สังคม

ปู่วัย 81 หมดหวังได้เงินคืน แม้ล่าสุดรวบได้ 3 บัญชีม้า ขบวนการแก๊งคอลฯ หลอกสูญเงิน 22 ล้าน

โดย petchpawee_k

26 มิ.ย. 2567

665 views

ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายแก๊งแต่งชุดตำรวจวิดีโอคอล ลวงคุณปู่วัย 81 โอนเงินพร้อมจำนองบ้านหมดตัวกว่า 22 ล้าน  

กรณีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 67 ได้มีประเด็นบนสื่อโซเชียล กรณีมีคุณปู่วัย 81 ปี อดีตหัวหน้างานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ตกเป็นเหยื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงิน 19 ล้าน บาท จำนองบ้านอีก 3 ล้าน หมดเงิน 22 ล้าน สูญทั้งเงินเสียทั้งบ้าน จนอยากปลิดชีพตัวเอง และได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ในเวลาต่อมา


โดยคดีนี้ ผู้เสียหายได้ถูกมิจฉาชีพแต่งกายปลอมเป็นตำรวจวิดิโอคอลมาหลอกว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายได้พัวพันกับการทุจริตในหน่วยงานราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีผู้ร่วมทุจริตเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่-ผู้น้อยกว่า 100 คน โดยอ้างว่ามีการนำเงินจากการทุจริต มาฝากผ่านบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย โดยมิจฉาชีพแจ้งว่าเงินที่อยู่ในบัญชีของผู้เสียหายต้องตกเป็นของกลางในคดีอาญา แต่หากต้องไปสอบสวนที่โรงพักจะลำบาก จึงแนะนำให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอน โดยติดต่อกันผ่านทางแอป Line


จากนั้น มิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจได้ส่งรูปภาพที่อ้างว่าเป็นคำสั่งจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งหมด รวมทั้งส่งภาพที่อ้างว่าเป็นคำสั่งของ สำนักงาน ป.ป.ช. ให้ผู้เสียหายโอนเงิน หากผู้เสียหายไม่ทำตามขั้นตอนจะถูกดำเนินคดี หรือ อายัดทรัพย์ ผู้เสียหายเกิดความกลัว จึงหลงเชื่อโอนเงินให้มิจฉาชีพจำนวน 19 ล้านบาท


หลังจากนั้นมิจฉาชีพยังหลอกให้ผู้เสียหายจำนองขายฝากบ้านอีก 3 ล้านบาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอีก 450,000 บาท โดยให้ผ่อนชำระดอกเบี้ยเดือนละ 37,000 บาท และให้คืนเงินต้น 3 ล้านบาทที่เอาบ้านไปจำนองขายฝากไว้ภายในระยะเวลา 1 ปีหลังได้เงินจากจำนองขายฝากบ้านอีก 3 ล้านบาท ก็ได้โอนเงินให้แก่มิจฉาชีพไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,095,000 บาท นอกจากนี้ มิจฉาชีพยังแจ้งให้โอนเงินเป็นค่าค้ำประกันทรัพย์สินที่โอนไปให้มิจฉาชีพอีกจำนวน 2.2 ล้านบาท แต่ไม่มีเงิน จึงปรึกษาลูกชายที่อยู่ต่างประเทศ จึงได้รู้ว่าพ่อน่าจะถูกมิจฉาชีพหลอก จึงรีบกลับประเทศไทยพาพ่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ที่ บช.สอท. ในเวลาต่อมา


พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ดำเนินการสืบสวนกรณีดังกล่าวจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้แล้วหลายราย


ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับ จนทราบว่ามีหนึ่งในเจ้าของบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินไปได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.หนองคาย จึงวางแผนเข้าจับกุม จนสามารถเข้าจับกุม นางอัจฉรา อายุ 54 ปี ชาวหนองคาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ. 528/2567 ลงวันที่ 17 มิ.ย.67 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ


โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย


ทีมข่าวได้ข้อมูลเพิ่มเติม จาก พ.ต.ต.สมพร บุตรวงศ์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าว บก.สอท.3 กล่าวว่า เบื้องต้นตอนนี้สามารถจับกุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีของคุณปู่วัย 81 ได้แล้ว 3 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการออกหมายจับหลายราย แต่ 3 รายที่พบรวมถึงคนล่าสุดคือ นางอัจฉราอายุ 54 ปี ล้วนเป็นบัญชีม้าทั้งหมด


โดยรายล่าสุดคือนางอัจฉรา ยอมรับในชั้นจับกุมว่า มีคนรู้จักมาติดต่อขอซื้อบัญชี โดยให้ไปเปิดบัญชี 3 บัญชี 3 ธนาคาร ได้รับค่าจ้าง 16,000 บาท ตอนนั้นคนจ้างบอกว่าเปิดบัญชีเพื่อไปทำเกี่ยวกับธุรกิจทางออนไลน์ แต่ขอยืนยันว่าสำหรับคดีนี้ มีตัวการใหญ่กว่านี้อย่างแน่นอน จากการตรวจสอบดู ส่วนใหญ่อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน


ส่วนเส้นทางการเงิน 22 ล้านบาทของคุณปู่นั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเงินอยู่ที่ไหน อย่างไร ส่วนเปลี่ยนเป็นสกุลเงินต่างประเทศหรือยังนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกัน


เมื่อถามว่าเคสของคุณปู่ วัย 81 ปี มีโอกาสได้เงินคืนหรือไม่ พ.ต.ต.สมพร บอกว่า ต้องดูก่อนว่าเงินไปถึงแล้วอย่างไร อยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่


ต่อมา ทีมข่าวได้สอบถามเรื่องนี้กับนายไพรสัณต์ หรือ ปู่อ๊อด อายุ 81 ปี ผู้เสียหาย ถึงความคืบหน้าล่าสุด ปรากฏว่าปู่อ๊อดบอกว่าลูกชายได้ โทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบแล้ว แม้จะจับผู้ร่วมขบวนการได้บ้างแล้วแต่ก็ยังไม่มีหวัง เพราะทราบมาว่า เงินถูกโอนออกไปหมดแล้ว ทั้งหมด 80 บัญชี เหลือเงินในบัญชีละ 100 กว่าบาท  จึงเชื่อว่าโอกาสที่จะได้เงินคืนมาน้อยมาก ทุกวันนี้ยังคงเจ็บใจ ที่โอนเงินให้มิจฉาชีพ ถึง 22 ล้าน ซึ่งเป็นเงินเก็บตั้งแต่ตัวเองทำงานมา เครียดจนน้ำหนัก ลงไป 4-5 กิโลกรัม ยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ แพทย์ต้องให้ยาคลายเครียด ช่วยให้นอนให้หลับ


คุณปู่ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว พูดไปก็ยังคงน้ำตาคลอ บอกว่าเสียใจที่ทำให้ลูกเดือดร้อน ต้องกลับจากต่างประเทศมาช่วยเคลียร์ปัญหาให้ แต่โชคดี ที่ลูกไม่ว่าอะไรตนเลยสักคำ ไม่เช่นนั้นตนคงรู้สึกแย่กว่านี้ หากจะให้ พูดอะไรถึงมิจฉาชีพ ก็คงไม่มีอะไรจะพูด เพราะเขาเป็นมิจฉาชีพคงคิดอะไรไม่ได้ แต่อยากจะเตือน ประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ว่าอย่าโอนเงินให้ใครง่ายๆ หากมีใครโทรเข้ามา ควรปรึกษา ลูกๆหลานๆก่อน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Q7uJwWGnxDw

คุณอาจสนใจ

Related News