยานเป็นสายลับจากฝั่งนาย สันธนะด้วย จากนั้นได้ถ่ายรูปบรรยากาศในงาน ถ่ายคลิปในห้องน้ำจริง แต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า พยานที่เป็นบุคคลในคลิป ระบุว่า ในวันดังกล่าวห้องน้ำผู้หญิงเต็ม  แล้วแฟนผู้ชายเมาจนอยากอาเจียน ทางฝ่ายหญิงจึงได้เดินตามไปเพื่อเข้าห้องน้ำ และดูแลแฟนหนุ่ม จากนั้น สายลับได้พบเห็นว่ามีการเข้าห้องน้ำอย่างผิดสังเกต จึงตามเข้าไปถ่ายคลิป จากนั้นเห็นวัยรุ่นผู้หญิงเดินออกมาใช้มือปัดตรงบริเวณปลายจมูก พอวัยรุ่นออกจากห้องน้ำ ก็เข้าไปตรวจสอบในห้องน้ำดังกล่าว พบถุงพลาสติกขนาดเล็ก เชื่อได้ว่าเป็นการมั่วสุมเสพยาเสพติด จึงนำคลิปดังกล่าวนำส่งให้นายสันธนะ เพื่อแจ้งความกับ สน.ทองหล่อ เมื่อตำรวจมาตรวจสอบ กลับพบว่าไม่มีการเสพยา ตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด และสถานบริการไม่ได้เปิดเกินเวลา


ดังนั้น ประเด็นที่ต้องพิเคราะห์มี 3 ประเด็น คือ

1. แจ้งความเท็จหรือกลั่นแกล้งให้รับโทษ เรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จ เพราะนาย สันธนะ ได้นำข้อเท็จจริงที่รู้เห็นมาแจ้งต่อตำรวจ


2. เรื่องการสร้างหลักฐานเท็จ หลักฐานภาพถ่ายในงานปาร์ตี้ และคลิปจากในห้องน้ำที่สายลับให้มาไม่ได้ปรับแต่ง เป็นการถ่ายจากสถานที่จริง มีบุคคลอยู่จริง เหตุการณ์เกิดขึ้นจริง จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการทำหลักฐานเท็จ


3. ข้อหาหมิ่นประมาท แม้ว่านายสันธนะจะให้สัมภาษณ์นักข่าวโดยไม่ได้เอ่ยชื่อเจ้าของโรงแรม แต่ก็ทำให้หลายคนเข้าใจได้ว่า หมายถึงโรงแรมเดอะเดวิสของนายชูวิทย์ และ นายสันธนะรู้อยู่แล้วว่า นักข่าวจะต้องนำเสนอข่าวสู่สาธารณะ ทำให้โรงแรม และนายชูวิทย์ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง ถือว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา


ศาลพิพากษา จำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน เห็นควรให้โอกาสกับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง 1 แสนบาท และลงโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อกับสื่อ ไทยรัฐออนไลน์ / ไทยรัฐทีวี / พีพีทีวี / ช่อง8 / sanook และเนชั่นออนไลน์ เป็นเวลา 5 วัน ติดต่อกัน


หลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายสันธนะเดินลงมาจากศาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนบอกว่า ศาลยกฟ้องในความผิดฐานแจ้งความเท็จ เเต่ให้ลงโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา 1 ปี ซึ่งศาลก็เมตตารอลงอาญา ไว้ 1 ปี เนื่องจากศาลเห็นว่าสิ่งที่เขาทำเพื่อประโยชน์สาธารณะไม่ใช่เพื่อส่วนตัว เตรียมจะนำคำพิพากษานี้ สู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป


พร้อมบอกด้วยว่า เขากับนายชูวิทย์ มีคดีฟ้องร้องกันหลายคดี ที่เขาฟ้องนายชูวิทย์ก็เป็นสิบคดี เเต่ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุว่าป่วย ก็ฝากถึงชูวิทย์ให้ดูเเลสุขภาพให้ดีจะได้กลับมาสู้คดีกันในศาลอีก เพราะตนกับนายชูวิทย์ก็ถือเป็นคู่จิ้นกัน

-----------
ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า


ข้าพเจ้า ขอขมากรรมต่อท่าน ที่ได้ล่วงเกินประการใด ก็ตาม ทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี นับแต่อดีตชาติเป็นต้นไป มาจวบจนปัจจุบันชาติ ขอให้อโหสิกรรม ต่างคนต่างเดิน ไป ตามทางตัวเองด้วย เทอญ อย่าได้พบเจอกันอีก ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน

-----------

ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถาม นายสันธนะ บอกว่า เห็นข้อความดังกล่าวแล้ว มองว่า การส่งข้อความขออโหสิกรรมแบบนี้ เป็นการส่งข้อความผ่านสื่อมวลชน ทั้งที่ตัวนายชูวิทย์ และเขาก็ยังมีชีวิต สามารถติดต่อพูดคุยกันได้ หากต้องการขออโหสิกรรมจริงตามที่เขียน ทำไมไม่ยกหูโทรมา


และใจความบางช่วงบางตอนของการขออโหสิกรรมเขียนว่า "อย่าได้พบเจอกันอีกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน" แบบนี้ไม่ยุติธรรม เพราะตนยังต้องการเจอนายชูวิทย์ เพื่อสอบถามสิ่งที่ยังค้างคาใจ เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ที่เคยคบหากันมาหลาย 10 ปี แต่นายชูวิทย์กลับออกมาพูดว่า ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แถมยังใส่ร้ายหลายเรื่อง จนต้องมีการฟ้องร้องกันอีกหลายคดี


ดังนั้น การที่นายชูวิทย์ออกมาส่งข้อความเชิงอโหสิกรรมแบบนี้ และให้เรื่องทุกอย่างมันยุติลง มันไม่ยุติธรรมกับตน หากนายชูวิทย์ต้องการให้ตนไปหา แค่บอกมา ไม่ว่าที่ไหนบนโลก จะประเทศไหน ก็พร้อมจะเดินทางไปหา


นายสันธนะ ยังยืนยันว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยมีเจตนาทำให้นายชูวิทย์เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือเป็นประเด็นทางสังคม แต่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากนายชูวิทย์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน จึงจำเป็นต้องดำเนินการทางคดี ไม่น้อยกว่า 10 คดี

-----------
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ฝากถึงเอฟซี ว่า

ด้วยความคิดถึง ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ ในชีวิต เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน จึงทำให้คิดได้ มีอีกหลายเส้นทาง ที่ชีวิตไม่เคยไปสัมผัส ฝรั่งเรียก Bucket list สิ่งที่ทำ ก่อนชีวิตสูญสลาย สิ่งหนึ่งคือ ไม่มัวติดอยู่กับอดีต เพราะนับจากนี้ไป อีกไม่นาน เราก็จะตายไปกันหมด ไม่ช้า  ก็เร็ว สิ่งที่เราหามาทั้งชีวิต ก็จะไปตกในมือคนอื่น ๆ จะไม่มีใคร จำเราได้อีกต่อไป แม้แต่คนในครอบครัว จะมีใคร ไปจำ พ่อ ของ ทวดได้ บ้าง ? เราควรคิดถึงสิ่งที่เรามีความสุขในวันนี้ เลิก คิด แค้น เคือง พยาบาท ใครต่อใคร เพราะทุกสิ่ง มันผ่านไปหมดแล้ว ยิ้ม พอใจ กับที่เรามีอยู่วันนี้ ที่ทุก ๆ เช้า เราตื่นมาได้ ด้วยร่างกายที่ไม่เจ็บปวด แม้จิตใจจะยังสู้ แต่ร่างกายไม่ไหว ก็ต้องปล่อยไป มีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำก่อนตาย หาความสุข ในสิ่งที่ เราอยากทำ
-----------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/qBa1dOz57TE

คุณอาจสนใจ

Related News