สังคม

ชายร้องเมียแอบคบกับพระ ส่งปิ่นโตทุกวันคิดว่าสายบุญ

โดย thanaporn_s

12 มิ.ย. 2567

803 views

ชายร้อง เมียแอบคบกับพระ ปฏิเสธเสียงแข็งแค่ส่งปิ่นโตเช้า – เพลทุกวัน ตามประสาคนใจบุญ สุดท้ายพระสึกแล้วหนีไปอยู่ด้วยกัน ช้ำหนักชายชู้บอกให้ฉีกทะเบียนสมรสทิ้ง เพราะผู้หญิงเลือกแล้ว


ชาย วัย 48 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ได้ร้องเรียนมายังเพจโหนกระแสว่า ภรรยาลอบคบหากับพระ แต่ยืนกรานปฏิเสธ สุดท้ายพระยอมสึก แล้วหนีไปอยู่ด้วยกัน ซ้ำชู้ยังท้าทายให้ฟ้อง โดยชายคนดังกล่าว ชื่อ นายโอม นามสมมติ เล่าว่า ตนมีภรรยา อายุ 41 ปี รู้จักกันมานานตั้งแต่ปี 47 โดยเพื่อนแนะนำให้เพราะเห็นว่าเป็นคนอีสานบ้านเดียวกัน ตนเป็นคนจังหวัดนครราชสีมาืส่วนภรรยาเป็นคน จ.ขอนแก่น คุยกันได้ระยะหนึ่งจึงตัดสินใจคบหากันเป็นแฟนและตั้งท้องมีลูกด้วยกันตอนปี 54 หลังจากคลอดลูกจึงได้จดทะเบียนสมรสกันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 3 คนพ่อแม่ลูกเป็นครอบครัวไม่เคยมีปัญหา


โดยย้ายครอบครัวไปอยู่ที่บ้านของภรรยาในจังหวัดขอนแก่น จากนั้นภรรยา ก็ได้รับราชการเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านส่วนตนเองก็ทำงานประจำใช้ชีวิตแบบนี้กันมาจนปัจจุบันลูกสาวอายุ 13 ปี , ซึ่งช่วง 4 ปี หลังมานี้ ต้นมีปัญหาด้านสุขภาพจึงต้องลาออกจากงานประจำและมาอยู่บ้านรับจ้างทั่วไป ทำไร่ ทำนาตามประสา ส่วนภรรยาก็ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเวลามีงานบุญ งานวัดภรรยาจะเป็นคนดูแลจัดงาน


และเวลาทางวัดมีการบูรณะซ่อมแซมศาลา โบสถ์ วิหารต่างๆ ภรรยาก็จะเป็นคนคอยช่วยงานและหลายครั้งก็มีการรับพระไปกิจนิมนต์ หลัง ๆ เริ่มบ่อยขึ้น จนชาวบ้านเริ่มซุบซิบนินทาเพราะเห็นว่าภรรยาของตนมีความสนิทสนมกับพระหนุ่มรูปหนึ่งอายุ 33 ปี


ตนและญาติๆ รู้เข้า ก็มองว่าไม่เหมาะสมเพราะเป็นผู้หญิง จึงได้ตักเตือนให้ห่างออกมา ให้เป็นหน้าที่กรรมการวัดและคนที่วัดไป ซึ่งเคยมีการเรียกพระหนุ่มและภรรยาตนมาพูดคุย แต่ภรรยาก็อ้างว่า งานที่วัดไม่มีใครทำและทั้งคู่ก็ยืนกรานว่า ไม่มีอะไร รู้บาปบุญ รู้อะไรควร ไม่ควร พี่สนิทสนมกันเพราะว่าต้องคอยส่งปิ่นโตถวายเช้าถวายเพลเนื่องจากพระหนุ่มไม่สบายบ่อย จึงไม่ได้ออกบิณฑบาตและทั้งคู่รับปากว่า จะรักษาระยะห่างให้อยู่ในความเหมาะสม


จากนั้นตนก็ได้เรียกภรรยาไปคุยภรรยาก็ยังยืนกรานว่าไม่ได้มีอะไรจริง ๆ แต่ตนก็บอกไปว่าถ้าไม่ได้ทำก็ถอยออกมา หรือถ้าทำก็ขอให้หยุด ตนให้อภัย จู่ๆภรรยาก็ร้องไห้ กราบขอโทษและอ้อนวอน รับปากว่าจะไม่ทำอีก


แต่ปรากฏว่าในวันเดียวกัน ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ 15 เมษายนช่วงสงกรานต์พอดีที่วัดมีการจัดงานประเพณี หลังจากภรรยาคุยกับตนเสร็จแล้ว ภรรยาขอตัวเป็นเก็บงานที่วัดและก็หายไปตั้งแต่ช่วงกลางวัน จนค่ำมืดก็ยังไม่กลับ ตนไปตามหาก็ไม่พบ จนมีพระรูปหนึ่งอละชาวบ้านบอกว่า ภรรยาตนหายออกไปกับพระหนุ่มตั้งแต่เที่ยง


ตนพยายามไม่ทำอะไรรุนแรงเพราะห่วงลูก และไม่อยากให้ลูกมารับรู้เรื่องที่ทำให้เสียใจเสียความรู้สึกแบบนี้ กระทั่ง 21:00 น. วันเดียวกัน ภรรยาขับรถกลับมาที่บ้านแต่เห็นว่าตนอยู่และมีญาติพี่น้องอยู่อีกหลายคนจึงรีบขับรถกลับออกไป ซึ่งตนสังเกตเห็นว่ามีคนนั่งอยู่เบาะด้านข้างด้วย แต่ไม่เห็นว่าเป็นจีวรพระ เห็นเป็นผู้ชายใส่เสื้อสีดำใส่หมวก


ตนแอบคิดในใจว่า หรือ พระหนุ่มอาจจะไปลาสิขามาแล้ว ปรากฏว่าก็เป็นแบบนั้นจริงๆเพราะพระหนุ่มใช้ facebook ของตัวเองถ่ายรูปคู่กับภรรยาและมา comment ในโพสต์ของตน เหมือนต้องการแสดงตัวให้รู้ว่า ตอนนี้ได้สึกมาแล้วและก็อยู่ด้วยกันบนรถ จากนั้นญาติพี่น้องก็พยายามเรียกภรรยากลับมาว่าให้มาคุยกับตนมีอะไรให้คุยกัน


ซึ่งตนสงสัยว่าทั้งคู่จะไปไหน จึงแอบไปดูที่กระท่อมปลายนา ปรากฎว่า เจอทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ตนบันดาลโทสะ โมโหมากจึงปรี่เข้าไปต่อยอดีตพระหนุ่ม แต่ภรรยาก็เข้ามาห้ามและบอกว่า จะเลิกยุ่งกันแล้ว ให้ดูแชตเป็นหลักฐานด้วยว่ามีการบอกเลิกจริงๆ เพียงแค่จะมาคุย มาร่ำลากันเท่านั้น ตนก็ให้อภัยเพราะคิดว่าภรรยาทำผิดพลาดไปแล้วจะกลับตัวและจะเลิกยุ่งกับอดีตพระหนุ่ม


หลังจากเหตุการณ์นั้น ภรรยาบอกว่าอับอาย อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ จึงลาออกจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและขอไปทำงานกับเพื่อนที่ จ.ชลบุรี ตนก็เข้าใจและยินยอมให้ไป พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง คิดว่าก็ดีถ้าอยู่ห่างกับอดีตพระหนุ่มอาจจะเลิกยุ่งกันได้จริงๆ


แต่หลังจากไปได้ไม่กี่วัน ปรากฎว่าก็มีคนส่งรูปมาเห็นทั้งคู่ไปขายอาหารอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งมน จ.ขอนแก่น 1 มิถุนายน 67 ตนจึงขับรถไปตามดูก็เจอภรรยาจริงๆ ยืนขายกับข้าวอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง หลังนั้นภรรยาอ้างว่าเป็นบ้านเพื่อนและที่ชลบุรีขายไม่ดีจึงย้ายกลับมาขายที่นี่ แต่ตนไม่เชื่อพยายามจะเข้าไปดูในบ้านว่า มีใครอยู่บ้าง แต่พี่สาวห้ามไว้ จึงแค่มีการพูดคุยกันและแยกย้ายกลับบ้าน



ต่อมาตนยังคาใจจึงกลับไปดูที่บ้านหลังนี้อีกครั้งวันที่ 8 มิถุนายน 67 เพื่อนำเอกสารไปให้ภรรยาเซ็นเกี่ยวกับเรื่องลูกสาวจะเข้าโรงเรียน ปรากฏว่ารอบนี้เจอทั้งภรรยาและอดีตพระหนุ่มหนำซ้ำมีการท้าทายด้วยว่าผู้หญิงเขาเลือกแล้ว “มีแค่ทะเบียนสมรสฉีกทิ้งไปไม่มีค่าอะไร” หนำซ้ำท้าทายให้ตนฟ้องชู้ด้วย จึงมีปากเสียงกัน และผู้ใหญ่บ้านที่นั้นเข้ามาห้าม ก็บอกแต่ว่าให้ตนไปตกลงกับภรรยาให้เรียบร้อยร้อยเรื่องหย่า มันเป็นเรื่องส่วนตัว


นายโอม บอกอีกว่า ตอนนี้ตนก็ตกงาน ต้องกลับมาอยู่บ้านน้องสาวที่ จ.นครราชสีมา ไปสมัครงานที่ใหม่ก็ไม่มีที่ไหนรับเพราะอายุมากแล้ว ตนอยากให้ภรรยามาเจรจาตกลงกันเรื่องหย่าและเรื่องค่าดูแลลูก ส่วนอดีตพระหนุ่ม มือที่ 3 ตนต้องการฟ้องชู้และดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด




คุณอาจสนใจ

Related News