สังคม

แม่ร้องลูกสาววัย 11 ถูกตาเลี้ยงวัย 32 ลวนลาม-หนังสติ๊กยิงตาบอด ยายป้องผัว บุกทำร้าย-จะใช้มีดแทง

โดย passamon_a

24 มิ.ย. 2567

428 views

แม่ชาวเมียนมาร้อง ลูกสาววัย 11 ปี ถูกตาเลี้ยงลวนลาม บุกพังประตูบ้าน งัดหน้าต่าง กระทืบตนเอง ยายไม่เชื่อจะใช้มีดแทงไม่พอใจใส่ร้ายผัว ด.ญ.คว้าโทรศัพท์ถ่ายคลิป โดนตาเลี้ยงเอาหนังสติ๊กจ่อยิงใส่ตาบอดสนิท ยายป้องผัวไปบอกกับโรงเรียนว่าหลานแกล้งตาบอด กัน จอมพลัง ประสานตำรวจบุกรวบตาเลี้ยงเข้าคุก อ้างไม่ได้ตั้งใจ


เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.67 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ลงพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังแม่ชาวเมียนมา อายุ 28 ปี ร้องขอความช่วยเหลือ ว่าลูกสาวอายุ 11 ปี ถูกนายสุธี (SOE HTAY) อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นตาเลี้ยง (สามีใหม่ของยาย) เอาหนังสติ๊กจ่อยิงตาน้องจนตาบอดสนิท สืบเนื่องจากลูกสาวมาฟ้องแม่ว่าคุณตาบีบหน้าอก ลูบหน้า ลูบแขน ตอนแม่ไม่อยู่ แม่ของเด็กจึงโทรไปฟ้องยาย อายุ 47 ปี สัญชาติเมียนมา แต่ยายไม่เชื่อแล้วพาสามีใหม่ของยาย บุกมาที่บ้านพัก พยายามพังประตูบ้านเพื่อจะเข้ามาในบ้านแต่เปิดไม่ได้


จากนั้นตาเลี้ยง สามีใหม่ของยาย เดินไปบริเวณข้างบ้านแล้วใช้มืองัดประตูหน้าต่าง แม้ว่าจะใช้เชือกผูกมัดกับที่จับประตูหน้าต่างไว้แล้วก็ตาม เพื่อไม่ให้ตาเลี้ยงเข้ามาในบ้านได้ แต่คุณตาก็งัดประตูหน้าต่างสุดแรง จนสามารถเปิดหน้าต่างได้ แล้วยืนมองและยิ้มเย้ยให้กับเด็กหญิงวัย 11 ปี และมีเด็กชายอยู่ด้วยอีก 1 คน ซึ่งแม่ของเด็กและเด็กหญิงคนดังกล่าวได้ถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน


เหตุการณ์จากนั้น ตาเลี้ยงได้กระทืบแม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าว ส่วนยายพยายามเอามีดเข้ามาจะแทงแม่ของเด็กหญิงวัย 11 ปี เด็กหญิงเข้าไปถ่ายคลิปเหตุการณ์ จึงถูกตาเลี้ยงเอาหนังสติ๊กจ่อยิงใส่ตาน้อง ก่อนที่แม่จะพาลูกสาวไปโรงพยาบาล ต่อมาแพทย์ได้ทำการตรวจปรากฏว่าดวงตาข้างขวาบอดสนิท ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ยายกลับไปบอกกับโรงเรียนว่าน้องแกล้งตาบอด


แม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าว บอกว่า ผ่านไป 1 เดือน คดีไม่คืบ แถมมีชายชาวพม่ามาข่มขู่ที่บ้านให้ถอนแจ้งความ และไม่ให้อยู่ใน จ.สุรินทร์ มิเช่นนั้นจะไม่แค่ตาบอด แถมมีคลิปเสียงตอนแม่ของเด็กหญิงคุยกับชายชาวพม่า อ้างเป็นผู้มีอิทธิพลท้องที่ ให้เอาเงิน 10,000 บาท ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่งั้นตำรวจจะเอายาเสพติดมายัดและจะถูกจับกุม เป็นการบีบบังคับให้กลัวเพื่อไม่ให้อยู่ที่ไทย เนื่องจากแม่ของเด็กหญิงเป็นชาวเมียนมา


แม่ของเด็กหญิงวัย 11 ปี เล่าว่า ยายของเด็กไม่เชื่อว่าสามีจะทำแบบนี้ จากนั้นยายกับตาเลี้ยงบุกมาที่บ้าน พอมามาถึงก็กระชากประตูและบอกว่ามึงออกมาคุยกับกู ตนบอกว่าไม่ออก รอตำรวจมาก่อน จะคุยอะไรก็คุยต่อหน้าตำรวจ พอกระชากประตูและหน้าต่างออกไม่ได้ ตาเลี้ยงก็ยิงหนังสติ๊กเข้ามาในบ้าน ตนเอาโทรศัพท์ขึ้นมาบังเอาไว้ ถูกด้านหลังโทรศัพท์แตก จากนั้นพอเปิดประตูหน้าบ้านได้ ยายก็กระชากตนออกไปหยิบไม้ตีหลังของตน


ส่วนตาเลี้ยงใช้หนังสติ๊กทุบด้านหลัง ตนเองจึงบอกลูกสาวให้ถ่ายรูปเอาไว้ พอตาเลี้ยงได้ยินจึงเดินไปยิงหนังสติ๊กใส่ดวงตาของลูกสาว โดยยิงแบบตั้งใจ ในคลิปก็มีหลักฐาน ไม่ใช่โดนลูกหลงตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งระยะที่ยิงใส่ ห่างกันประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตรเท่านั้น ระหว่างนั้นตนเองก็สู้กับแม่ตัวเองอยู่ใกล้กัน แม่ได้วิ่งไปเอามีดหลังบ้านมาจะเอามาแทงตนเอง สู้กันไปแย่งมีดกัน ต่างฝ่ายต่างถูกมีดบาดนิ้ว


ขณะนั้นตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพอดี ก่อนแนะนำให้พาลูกไปหาหมอก่อนค่อยเข้าแจ้งความ ต่อมาวันที่ 18 พฤษภาคม ตาเลี้ยงได้โทรมาหาลูกสาวและขู่ว่าอย่าบอกตำรวจ อย่าบอกความจริงนะเพราะจะทำร้าย ต่อมาวันที่ 19 หรือ 20 พฤษภาคม ยายได้ไปหาที่โรงเรียนลูกสาว และบอกว่าไม่ได้ตาบอดจริง แค่แกล้งตาบอด ซึ่งทำให้ลูกสาวอายเพื่อน


กระทั่งวันที่ 5 มิถุนายน พาลูกน้องมาขู่ที่บ้านพัก ไม่ให้อยู่ในจังหวัดให้ออกจากที่นี่ไป พร้อมกับถอนแจ้งความ หากไม่ทำแบบนั้นก็จะถูกทำร้าย ลูกแกตาบอดมันยังน้อยไป ตนจึงเข้ามาแจ้งความซ้ำอีกครั้ง วันที่ 6 มิถุนายน ส่วนผู้ก่อเหตุก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากนั้นวันที่ 14 มิถุนายน ยายเข้ามาตบหน้าตนเอง ตนก็ไปแจ้งความเอาอีก


ขณะที่ เด็กหญิงวัย 11 ปี เปิดเผยว่า มีอาการปวดตาตลอดเวลา มองเห็นเพียงข้างเดียว ส่งผลกระทบต่อการเรียน ไม่สามารถไปเรียนได้เนื่องจากหมอห้ามเรียน 1 ปี อยากให้คนที่ทำชดใช้ในคุก เพราะทำให้ตนเองตาบอดมองไม่เห็น ส่วนที่ตาเลี้ยงเข้ามาลวนลามนั้น ครั้งนั้นประมาณ 3-4 ทุ่ม ตนเฝ้าบ้านให้แม่ เพราะน้องอีก 2 คน นอนหลับแล้ว ตาเลี้ยงมาที่บ้าน ตนก็บอกว่าแม่ไม่อยู่ ตาเลี้ยงก็ดึงประตูเข้ามาในบ้าน เรียกชื่อตนเอง และเข้ามาจับมือ ลูบหน้าและจับหน้าอก ตนจะวิ่งหนีไปก็ถูกกระชากมือ แล้วบอกว่าเรื่องนี้ห้ามบอกแม่นะถ้าบอกมึงตาย ตนก็วิ่งหนีไปหลังบ้าน ตาเลี้ยงก็กลับบ้านไป ทีแรกก็ชั่งใจว่าจะบอกแม่ดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอก


โดย กัน จอมพลัง ได้ประสานผู้กำกับการ สภ.พนมดงรัก เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี เกรงว่าแม่และลูกสาวจะไม่ปลอดภัย ระหว่างที่ กัน จอมพลัง กำลังพูดคุยข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้เสียหายตำรวจ ปรากฏว่ามีชายชาวเมียนมา 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างขายโรตี เข้ามาในพื้นที่สถานีตำรวจ โดยหนึ่งในนั้นชี้หน้ามาทางกลุ่มของ กัน จอมพลัง และผู้สื่อข่าว ที่ยืนอยู่ด้านใน ซึ่งผู้เสียหายบอกว่า คนชี้เป็นผู้ก่อเหตุในคลิป หลังจากนั้น กัน จอมพลัง ได้เดินเข้าไปหาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว และสอบถามว่า "ใช่เอ็งหรือไม่ที่ยิงหนังสติ๊กใส่ตาเด็ก"


ซึ่งขณะนั้นตาเลี้ยง ผู้ก่อเหตุ อ้างว่า "ไม่ใช่ตน" แต่แม่ของเด็กได้ชี้และยืนยันว่า "ใช่ค่ะคนนี้แหละ" จากนั้นได้สอบถามว่ายิงหนังสติ๊กเด็กแล้วมาที่นี่ทำไม ตาเลี้ยงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้เป็นคนทำ ก่อนที่ กัน จอมพลัง จะเปิดคลิปวิดีโอหลักฐานให้ดู ซึ่งภาพในวิดีโอนั้นปรากฏใบหน้าชัดเจนตรงกัน เมื่อถามย้ำอีกว่ามาทำอะไร ตาเลี้ยงอ้างว่ามาส่งของเพราะขายของ และปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงหนังสติ๊กใส่เด็ก แต่เกิดเหตุทะเลาะกับแม่ของเด็ก อ้างว่าแม่ของเด็กจะเอามีดมาแทงตนเอง พร้อมบอกว่าเด็กไม่ได้ตาบอด และเด็กก็เป็นหลานตนเอง  


ตาเลี้ยงยังอ้างอีกว่า ตนเองถูกแม่เด็กเอามีดไล่ฟัน จึงป้องกันตัว และอ้างว่าสถานที่ในคลิปคือบ้านที่ตนเองเช่าอยู่ และตัวเองเป็นคนออกค่าเช่า โดยตาเลี้ยงไม่มีท่าทีสลดแต่อย่างใด กัน จอมพลัง จึงตะโกนเรียกให้เด็กออกมาหา ก่อนจะยอมรับว่ายิงหนังสติ๊กจริง ไม่ได้ตั้งใจ อ้างเพื่อป้องกันตัว เพราะถูกแม่ของเด็กจะมาทำร้าย อ้างว่าวันเกิดเหตุตนเป็นคนพาน้องผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งแม่พูดออกมาทันทีว่าไม่จริง และเด็กพูดว่าแม่ไปส่ง และเป็นคนโทรเรียกรถ 1669 ขณะที่ผู้เสียหายยืนยันว่าผู้ก่อเหตุโกหก ตาเลี้ยงเถียง กัน จอมพลัง แล้วยืนยิ้ม กัน จอมพลัง เกือบง้างมือตบ


ต่อมา กัน จอมพลัง ได้สอบถามกับเพื่อนของผู้ก่อเหตุ ชาวเมียนมาอีกรายหนึ่ง ที่นั่งอยู่บริเวณรถพ่วงซาเล้ง ว่า "ทำไมเหรอ ขู่ว่าจะเข้าประเทศไทยไม่ได้เหรอ เป็นอะไร มึงแน่เหรอ" ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่า "บอกว่าจะไม่ให้หนูอยู่ที่นี่" กัน จอมพลัง พูดต่อว่า "มึงเป็นเหี้ยอะไรเป็นเจ้าของประเทศเหรอ" ซึ่งเพื่อนของผู้ก่อเหตุรีบปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้พูด ตนเองไม่เกี่ยว ขณะที่ผู้เสียหายยืนยันชายคนนี้ข่มขู่จริงว่า "ตาบอดยังน้อยไป" ซึ่งเด็กหญิงวัย 11 ปี ยืนยันว่าถูกตาเลี้ยงจับมือและลูบหน้าอกด้วย ส่วนตาเลี้ยงพูดสวนกลับว่า "มีหลักฐานไหม"


จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวตาเลี้ยง พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อฮอนด้า สีดำแดง ไปสอบปากคำดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยแจ้งข้อกล่าวหา เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้ (เร่ขายสินค้า) ม.8 พรก.บริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่


พ.ต.อ.นพดล พินิจอักษร ผู้กำกับการ สภ.พนมดงรัก ระบุว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องคดี โดยหลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 7 มิถุนายน เบื้องต้นได้มีการจับกุมตัวผู้เป็นยายเเล้ว เนื่องจากมีการไปข่มขู่ผู้เสียหาย และได้นำตัวฝากขังไปแล้ว เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบเอกสาร ผู้เสียหายมีบัตรประจำตัวสีชมพู และหนังสือเดินทาง


ส่วนนายสุธี ตาเลี้ยง มีบัตรประจำตัวสีชมพู และหนังสือเดินทาง แต่ยาย บัตรสีชมพูหมดอายุ ไม่มีหนังสือเดินทาง ทั้งนี้เตรียมประสานกระทรวงแรงงาน ว่าผู้ต้องหาเข้าข่ายผิดกฎหมายใดจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มต่อไป เบื้องต้นยังได้แจ้งข้อหา ร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขู่โดยการประทุษร้าย, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/KCvRX3vmiD4

คุณอาจสนใจ

Related News