สังคม
‘ชนินทร์’ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมโกงหุ้น STARK หมื่นล้าน DSI เตรียมส่งฟ้องต่ออัยการ
โดย nattachat_c
24 มิ.ย. 2567
49 views
รมว.ยุติธรรม ติดตามผลสอบปากคำ 'ชนินทร์' อดีต CEO STARK กรณีโกงหุ้นหมื่นล้าน เจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยอมรับเครียด ห่วงความปลอดภัยตัวเอง หลังถูกผู้เสียหายข่มขู่คุกคามชีวิต ด้านหัวหน้าชุดสอบสวนฯ เผย ผู้ต้องหาไม่ให้ปากคำ แจ้งว่าจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น พร้อมคัดค้านประกันตัวชั้นสอบสวน เตรียมขังชั้น 6 อาคารดีเอสไอ ก่อนนำตัวส่งฟ้องต่ออัยการวันจันทร์ 24 มิ.ย.นี้
วานนี้ (23 มิ.ย. 67) นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และนายแพทย์ ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดี DSI ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตผู้บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาในคดีทุจริตหุ้นสตาร์ค หลังหลบหนีคดีอยู่ที่เมืองดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยนายจักรพงษ์ บอกว่า เรื่องดังกล่าว ทางนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับกรณีนี้เป็นอย่างมากได้ให้ตนเองติดตามตั้งแต่ตนเองดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในขณะนั้น ดำเนินการในทางลับมาโดยตลอด ซึ่งคดีหุ้นสตาร์คสร้างความเสียหายและผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยทั้งรายเล็ก และรายใหญ่ ซึ่งถือว่าคดีนี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ
สำหรับการติดตามตัวตัว ตั้งแต่นายชนินทร์หลบหนีไปต่างประเทศ ใช้เวลา 8 เดือน ในการติดตาม ตั้งแต่หาตัวว่าหลบไปประเทศไทย จากเมื่อทราบว่าอยู่ที่ดูไบ ก็ได้ประสานกับราชการทางดูไบทันที จนกระทั่งมีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้
จากการคุยเบื้องต้น นายชนินทร์มีการร้องขอความเป็นธรรม กังวลเรื่องความปลอดภัย บอกว่าตอนอยู่ที่ดูไบ โดนคุกคาม และเมื่ออยู่ที่ดูไบ นายชนินทร์ใช้ชีวิตแบบนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง
ด้านพันตำรวจตรี ยุทธนา บอกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ จะคุมตัวนายชนินทร์ไปสอบปากคำที่ตึกดีเอสไอ แจ้งข้อหา แจ้งสิทธิต่าง ๆ และจะส่งตัวให้อัยการพรุ่งนี้ ช่วงบ่าย เพื่อส่งฟ้องศาล ซึ่งดีเอสไอได้คัดค้านการประกันตัว
ด้านนายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความของนายชนินทร์ ก็บอกกับสื่อมวลชนว่า ความจริงแล้ว นายชนินทร์ไม่ได้อยากหลบหนี ตั้งใจอยากจะกลับบ้าน และยืนยันว่า นายชนินทร์ไม่ได้ทำความผิดอะไร ส่วนที่มีข่าวบอกว่า มีการขนเงิน 8 พันล้านไปต่างประเทศนั้นไม่เป็นความจริง ไม่รู้ข่าวออกไปได้ยังไง
ส่วนที่เดินทางกลับครั้งนี้ก็เพราะอยากจะกลับบ้านจึงประสานกลับมาสู้คดี ไม่ใช่การจับกุม เพราะที่ดูไบทีนักโทษหนีคดีจำนวนมาก ถ้าจะจับ ทำไมไม่จับคดีอื่นด้วย เพราะคดีที่นายชนินทร์โดนมีอีกหลายคนที่มีพฤติกรรมแบบเดียวกัน แต่ทำไมถึงไม่โดนหมายจับ ไม่โดนฟ้อง
ส่วนตัวนายชนินทร์ไม่ได้กังวลอะไร พูดคุยปกติ คุยกันล่าสุด ยังบอกว่า เจอกันเมืองไทย เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว
นอกจากนี้ นายเรืองศักดิ์ ยังบอกอีกว่า ก่อนที่นายชนินทร์จะหนีออกไปต่างประเทศ ทางครัวครอบของนายชนินทร์บอกกับตนเองว่า นายชนินทร์โดนคุกคาม อยู่ไทยไม่ได้แล้ว จึงจะหนี ซึ่งตนมาทราบทีหลัง ถ้าทราบก่อนก็จะบอกว่าอย่าหนีเลย ควรสู้คดี แต่ครอบครัวกลัวเรื่องความปลอดภัย เมื่อถามว่าใครคุกคาม ตนเองก็ไม่ทราบว่าใคร นายชนินทร์ไม่ได้บอก ซึ่งการคุกคามนี้ คนอื่นที่โดนคดีก็โดนเช่นกัน หลังจากที่หนี ตนก็ไม่ได้คุย เพราะนายชนินทร์ไม่ได้ใช้มือถืออีกเลย
ตนยังทราบว่า นายชนินทร์ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมให้กับดีเอสไอ และอัยการชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมด ทั้งเส้นทางการเงิน และข้อมูลต่าง ๆแต่ทางดีเอสไอ และอัยการ บอกตนกลับมาว่า จะรับเรื่องไว้เฉย ๆ แต่ไม่รับพิจารณา เพราะตัวผู้ต้องหาไม่ได้มายื่นด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ ทนายได้ตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า ทำไมบุคคลที่มีพฤติกรรมเดียวกับนายชนินทร์ กลับไม่ถูกตั้งข้อหา หรือถูกออกหมายจับเลย
ส่วนหลักทรัพย์ประกันตัว ยอมรับว่ากระทันหัน ยังไม่ได้เตรียมแต่ก็จะปฏิบัติตามกฎระเบียบทุกอย่างหากศาลไม่ประกันก็จะยอมรับสภาพ ซึ่งตนเชื่อถึงความยุติธรรมของศาล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ประกันไหม เพราะคนอื่นที่โดนคดีก็ไม่ได้ประกันเหมือนกัน
ผู้ถูกดำเนินคดี 11 ราย
1. บริษัทสตาร์ค คอร์ปอเรชั่น มหาชน
2. นายชนินทร์ เย็นสุดใจ
3. นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ
4. นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ
5. นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม
6. บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด
7. บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
8. บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด
9. บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
10. นางสาวยสบวร อำมฤต
11. นางสาวนาตนา ปราบเพชร
---------------
ภายหลังควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายชนินทร์ ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ Toyota รุ่น COROLLA ALTIS สีดำ ไปยังอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เพื่อนำตัวส่งให้ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ดำเนินคดี และสอบปากคำตามขั้นตอน ภายใน 48 ชม.
เมื่อมาถึงนายชนินทร์ สวมแมสก์สีเทา สวมหมวกสีดำ การแต่งกาย สวมเสื้อคอปกสีดำ กางเกงขายาวสีครีม ในมือข้างขวาถือกระเป๋าและเอกสาร โดยมีสีหน้าเรียบเฉย ก้าวออกจากรถคันดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอประกบรอบข้าง
นายชนินทร์ไม่ตอบคำถามใด ๆ กับผู้สื่อข่าว ไม่ว่าจะเป็นกรณีการประสานขอมอบตัวด้วยตัวเอง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รวมถึงจะมีการต่อสู้คดีหลังจากนี้อย่างไรบ้าง ก่อที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะควบคุมตัวนายชนินทร์ เข้าไปในลิฟต์ นำตัวขึ้นไปยังห้องประชุม ชั้น 1 ด้านบนอาคาร
--------------
ที่กรมสอบสวนคดดีพิเศษ (DSI) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า การควบควบคุมตัวนายชนินทร์ครั้งนี้ ยืนยันเป็นการจับกุมหักล้างทนายของนายชนินทร์ ที่บอกว่าประสงค์กลับไทยมามอบตัว
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ แจ้ง 6 ข้อหาสำคัญ ดังนี้
1. ฉ้อโกงทรัพย์สินประชาชน
2. กระทำความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3. การปลอมแปลง บันทึกบัญชีเป็นเท็จ
4. ผู้บริหารปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาท ไม่ระมัดระวัง
5. กระทำการทุจริต
6. ฟอกเงิน
พ.ต.ต.ยุทธนา ยังกล่าวอีกว่า พรุ่งนี้ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 น. พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำตัว นาย ชนินทร์ เย็นสุขใจ ส่งอัยการ ซึ่ง ดีเอสไอ ยังคงสอบสวนเพิ่มเติมคดีฟอกเงิน ขอเวลาหนึ่งเดือน จะเห็นความชัดเจนใครที่รับโอนเงินไปบ้าง”
---------------
เวลา 14.30 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้าการควบคุมตัวและสอบสวนนายชนินทร์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่า การดำเนินการได้ตัวนายชนินทร์ เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการและเป็นการดีที่ผู้ต้องหาจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความผิดถูก
ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้กำกับดูแลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวนอย่างรอบคอบและรัดกุมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรื่องนี้เป็นคดีเกี่ยวกับตลาดทุนที่ประชาชนและทุกภาคส่วนให้ความสนใจ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนของประเทศให้กลับคืนมา
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าหลังสอบปากคำนายชนินทร์ ว่าเป็นคดีสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย โดยพนักงานสอบสวนและอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้อง ใน 6 ข้อหาสำคัญ คือ ความผิดตาม พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย / พระราชบัญญัติฟอกเงิน / ตามประมวลกฏหมายอาญาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน /ซึ่งได้แจ้งทุกข้อกล่าวหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายชนินทร์ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอแก้คำให้การที่เคยให้ปากคำไปก่อนหน้านี้ ในข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าทรัพย์สินที่ได้มา
จากการพูดคุยกับนายชนินทร์ พบว่าเจ้าตัวมีความเครียดกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากถูกผู้เสียหายข่มขู่และเจ้าตัวได้แจ้งกับพนักงานสอบสวน ว่ามีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับช่องท้อง ส่วนเส้นทางการเงินจากสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI พบว่ามีเส้นทางการเงินมาถึงนายชนินทร์ไม่มาก แต่ไปถึงบุคคลซึ่งเป็นเลขาฯ และบุคคลอื่นเป็นจำนวนมาก ส่วนระยะเวลา 8 เดือน ที่นายชนินทร์ อยู่ในต่างประเทศ จะมีการซุกซ่อนทรัพย์สินหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะการจับกุมไม่พบทรัพย์สินใด ๆ ติดตัวผู้ต้องหากลับมาเลย จึงต้องขยายผลหาทรัพย์สินที่เชื่อมโยงไปยังบุคคลอื่น คาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 1 เดือน จึงจะสามารถขยายผลไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงินได้
สำหรับผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 6 คน ขณะนี้ถูกจับกุมครบทุกคนแล้วและยังไม่มีใครได้รับการประกันตัว ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นกระบวนการในชั้นศาล โดยจะเริ่มพิจารณาในวันที่ 14 มกราคม 2568 ส่วนเรื่องการเฉลี่ยทรัพย์สินคืนผู้เสียหายขณะนี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สามารถติดตามทรัพย์สินกลับมาได้เพียง 3,000 ล้านบาท แต่คดีนี้มีมูลค่าความเสียหายถึง 14,000 ล้านบาท จึงต้องติดตามทรัพย์ กลับขึ้นมาให้ได้มากที่สุด
----------------
ด้าน พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กล่าวว่า
เบื้องต้นผู้ต้องหาไม่ได้ให้การแต่อย่างใด และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมแจ้งว่าจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ส่วนวานนี้ (23 มิ.ย. 67) เมื่อกระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนจะคุมขังนายชนินทร์ ไว้ยังห้องขัง ชั้น 6 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว
จากนั้น ในวันจันทร์ที่ 24 มิ.ย. พนักงานสอบสวนจึงจะนำตัวนายชนินทร์ ไปส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อให้อัยการส่งฟ้องต่อศาลอาญา ตามขั้นตอน
--------------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/CzqvfnZ3jqg